Saturday, April 16, 2016

ภาพเป็นข่าว


ใครคือคนจ้าง........... ทรราช ประยุทธ์ ทำรัฐประหาร

ใครคือคนจ้าง........... ทรราช ประยุทธ์ ทำรัฐประหาร

สิ้นแล้ว............ทรราช ประยุทธ์ตายคาที่ ถูกกระชากหน้ากาก จับโกหกได้ แต่ทำเป็นเฉย กรณีรับสินบน"นายเจริญ-นางวรรณา( นอมินีทุนอำมาตย์สามานตย์" ในรูปแบบการซื้อที่ดินไร้ราคาของพ่อประยุทธ์ให้ราคาสูงเกินจริงไปได้ถึง 600 ล้าน เจาะฐานข้อมูลปานามาลีก แล้วทรราช ประยุทธ์เน่าแน่ก่อนจะเรียกคนไทย 21 คนที่มีรายชื่อในปานามาลีกมาสอบ เอาเรื่องฉาวโฉ่ที่เสี่ยเจริญ-นางวรรณายกเอาเงินส่วนที่ฟอกอยู่เมืองนอกมาจ้างทรราช ประยุทธ์ทำการยึดอำนาจก่อนเลย

-
คนไทยสิ้นสงสัย!เสี่ยเจริญโยก"หุ้นใหญ่"ซื้อที่ดินห่างไกลความเจริญของพ่อประยุทธ์ มีที่อยู่ชื่อบริษัทของเสี่ยเจริญบนเกาะบริติชเวอร์จิน แหล่งฟอกเงินผิดกฎหมายของมาเฟียทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือ นายเจริญ-นางวรรณา ผัวเมียนักธุรกิจชั่วจ้างพลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจ 22 พ.ค.57 หลังจากยึดอำนาจบริษัทเสี่ยเจริญ-นางวรรณาได้รับประโยชน์เอื้อทางธุรกิจมากมาย ประจานนายเจริญ-นางวรรณาได้เน่าไปทั่วโลกแล้ว
-
บิดาทรราช ประยุทธ์แก่มากแล้ว ไม่อยากลวงโลกเหมือนลูกชาย เกิดความไม่สบายใจรับราชการมาจนเกษียณแค่พันเอก และไม่เคยมีเงินมากพอสะสมซื้อที่ดินทิ้งไว้จนขายได้ราคาสูง 600 ล้าน เวรกรรมที่ประยุทธ์ก่อกรรมทำเข็ญ อย่ายกให้พ่อที่แก่เฒ่า พ่อไม่รู้เรื่อง ไม่สนใจอะไรแล้ว ตอนนี้นอนอย่างเดียว
-
ข้อมูลเพิ่มเติม http://isranews.org/isranews-scoop/item/34206-com02_34206.html



มาร์คกลายเป็นแม้ว....!!! มันก็เท่ากับความเป็นไปไม่ได้ นั้นเอง

ผมอ่านบทความนี้แล้ว ตอนแรกแปลกใจ  แต่พออ่านเนื้อในก็เข้าใจว่า คุณ ใบตองสื่ออะไร  คำว่ามารค์เป็นแม้วนั้น มันคือเป็นไปไม่ได้ นั้นเอง

-------------------------------------------------------------------------

มาร์คกลายเป็นแม้ว....!!!

ใบตองแห้ง
 
คืนก่อนผมนอนฝันร้าย ฝันว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็น นายกฯ เหมือนปี 2535 ตื่นมา อ้าวที่ไหนได้ โดนจับกล่องยาสามัญประจำบ้าน ยังดีที่ไม่โดนความผิดฐานเป็นภัยความมั่นคง เพราะหมอวรงค์ยืนยัน เทียบ "ขันแดง" ไม่ได้ นั่นขันของทักษิณ "ผู้เหิมเกริมในอำนาจ"
 
-
แหมโดนจับกระทั่งขัน ยังเป็น "ผู้เหิมเกริมในอำนาจ" ฉลาดพูดนะ รัฐบาลเพื่อไทยเคยจับยาสามัญประจำบ้านหรือ
 
-
ปชป.อุตส่าห์โชว์ฟอร์มพระเอก แถลงไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ไม่เห็นด้วยและไม่รับคำถามพ่วง พร้อมเรียกร้องประชามติเปิดกว้างให้คัดค้านโดยเสรี ที่ไหนได้ แทนที่จะได้ดอกไม้กลับโดนก้อนอิฐ ไม่ใช่แค่ คสช. แต่จากสื่อและแฟนคลับคนชั้นกลางที่เคยเชียร์ขัดขวาง เอ๊ย บอยคอตเลือกตั้งนั่นเอง
 
-
สุดหล่ออย่างอภิสิทธิ์ ยังไม่พ้นข้อหา "รัฐธรรมนูญปราบโกง นักการเมืองต่อต้านแปลว่านักการเมืองโกง" ทั้งที่อุตส่าห์ไม่เห็นด้วยกับร่างมีชัยแบบข้างๆ คูๆ เช่น อ้างว่าปราบโกงไม่หนำใจ ทำไมยกเลิกถอดถอน ฯลฯ ตรงข้ามกับ "นิติราษฎร์" หรือ "ประชาธิปไตยใหม่" ที่คัดค้านการให้อำนาจศาลองค์กรอิสระล้นเกิน
 
-
โถจะให้อภิสิทธิ์วิจารณ์อำนาจศาลองค์กรอิสระได้ไง ในเมื่อได้เป็นนายกฯ เพราะศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชาชน
 
-
คนอีกข้างเลยยังไม่เชื่อใจ มองว่า "มาร์ค" แทงกั๊ก ขณะที่แฟนคลับก็สับสน บางคนเห็นตาม แต่บางคนที่เปลี่ยนไปเป็นแฟนคลับ "ลุงตู่" ก็ด่าเช็ด นักการเมืองไม่ต่างกัน อยากได้อำนาจจากเลือกตั้งแล้วเข้ามาคอร์รัปชั่น สู้ทหารที่ได้อำนาจจากรัฐประหารไม่ได้ ซื่อตรงที่ซู้ด รัฐประหารมีพระคุณ ปฏิรูปบ้านเมือง ทำเพื่อประชาชนนับแสนโครงการ นี่ถ้า คสช.ทำสำเร็จนะ ประชาชนจะไม่เลือกนักการเมืองอีกแล้ว
 
-
"เผด็จการสร้าง ประชาธิปไตยผลาญ" คนไทยชูคำขวัญอวดชาวโลก แต่ไม่ทราบว่านับรวมยุคสฤษดิ์ ถนอม ที่ลงเอยด้วยยึดทรัพย์และนองเลือดไหม รัฐบาลหอยก็มาจาก 6 ตุลา รสช.ขาลงก็นองเลือด คมช.ก็ฝากวิกฤตไว้ 8 ปี
 
-
เพิ่งเห็นยุคนี้สมัยนี้แหละ ที่นักการเมืองถูกเฉดหัวว่าไม่ใช่ตัวแทนประชาชน ออกมาพูดไม่รับร่าง ไม่รับคำถามพ่วง ถูกชี้หน้าว่าชี้นำประชาชน ล่วงล้ำสิทธิประชาชน ไม่ให้เกียรติประชาชน ฯลฯ
 
-
อ้าวแล้วที่ให้ ส.ว.มาจากสรรหา ให้เกียรติประชาชนไหม ประชาชนไม่สามารถเลือกคนดีได้ ต้องให้ ส.ว.ร่วมเลือก นายกฯ กับ ส.ส.
 
-
ร่างรัฐธรรมนูญพ่วงคำถาม ดีงามเหลือเกิน กรธ.โฆษณาสรรพคุณ "ขื่อแปของบ้านเมือง" บางคนเอาไปตีขลุม ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญคือไม่ยอมรับขื่อแป ไปๆ มาๆ คนล้มเลือกตั้ง ล้มรัฐธรรมนูญ ล้วนถูกและดี แต่พอร่างรัฐธรรมนูญมาให้ลงประชามติ กลับบอกว่าใครไม่รับชั่วเลว ไม่ยอมรับกติกา แล้วก็เตรียมข้อหาไว้ไม่อั้น บิดเบือน ชี้นำ ปลุกระดม คุก 10 ปี สวนทางพม่าปล่อยนักโทษการเมือง
 
-
บางคนบอกว่านักการเมืองถ้าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่ต้องลงเลือกตั้ง เอ๊ะ ถ้างั้นชาวบ้านไม่รับร่าง ก็ต้องไม่มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่มีสิทธิเรียนฟรี สิทธิรักษาพยาบาล ฯลฯ สิครับ สิทธิเหล่านี้เป็นของประชาชนมาก่อน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญนี้ประทานให้ เช่นเดียวกับ "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน" สิทธิเลือกตั้ง สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นของเราอยู่แล้ว แต่รัฐประหารระงับไว้ชั่วคราว ไม่ใช่บุญคุณของร่างรัฐธรรมนูญให้สิทธิเลือกตั้ง ที่โต้แย้งกันคือคืนสิทธิและอำนาจไม่เต็ม ต่างหาก
 
-
นี่คนละเรื่องนะครับกับความรับผิดชอบของ สนช. สปท. ซึ่งควรประกาศไม่เป็น ส.ว.สรรหา เพราะตั้งคำถามพ่วงไว้ถ้ามาเป็นโดยประชาชนไม่ได้เลือก ก็จะถูกครหา "ชงเองกินเอง" ตรงกันข้ามถ้าจะสมัคร ส.ส. ก็เชิญตามสบาย ขอให้มีคนเลือก
 
-
เมื่อเห็นนักการเมืองไม่ใช่ตัวแทนประชาชน ก็ดีเหมือนกัน จะได้วัดใจชาวบ้าน เพราะเลือกตั้งปี"54 พรรคเพื่อไทยประชาธิปัตย์ได้คะแนนรวมกัน 27 ล้านเสียง ลองดูซิจะเหลือแค่ไหน โดยเฉพาะในคำถามพ่วง อย่าลืมนะว่าต่อให้ร่างผ่านแต่คำถามพ่วงไม่ผ่าน ก็ต้องมีคนรับผิดชอบเช่นกัน
 
-
ประเด็นสำคัญคือถ้าแยกแยะผลลัพธ์ ก็ไม่ทราบลงประชามติแล้วจะได้อะไร ถ้าร่างไม่ผ่าน คำถามไม่ผ่าน ไม่ว่าข้อไหน ผลลัพธ์จะทำให้ปั่นป่วน อย่าพูดเลยว่า "ไม่รับก็ร่างใหม่" ถึงตอนนั้นมันไม่ง่ายอย่างที่พูดหรอก หรือถ้าร่างผ่าน คำถามพ่วงผ่าน ทั้งที่ 2 พรรคใหญ่ค้าน แล้วจะมีเลือกตั้งไปทำไม ในเมื่อผู้มีอำนาจก็ไม่ไว้วางใจนักการเมืองเช่นกัน
 
-
มีเลือกตั้งบอกชาวโลก ในขณะที่ความขัดแย้งรออยู่เห็นๆ เพียงแต่เปลี่ยนขั้วขัดแย้งใหม่ ระหว่าง คสช.กับ 2 พรรคใหญ่ เท่านั้นเอง


รัฐบาลโจร คสช.​แดกด่วนและแดกยาวในโครงการเมกกะโปรเจคใดบ้าง?

Via #กูต้องใด้ 100 ล้าน

การพัฒนาโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศในปี 2558-2559 ระยะเร่งด่วน 20 โครงการ 

วงเงินรวม 1.796 ล้านล้านบาท 

#โครงการที่ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว คือ 

1. รถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 2.6 หมื่นล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้ลงนามกับผู้รับเหมาเพื่อเริ่มก่อสร้างไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยจะใช้เวลาดำเนินการรวม 36 เดือน จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ในเดือนมกราคม 2562 

2. ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ที่แบ่งการก่อสร้างออกเป็น 13 สัญญา กรมทางหลวง (ทล.) ได้ประกวดราคาและเริ่มทยอยลงนามกับบริษัทผู้รับเหมาที่ชนะการประมูลเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2562 

3. โครงการพัฒนาท่าเทียบเรือชายฝั่ง (ท่าเทียบเรือ A) ที่ท่าเรือแหลมฉบัง วงเงิน 1.86 พันล้านบาท อยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้ว โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้ลงนามกับบริษัทผู้รับเหมาไปเมื่อเดือนธันวาคม 2558 กำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2560 เปิดให้บริการในปี 2561 

#โครงการที่อยู่ระหว่างการประกวดราคา

4. มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. วงเงิน 8.46 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 40 สัญญา ปัจจุบันอยู่ระหว่างประกวดราคางานโยธา โดยได้เปิดซองประกวดราคาตอนที่ 7 ทางแยกต่างระดับสระบุรีแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนต่อรองราคา คาดว่า ทล.จะลงนามกับผู้รับเหมาได้ในวันที่ 29 เมษายนนี้ ส่วนตอนที่เหลืออยู่ระหว่างประกวดราคาเช่นเดียวกัน กำหนดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการในปี 2563 

5. การพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 วงเงิน 5.16 หมื่นล้านบาท บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ได้ประกาศขายซองประกวดราคาแล้ว 2 งาน คือ งานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ และงานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค กำหนดให้ยื่นซองวันที่ 21 มิถุนายนนี้ คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ในเดือนสิงหาคมนี้ 

6. การพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1 วงเงิน 2 พันล้านบาท ได้ประกวดราคาแล้ว โดยจะลงนามในสัญญากับบริษัทผู้รับเหมาในเดือนเมษายนนี้ เริ่มก่อสร้างเดือนพฤษภาคม แล้วเสร็จปี 2561

#โครงการที่ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจัดทำรายละเอียดประกวดราคา 

7. รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. วงเงิน 5.34 หมื่นล้านบาท ครม.ได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะใช้เวลา 3 เดือนกำหนดรายละเอียดต่างๆ จากนั้นจะเปิดประกวดราคาได้ในเดือนมิถุนายน มีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดบริการปี 2562 

8. รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29.1 กม. วงเงิน 5.1 หมื่นล้านบาท ก็เป็นอีกโครงการที่ ครม.ได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา รฟม.จะใช้เวลา 3 เดือน กำหนดรายละเอียดก่อนเปิดประกวดราคาได้เดือนมิถุนายน ก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดบริการปี 2562 เช่นเดียวกัน 

#โครงการที่บอร์ดอนุมัติ -คณะกรรมการ (บอร์ด) ได้อนุมัติ และอยู่ระหว่างการเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. 

9. รถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กม. วงเงิน 2.98 หมื่นล้านบาท บอร์ด ร.ฟ.ท.อนุมัติโครงการแล้ว อยู่ระหว่างนำเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเข้า ครม.อนุมัติ คาดว่าจะประกวดราคาได้ไม่เกินเดือนกันยายน ลงนามในสัญญาเดือนตุลาคม ก่อสร้างแล้วเสร็จเดือนกันยายน 2562 

10. รถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 148 กม. วงเงิน 2.48 หมื่นล้านบาท บอร์ด ร.ฟ.ท.อนุมัติแล้วเช่นเดียวกัน อยู่ระหว่างนำเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อนำเข้า ครม.อนุมัติ คาดว่าจะประกวดราคาได้ระหว่างเดือนกรกฎาคม-พฤศจิกายน ลงนามในสัญญาเดือนธันวาคม ก่อสร้างเสร็จเดือนธันวาคม 2562 

11. รถไฟทางคู่ ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 1.72 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอ ครม.อนุมัติแล้ว มีกำหนดประกวดราคาไม่เกินเดือนสิงหาคม ลงนามในสัญญากันยายน ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2562 

12. รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 21 กม. วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท บอร์ด รฟม.อนุมัติแล้ว กระทรวงคมนาคมจะนำเสนอ ครม.ในเดือนเมษายนนี้ จากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน กำหนดรายละเอียดเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อเปิดประกวดราคาหาผู้รับเหมาเข้ามาก่อสร้างได้ 

#โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน 

13. มอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. วงเงิน 5.56 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างทบทวนรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายนนี้ แบ่งก่อสร้างออกเป็น 25 สัญญา และงานระบบ 1 สัญญา กำหนดลงนามกับผู้รับเหมาได้ในวันที่ 31 กรกฎาคม แล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการในปี 2563 

14. รถไฟทางคู่ ช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท อยู่ระหว่างขั้นตอนอีไอเอเช่นเดียวกัน กำหนดประกวดราคาระหว่างเดือนกรกฎาคม?พฤศจิกายน ลงนามในสัญญาเดือนธันวาคม ก่อสร้างเสร็จเดือนธันวาคม 2562 

15. โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. วงเงิน 1.31 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างอีไอเอเพิ่มเติมส่วนต่อขยายช่วงราษฎร์บูรณะ-วงแหวนกาญจนาภิเษก ประมาณ 5 กม. เพราะมีการย้ายศูนย์ซ่อมบำรุงออกไป ตามแผนเดิมจะเข้า ครม.ในเดือนเมษายนนี้ 

#โครงการที่เหลือก็อยู่ระหว่างดำเนินการ  

16. โครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน หรือรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กม. วงเงิน 1.7 แสนล้านบาท #ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปรายละเอียดการดำเนินโครงการโดยเฉพาะเรื่องของแหล่งเงินกู้รวมถึงวงเงินค่าก่อสร้างที่ชัดเจน หลังได้กำหนดให้ไทยลงทุนเองทั้งหมด แต่ยังใช้เทคโนโลยีของจีนตามกรอบความร่วมมือเดิม ซึ่งไทยและจีนจะมีการประชุมร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งที่ 10 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน หลังเทศกาลสงกรานต์ ตั้งเป้าหมายก่อสร้างระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้ เปิดบริการปี 2562  

17. รถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. วงเงิน 9.46 หมื่นล้านบาท เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ร.ฟ.ท.ได้เสนอรายละเอียดผลการศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการร่วมทุน และการบริหารโครงการเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ก่อนนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ดำเนินการตามกระบวนการให้เอกชนร่วมทุน(พีพีพี)ต่อไป 

18. รถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ระยะทาง 193.5 กม. วงเงิน 1.52 แสนล้านบาท ได้เสนอรายละเอียดผลการศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการร่วมทุน และการบริหารโครงการเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อนำเสนอ สคร.ดำเนินการตามกระบวนการพีพีพีแล้วเช่นเดียวกัน 

19. โครงการความร่วมมือด้านระบบรางไทย-ญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กม. ยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของทางญี่ปุ่น คาดว่าจะก่อสร้างได้ในปี 2561 

20. ระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 21 กม. วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท ร.ฟ.ท.คาดว่าจะประกวดราคาได้เดือนกรกฎาคมนี้

#เพิ่มเติมโครงการเร่งด่วน

กระทรวงคมนาคม จะนำส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงสมุทรปราการ-บางปู ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท และช่วงคูคต-ลำลูกกา ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 1.9 หมื่นล้านบาท ขึ้นมาเป็นโครงการระยะเร่งด่วนด้วย 

ขณะนี้อยู่ระหว่างปรับแบบ 
คาดว่าอีก 2-3 เดือน จะเสนอ ครม.ได้

เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา บอร์ด ร.ฟ.ท.ได้อนุมัติรถไฟทางคู่เส้นทางใหม่เพิ่มเติมอีก 2 สาย คือ 

- สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 363 กม. วงเงิน 7.69 หมื่นล้านบาท 

- สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 6 หมื่นล้านบาท 

รวมวงเงิน 2 โครงการกว่า 1.37 แสนล้านบาท 

หลังจากนี้จะส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ก่อน ครม. เห็นชอบโครงการภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้ 

จากนั้นจะจัดทำเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) และเปิดประกวดราคาได้ภายในเดือนตุลาคม 2559-มกราคม 2560 โดยจะดำเนินการควบคู่กับการเวนคืนที่ดินและอีไอเอ 

คาดว่าจะแล้วเสร็จในกลางปี 2561 จากนั้นจึงจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 2561 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 48 เดือน แล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2565 

จะเดินหน้าได้ตามแผนงานที่กำหนดจริงหรือไม่ 

------ > ประชาชนมัวสนใจเรื่องอื่นๆ และเรื่องปากหมา 
จนลืมไปว่า ไอ้ตู่มันอนุมัติงบประมาณได้มหาศาล 
เงินภาษีประชาชน เงินกู้ เงินอนาคตทั้งนั้น 

ค่าหัวคิวยุคนี้ 30-40% ผู้รับเหมาต่างรู้กันดี 

กว่าจะเสร็จงานร่างรัฐธรรมนูญ คงอนุมัติกันไปอีกหลายโครงการ 
และแน่นอนมีหลายคนกระเป๋าตุง สบายใจเฉิบ

นี่คสช.ต้านคอรัปชั่นจริงๆ ใช่ไหม?

พร้อมเป็น “เม็ดกรวด” ในสะพานนำคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง

พร้อมเป็น "เม็ดกรวด" ในสะพานนำคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง

--------------------------

เมื่อวันที่ 15 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา เมืองสุข ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีเนื้อหาเรียกร้องถึงความเป็นธรรม กรณีถูก คสช.เข้าควบคุมตัวไปปรับทัศนคติ ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 เมษายน ทหารได้เดินทางไปที่บ้านของตนอีกครั้ง ตนยืนยันว่าจะเข้าพบในวันที่ 18 เมษายนอย่างแน่นอน ขอให้ยกกำลังกลับไป นอกจากนี้ นายวัฒนายังระบุว่า ตนไม่เคยคิดท้าทายอำนาจ คสช. ในขณะเดียวกันก็ไม่เคยผิดข้อตกลงที่ทำไว้แต่อย่างใด ขออย่าบิดเบือนเพื่อใช้อำนาจตามอำเภอใจ อีกทั้งการนำตนไปปรับทัศนคติก็ไม่ได้ทำให้ตนเปลี่ยนความคิด พร้อมกับปิดท้ายว่า พร้อมเป็นเพียงเม็ดกรวดเล็กๆ ในสะพานที่จะนำคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง จึงขอความกรุณาทบทวนคำสั่ง แล้วร่วมมือทำให้ประเทศไทยน่าอยู่สำหรับคนทุกสีจะดีกว่าหรือไม่ ดังข้อความต่อไปนี้

-
"ขอความเป็นธรรมให้ผมด้วย"
-

หลังจากที่ผมได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า การแสดงความเห็นของผมที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นความผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 แต่วานนี้ (14 เมษายน) ทหารก็ยังยกกำลังมาที่บ้านเพื่อจะควบคุมตัวผมไปปรับทัศนคติ โดยทีมโฆษก คสช.เปิดเผยสาเหตุการเชิญตัวว่า ผมให้ความเห็นในเชิงไม่สร้างสรรค์ ผิดข้อตกลงที่ให้ไว้ และมีเจตนาท้าทายอำนาจของ คสช. ขณะนี้กองกำลังยังปักหลักปิดหน้าบ้านจนลูกเมียผมเข้าบ้านไม่ได้ ต้องย้ายไปหาที่นอนใหม่ ยกกำลังกลับไปเถิดครับ วันจันทร์ที่ 18 เมษายน เวลา 11.00 น. ผมเสร็จธุระแล้วจะมาพบท่านแน่นอน อย่าใช้วิธีสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ไม่ใช่วิธีของชายชาติทหารครับ

-
เมื่อคราวที่ คสช.ยึดอำนาจการปกครอง ผมและนักการเมืองอื่นประมาณ 200 คน ถูกเรียกไปรายงานตัวและถูกนำตัวควบคุมตัวเป็นเวลา 3-7 วัน ก่อนที่จะปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ได้เอาเอกสารมาให้ผมลงนามมีเงื่อนไขว่า 
-
(1) จะไม่เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากหัวหน้า คสช. 
-
(2) จะละเว้นการเคลื่อนไหวหรือประชุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ และ 
-
(3) หากฝ่าฝืนหรือดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางการเมือง ยินยอมถูกดำเนินคดีและระงับธุรกรรมทางการเงิน ดังนั้น การแสดงความเห็นของผมที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเหมือนกับที่หัวหน้าพรรคการเมืองและผู้บริหารของทั้งสองพรรค จึงไม่ได้เป็นการทำผิดข้อตกลงที่ให้ไว้ อีกทั้งการผิดข้อตกลงก็ไม่ได้ให้อำนาจ คสช.นำกำลังมาควบคุมตัวผมไปไหนทั้งสิ้นนะครับ

-
ท่านมีอำนาจที่จะดำเนินคดีหรือระงับธุรกรรมทางการเงินตามข้อตกลงเท่านั้น ทั้งนี้ เป็นตามข้อตกลงที่ผมโพสต์มาให้ดูเป็นหลักฐานด้วยแล้ว ขอความกรุณาอย่าบิดเบือนเพื่อใช้อำนาจตามอำเภอใจเลยครับ

-
ผมเป็นเพียงนักการเมืองเล็กๆ คนหนึ่งที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า ผมเชื่อว่าการเปิดเสรีภาพทางความคิดจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ ส่วนหลักนิติธรรมและประชาธิปไตยที่แท้จริงจะทำให้คนไทยทุกสีทุกกลุ่มสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ แม้จะคิดเห็นไม่ตรงกันก็ตาม ผมต่อสู้เพื่อหลักการที่ถูกต้อง ไม่ได้ทำเพื่อสีหรือกลุ่มการเมืองใด การแสดงความคิดเห็นของผมเป็นไปโดยสุจริตเพื่อส่วนรวม ผมไม่เคยโกรธกับการที่ท่านยกกำลังมาควบคุมตัวผม และได้อโหสิกรรมให้แล้วทุกครั้ง เพราะเชื่อว่าแม้เราจะมีความคิดที่ต่างกันแต่มีเป้าหมายตรงกันคือเพื่อประเทศชาติ แต่การที่ท่านยกกำลังมาควบคุมตัวผมทำให้ครอบครัวผมเดือดร้อน ลูกผมต้องออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยผม การนำตัวผมไปปรับทัศนคติไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด ผมไม่เคยคิดท้าทายอำนาจของ คสช. ทั้งไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือข้อตกลงใดๆ เพียงแต่อาจคิดเห็นไม่เหมือนท่าน ผมพร้อมที่เป็นเพียงเม็ดกรวดเล็กๆ ในสะพานที่จะนำคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง จึงขอความเป็นธรรมช่วยกรุณาทบทวนคำสั่ง มาร่วมมือกันทำประเทศไทยให้น่าอยู่สำหรับคนไทยทุกสีทุกกลุ่มดีกว่ามั้ยครับ

-

วัฒนา เมืองสุข
พรรคเพื่อไทย
15 เมษายน 2559



7 สิงหาคม 2559 ทั่วประเทศ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญโจร

ประธาน กกต.ระบุ ไม่จัดพิมพ์ข้อดี-ข้อเสีย ของร่างรัฐธรรมนูญเผยแพร่
-

สำนักข่าวไทยรายงานว่า นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายติติงมา เรื่องที่ กกต. เสนอให้มีการจัดพิมพ์ข้อดีและข้อเสียของร่างรัฐธรรมนูญเผยแพร่ก่อนหน้านี้ว่า กกต.เพียงแต่เสนอความเห็นเท่านั้น เพราะตัวอย่างในการทำประชามติกรณีแยกสก็อตแลนด์ออกจากสหราชอาณาจักร ก็มีการจัดทำข้อดี-ข้อเสียเผยแพร่เช่นกัน แต่เมื่อมีข้อท้วงติงมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา กกต.ก็จะไม่มีการนำแนวคิดนี้มาใช้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ 
-

นายศุภชัย ยังกล่าวว่า ไม่หนักใจเรื่องคำถามที่สองในการทำประชามติ โดยจะยึดถ้อยคำตามที่สภานิติบัญบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้สรุปไว้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า คำถามดังกล่าวเป็นคำถามที่เข้าใจยาก เพราะกฎหมายได้กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่ของ สนช. ที่จะเสนอคำถาม ส่วนกกต.มีหน้าที่เพียงจัดพิมพ์คำถามในบัตรออกเสียงเท่านั้น ไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์อะไรได้
-

"ขณะนี้ กกต.ได้รับคำถาม รวมถึง หลักการและเหตุผลของคำถามจาก สนช.แล้ว สนช.จะเป็นผู้เผยแพร่หลักการและเหตุผลของคำถามเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจน" นายศุภชัย กล่าว
-

นายศุภชัยยังกล่าวว่า ในการประชุม กกต. ในวันจันทร์ที่ 18 เม.ย. นี้ จะพิจารณาประกาศวันลงประชามติอย่างเป็นทางการ ภายหลังจากได้รับสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ จากคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในวันที่ 12 เมษายน ซึ่ง กกต.จะต้องกำหนดวันลงประชามติหลังจากนั้นไม่น้อยกว่า 90 วัน และไม่เกินกว่า 120 วัน ดังนั้น เบื้องต้นจึงมีความชัดเจนว่า การลงประชามติจะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้ 
-

Cr. บีบีซีไทย - BBC Thai

--------------------------------

( ภาพประกอบจากแฟ้มภาพทรราช คสช. : สถุนมีชัย ฤชุพันธุ์  ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญโจร ในวันเปิดตัวร่างรัฐธรรมนูญใหม่ 29 มี.ค. 2559 )


สารจาก เสรีชน ประกาศสู้เพื่อ ลูกหลานไทย


อำมาตย์ไทยและสมุน ทรราช ให้ประโยชน์อะไรกับประเทศ บ้าง

อำมาตย์ไทยและสมุน ทรราช ให้ประโยชน์อะไรกับประเทศ บ้าง
-

ตลอดชีวิตของผมเกือบ 60  ปี ผมได้เห็นการนำเงินภาษีของแผ่นดิน หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือเงินภาษี จากพี่น้องประชาชน ทั้งประเทศ ที่ต้องเสียให้กับรัฐ ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้า 7   ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ และอาหาร  น้ำมัน ปุ๋ย และทุกอย่างที่ ประชาชน ไม่ได้ปลูกกินเอง ก็ล้วนแล้วแต่ต้องเสียภาษี ทั้งสิ้น  แม้กระทั้งที่ดิน ที่ประชาชนเป็นเจ้าของ ก็ต้องเสียภาษี

-

เคยมีใครคิดบางไหมว่า  การเดินทางไปต่างประเทศ ของอำมาตยและ สมุนวงศ์วาน ของพวกเขาเหล่า ใช้เงินจากภาษีของประชาชน ทั้งสิ้น 

-

การเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง ต้องมีข้าราชบริวาน รับใช้ หรือแม้แต่ ทรราช ประยุทธ์  เมื่อคราวที่ต้องเดินทางไป ประชุม ที่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งต้องพาเมียไปด้วยทุกครั้งและ บริวานรับใช้กว่าอีก 20 ชีวิต ก็ล้วนแล้วแต่ ใช้ภาษีของประชาชนทั้งสิ้น จนการประชุมในต่างประเทศ บางครั้งใช้เงินกว่า 60 กว่าล้านบาท  นั้นก็เงินของประชาชนทั้งสิ้น 

-

พวกอำมาตย์ทรราช เหล่านั้น ใช้เงินภาษีของประชาชน  ที่ได้มาจากกองเลือดและคราบน้ำตาของประชาชน อย่างปรีดิ์เปรม  เบิกค่าเดินทาง  ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหาร ค่าที่พัก ที่ต้องเป็นอันดับ 1 ของประเทศนั้น ๆ เท่านั้น 

-

พวกอำมาตย์ทรราช เหล่านั้น กินเที่ยว ในต่างประเทศเป็นว่าเล่น 

จน ............................................จน   การบินไทยเจ๊ง  ในขณะที่สายการบิน ของหลายประเทศ ไดเกำไล จากการบิน บางสายการบินได้เงินเป็นกอบเป็นกำ กว่า แสนล้านเหรียญ สหรัฐ ต่อปี  ทำไมการบินไทยเจีงล่ะ ก็เพราะ พวกอำมาตย์ทรราช เหล่านั้น บินฟรี  ไงล่ะ

-
เครือข่ายของการบินไทย ก็มีอต่ ลูกท่านหลานเธอ ทั้งสิ้น และสนันสนุน อย่างเป้นทางการด้วย พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเส้รสายโยงใยในการบินไทยมาอย่างยาวนาน  และเมื่อคราวที่ กปปส. เคลื่อนไหว ก็ได้ พนักงานของการบินไทยเข้าร่วมการประท้วง อย่างเต็มที่ ดังข่าวที่ปรากฏ ตามสื่อต่างๆ 


ทุกวันนี้ พวกอำมาตย์ทรราช เหล่านั้น ได้ให้ประโยนช์อะไรบ้างกับประชาชน ผู้เป็นเจ้าของเงิน และเป็นเจ้าของประเทศ 
-
รัฐธรรมนูญ ที่สืบทอดอำนาจ ทรราช คสช. หรือ
-
หรือ  ม. 44  ที่ทรราช สามารถทำอะไรก็ได้เวลาใหนก็ได้ ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างไงก็ได้ 
-
หรือ จะจับคุม ขัง และอุ้มประชาชนไป ซ้อม ในค่ายหรือในที่ลับตาคน ก็ได้ใช่ไหม
-
หรือ อำนาจของทรราช จพตั้งแต่ง ลูกหลาน เข้ารับราชการในกรมกองพร้อมติดยศ ร้อยตรี ด้วยอำนาจพิเศษมากมาย ในขณะ ที่ประชาชน ส่วนใหญ่กว่า ล้าน ๆ คน ตกงาน  อย่างกรณีของ หลานของทรราช ประยุทธ์ อย่างงั้นหรือ 
-

หันมามอง พรรคประชาธิปัตย์ ผู้มีสายโยงใยกับ พวกอำมาตย์ทรราช เหล่านั้นกันบางว่า พรรคที่ฆ่าคนตายครั้งแล้วครั้งเหล่า ในเมืองหลวงนั้น ทำอะไรก็ไม่เคยผิด ทั้งโกง งบประมาณมาทุกยุค ทุกสมัย  

-
พรรคประชาธิปัตย์คือพรรคการเมืองที่นายควง อภัยวงศ์ นำทองคำหลายสิบเล่มเกวียน จากเมือง พระตะบอง กัมพูชา (อาณานิคมของฝรั่งเศสในอดีต และเมืองประเทศราชของสยาม) 

-
พรรคประชาธิปัตย์ นำทองเหล่า มาเพื่อใช้ในการก่อตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ โดยขนเข้าสยาม ทางเกวียน   และวันที่ 6 เมษายน ของทุกปี เป็นวันจักรีและวันก่อตั้ง  พรรคประชาธิปัตย์  คงไม่ต้องบอกว่า อำมาตย์ทรราช กับ พรรคประชาธิปัตย์ มีความ สัมพันธ์กันอย่างไร  หรือไม่ก็ สมาชิกของพรรค มาจาก กระทรวง ทบวงกรมใหน 

พรรคประชาธิปัตย์ โดยเป้าหมายหลักก็เพื่อ นำพรรคการเมือง มารองรับ การใช้อำนาจเผด็จการทรราช นั้นเอง ในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ของราชสำนัก สยาม

-
เพื่อหลีกเลี่ยงข้อครหาว่า  เชื้อพระวงศ์ ลูกหลานรัชกาลที่ 5 ผู้ยอมเสียดินแดนกว่า 2 เท่าในปัจจุบัน เพื่อ รักษาตระกูล ใคร เพื่อใตร พี่น้องประชาชน ที่ถูกทิ้งไว้ใน มาเลย์ เขมร ลาว พม่า พวกเขาเหล่านั้น ไม่ใช่ ประชาชนคนไทยหรือ 

-

ข้ออ้างของ  พวกอำมาตย์ทรราช  ว่า ประเทศ ไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของ ยุค
ล่าอาณานิคมในช่วงต้น ถึงกลางราชวงศ์จักรี และทหารไทย จึงมักใช้ข้ออ้างวาปกป้องสถาบันฯ ซ้ำๆ
-

หรืออีกนัยหนึ่ง ก็มากกว่าการปกป้อง ประเทศสยาม หากแต่เป็นการปกป้อง  พวกอำมาตย์ทรราช ตระกลู หนึ่ง เท่านั้น 

-
การรำลึกถึง พวกอำมาตย์ทรราชราชวงศ์จักรี ที่ยอมเสียดินแดนของสยามมากกว่าที่เหลืออยู่เพื่อรักษาวงศตระกูล และเป็นเจ้าของที่ดินสยาม งั้นหรือ

-
พวกเขายอมเสียดินแดนต่างๆ เพื่อให้ราชวงศ์จักรียังคงอยู่คู่สยามจนบัดนี้
วันจักรี 6 เมษายนของทุกปี  เป็นวันรำลึกถึงการกุมอำนาจ และสร้างความ
ร่ำรวย บนความทุกข์ของประชาชน พ่อค้า แม่ค้าทั่วกรุงเทพฯ
-
มาวันนี้ กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้ว่าก็เป็นคน ของ ประชาธิปัตย์ ไล่จัด ระเบียบกรุงเทพมหานครนับสิบปี ด้วยวิธีการตัดช่องทางทำมาหากินของพ่อค้า และแม่ค้าชาวบ้านที่อยู่อาศัย
-
ด้วยเหตุผลแบบ ส้นตีนว่า 
-
เพื่อความสวยงามของกรุงเทพฯ
-

คนที่เคยมีรายได้ จากการทำมาหากินรายย่อย ทั้งหลายตั้งแผงลอยข้างถนนตั้งแต่ ริมคลองผดุงกรุง-เกษม 
-
ตลาดโบ๊เบ๊ขายเสื้อผ้า 
ตลาดคลองถมข้างถนน 
ตลาดริมถนนประตูน้ำ
ตลาดเฉลิมลาภ เฉลิมโลก 
-
ถูกสำนักงานทรัพย์สิน ขับบไล่ที่อยู่ ไม่ต่อสัญญา อาคารพาณิชย์ 
-

เปลี่ยนสัญญาจากระยะยาว เป็นปีต่อปี และเก็บค่าเงินกินเปล่า ล้วนเป็นผล
จากนโยบายของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ทั้งสิ้น
-
พรรคประชาธิปัตย์ โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนับตั้งแต่ การก่อสร้าง
และไล่รื้อที่อยู่อาศัยตามนโยบายพัฒนารายได้ของสำนักงานทรัพย์สินฯโดย นายจิรายุ อิสรเสนา ณ.อยุธยาที่เข้าบริหารสำนักงานทรัพย์สินฯในราวปี 2528 จนบัดนี้ บ้านเมืองถูกนโยบายทุนนิยม 
-

ของเจ้าของประเทศ (ลูกหลานเจ้าราชวงศ์จักรี) เป็นผู้กำหนดนโยบายจน
ทุกวันนี้   แย่ยิ่งกว่าเจ้าอาณานิคมเพราะเมียนมาร์ เปลี่ยนระบอบประธานาธิบดีนาน แล้ว
-
เจ้าแผ่นดินเมียนมาร์ สิ้นบทบาท หลังการให้อิสรภาพืแก่อาณานิคม
พม่าในปี 2490 
-
แต่สยามหรือไทยยังตกอยู่    .ภายใต้การชิง และรั้งอำนาจของหลานรัชกาล
ที่ 5 ทุกรุ่นที่เข้ามาบริหาร  ประเทศ 

-
แล้วอย่างนี้ ประชาชนยังต้องการ  พวกอำมาตย์ทรราช อยู่อีกหรือ

-

เสรีชน



โจรกบฏที่อ้างจะมาปราบคอรัปชั่น แต่เล่นบทอิเหนา.. และเชิญชวนส่งจดหมายถึงผู้นำทั่วโลก

โจรกบฏที่อ้างจะมาปราบคอรัปชั่น แต่เล่นบทอิเหนา.. และเชิญชวนส่งจดหมายถึงผู้นำทั่วโลก
โดย ดร. เพียงดิน รักไทย  16 เมษายน 2559
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง  ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ


สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดรเพียงดิน
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

Friday, April 15, 2016

มันสะท้อนว่าบ้านเมืองเรายังป่าเถื่อนอยู่ครับ

มันสะท้อนว่าบ้านเมืองเรายังป่าเถื่อนอยู่ครับ

---------------------------------------------------------

บัตรประชาชนกับห้องดับจิต

เขียนความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองไปบ้างแล้ว เดี๋ยวคงทยอยขึ้นให้อ่านกันได้ ตอนนี้ขอคุยเรื่องที่สนใจสักเรื่อง ไม่ใช่เรื่องการเมืองโดยตรงแต่จะว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน

-
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวว่ามีการเสนอให้ใช้มาตรการเพิกถอนบัตรประชาชนกับผู้ที่ไม่ชำระหนี้กองทุนกู้ยืมที่ผูกพันกับรายได้ในอนาคต(กยศ.) จะเป็นเพราะได้พยายามหาวิธีต่างๆมาแล้วไม่สำเร็จหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ก็เลยคิดจะใช้วิธีนี้

-
เรื่องกยศ.ที่ผิดเพี้ยนไปจากแนวความคิดเดิมจนจำไม่ได้แล้วนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการศึกษา ถ้าจะคุยก็คุยกันได้ยาว แต่ขออนุญาตที่จะไม่พูดถึงในวันนี้

-
ที่อยากจะพูดถึง ก็คือ การจะใช้วิธีเพิกถอนบัตรประชาชนซึ่งออกจะเป็นเรื่องร้ายแรงเอาการอยู่ ใครถูกเพิกถอนบัตรประชาชนก็คงเดือดร้อนสาหัสสากรรจ์ จะติดต่ออะไรก็ไม่สะดวก ไปไหนมาไหนถูกตรวจสอบแล้วไม่มีก็อาจถูกควบคุมตัวหรือถูกดำเนินคดีเอาได้ ขึ้นเครื่องบินก็จะยุ่งยากหรือถึงขั้นตกเครื่องเอาดื้อๆ

-
แต่ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นเพียงตัวอย่างความเดือดร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการไม่มีบัตรประชาชนเท่านั้น ที่สำคัญในระบบกฎหมายและวัฒนธรรมของไทยซึ่งต่างจากบางประเทศที่เขาอาจไม่ต้องมีบัตรประชาชนกัน บัตรประชาชนของคนไทยกลายเป็นเครื่องแสดงความเป็นคนไทยกับเขาคนหนึ่ง พอไม่มีบัตรประชาชนเสียแล้ว นอกจากเสียสิทธิ์ต่างๆมากมาย ยังต้องสูญเสียศักดิ์ศรีของความเป็นคนอีกด้วย

-
การใช้วิธีเพิกถอนบัตรประชาชนมาจัดการกับนักศึกษาหรือบัณฑิตที่ค้างหนี้จึงไม่เพียงเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุไปมาก แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจความสำคัญของสิทธิและศักดิ์ศรีของความเป็นคนที่ผู้มีอำนาจอยากจะลิดรอนกันเมื่อไรอย่างไรก็ได้

-
อีกเรื่องหนึ่งที่เพิ่งเกิดในช่วงสงกรานต์และไม่พบว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์เหมือนเรื่องบัตรประชาชนคือเรื่องการส่งคนเมาแล้วขับไปเข้าห้องดับจิตและให้ช่วยแต่งศพ

-
การจะหาทางแก้ปัญหาเมาแล้วขับนั้นเป็นเรื่องที่ควรทำเพราะเมาแล้วขับเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตและบาดเจ็บบนถนนมากที่สุด แต่บทลงโทษก็มีอยู่แล้ว เพียงแต่จะบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดจริงจังและรณรงค์กันอย่างไร

-
ส่วนการให้คนที่ทำผิดกฎหมายไปบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมก็เป็นวิธีการที่ช่วยให้คนได้เรียนรู้และปรับตัวให้เป็นคนที่ดีของสังคมได้ ในหลายๆประเทศก็ใช้กันอยู่ แต่จะให้ไปทำอะไรให้แก่สังคมจะต้องมีหลักมีเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่ใช่อยากจะให้เขาไปทำอะไรก็ได้แล้วแต่ผู้มีอำนาจหน้าที่จะคิดกันตามใจชอบ

-
ผมเคยต้องเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนถนนซึ่งรวมถึงเรื่องเมาแล้วขับมาก่อน แต่ที่เคยทำอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ผมคิดถึงเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ ก็คือ การเคยเป็นนักศึกษาแพทย์ที่ต้องเรียนผ่าศพในวิชากายวิภาคศาสตร์

-
การเข้าไปในห้องดับจิตและการแต่งศพนั้น สำหรับผู้ที่คุ้นเคยแล้วก็เห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับหลายๆคน อาจเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวจนถึงขั้นกระทบต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรงได้ การบังคับให้ผู้กระทำผิดกฎหมายต้องไปอยู่ในห้องดับจิตหรือแต่งศพจึงเป็นการละเมิดสิทธิ์ของเขา เป็นการทำร้ายเขาอย่างที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น อีกทั้งการทำงานในห้องดับจิตและการแต่งศพก็เป็นงานอันมีเกียรติ ไม่ควรเอามาคิดมาพูดกันในลักษณะเป็นเรื่องที่มีไว้ลงโทษคนทำผิดกฎหมายให้สาแก่ใจ

-
จะลงโทษคนทำผิดกฎหมายก็ลงโทษกันไปตามที่กฎหมายบัญญัติ ส่วนการจะให้คนทำผิดกฎหมายไปบำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมควรมีหลักเกณฑ์ให้ชัดเจนที่ต้องกำหนดประเภทของกิจกรรมอย่างเหมาะสม มีทางเลือก เป็นไปโดยสมัครใจและคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ทำกิจกรรมนั้นด้วย
ทั้งเรื่องเพิกถอนบัตรประชาชนและส่งคนเข้าห้องดับจิตนี้ ทำให้เห็นว่าในสังคมไทยยังมีปัญหาความไม่เข้าใจในเรื่องสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อยู่ไม่น้อย ที่น่าเป็นห่วง คือ มีปัญหานี้อยู่ในหมู่ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ให้คุณให้โทษต่อผู้คนทั่วไปเสียด้วย


-
มันสะท้อนว่าบ้านเมืองเรายังป่าเถื่อนอยู่ครับ

-
Chaturon Chaisang


“จาตุรนต์” ชี้ ประชามติแบบ “มัดมือชก” มีแต่เพิ่มความขัดแย้ง

"จาตุรนต์" ชี้ ประชามติแบบ "มัดมือชก" มีแต่เพิ่มความขัดแย้ง
-

เมื่อวันที่ 15 เมษายน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กถึงแนวทางของ คสช.ในการหาทางออกหากรัฐธรรมนูญที่ไม่ผ่านประชามติว่า ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ายังไม่รู้จะทำอย่างไรก็มีเหตุผลอยู่ มาถึงขั้นนี้ การจะกำหนดให้ชัดลงไปว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านในการลงประชามติแล้วจะเจอกับอะไรนั้น อาจจะทำไม่ได้และไม่แน่ว่าจะเป็นผลดีเสียแล้ว เช่น สมมุติ คสช.มอบให้นายวิษณุเป็นคนเตรียมการ และนายวิษณุบอกว่าจะเอาร่าง 3-4 ฉบับมายำเข้าด้วยกัน แต่จะแถมเรื่องนายกฯคนนอกเข้าไปด้วย และเมื่อคำถามพ่วงตกไป แต่เกิดจะให้ ส.ว.มีอำนาจลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯได้ แล้วจะทำกันอย่างไร พูดง่ายๆ ก็คือ หากบอกว่าถ้าไม่ผ่านจะได้รัฐธรรมนูญที่แย่กว่าเดิมแน่ๆ คนก็ต้องจำยอมออกเสียงให้ผ่าน หรือในทางตรงข้าม หากบอกว่าถ้าไม่ผ่านจะได้รัฐธรรมนูญที่ดีกว่าเดิมแน่ๆ คนก็จะออกเสียงไม่ให้ผ่าน

-
นายจาตุรนต์กล่าวว่า การจัดให้มีการลงประชามตินั้น โดยตัวมันเองหมายความว่า คสช.ยินยอมให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าจะยอมรับร่างที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่ง คสช.แต่งตั้งขึ้นมาร่างภายใต้คำแนะนำของแม่น้ำอีก 4 สายนี้หรือไม่ หากผ่านก็ดำเนินการขั้นตอนต่อไปซึ่งกำหนดไว้แล้ว แต่ถ้าไม่ผ่านแล้วบอกว่า คสช.ก็จะกำหนดเอาตามใจชอบ ก็เท่ากับไม่ให้ประชาชนมีสิทธิเลือกอะไรเลย กลายเป็นออกหัวหรือก้อยก็เป็นตาม คสช.หมด อย่างนั้นไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการลงประชามติ

-
ทางที่ดีที่สุดคือการตั้งประเด็นถามประชาชนไปเสียเลย เหมือนมีคำถามพ่วงเพิ่มขึ้นว่า ถ้าไม่ผ่านจะให้ทำอย่างไร แต่สิ่งนี้คงไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะใจไม่กว้างพอ ดังนั้น สิ่งที่จะทำได้และควรทำก็คือ การยืนยันว่าหากไม่ผ่าน จะยอมรับการตัดสินของประชาชนและการดำเนินการต่อไปจะรับฟังความเห็นฝ่ายต่างๆ ให้มากขึ้น

-
นายจาตุรนต์กล่าวว่า การลงประชามติที่เสรีและเป็นธรรมจะช่วยลดความขัดแย้งแตกแยกในสังคม เพราะฝ่ายต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนและรับรู้ข้อมูลและความคิดเห็นอย่างเต็มที่ เมื่อผลออกมาอย่างไร แม้จะมีคนที่ยังไม่เห็นด้วย แต่ก็จะไม่ติดใจและมีโอกาสยอมรับได้มาก แต่ถ้าการลงประชามติทำไปแบบมัดมือชกอยู่ข้างเดียว ผลที่ออกมาก็บอกไม่ได้ว่าเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ ความไม่พอใจก็จะยังมีอยู่มาก เมื่อปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นตามมาในภายหลังก็จะกลายเป็นความขัดแย้งแตกแยกในสังคมอย่างไม่จบไม่สิ้น จากนี้ไปจึงควรจะเปิดโอกาสและส่งเสริมให้มีการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ไม่ใช่ผู้มีอำนาจสามารถพูดชี้นำสนับสนุนได้เต็มที่ แต่ผู้เห็นต่างกลับถูกคุกคาม จำกัดเสรีภาพหรืออิสรภาพอย่างที่เป็นอยู่

Cr. MatichonOnline



แดง ๆ วันนี้

เหลือแค่ทาง ลุกขึ้นมา ฆ่า กันเอง.. 



เสื้อแดงตัวนี้ งามมาก 



แม่สาวเสื้อแดง คนนี้ แรงงงงง 

อ ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ 15 เมษ 59 ตอน พฤษภาทมิฬ รอบใหม่

อ ชูพงศ์ เปลี่ยนระบอบ 15 เมษ 59

ตอน

พฤษภาทมิฬ รอบใหม่ เกิดหรือไม่เกิด ?

เผด็จการอยู่ยาวหรือไม่? เกิดศึกชิงวังหรือไม่

ทำไมจึง­มีการเรียกร้องให้ ฟ้าชายขึ้นครองราชย์ให้เร็วที่สุด

แล้วฟ้าชายขึ้นได้หรือไม่?

การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเป้าหมายอยู่ที่ไห­น?

อย่าบังคับให้ประชาชนวางจอบ แล้วหันมากอบปืน

อย่าให้ประชาชนต้องกล่าวว่า .. "บุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระ"

เพราะสภาพทุกวันนี้ ทรราช คสช กดขี่ ข่มเห่ง จับขังและเข่นฆ่า

-----------------------------------------------------------------------

อย่าบังคับให้ประชาชนวางจอบ แล้วหันมากอบปืน
-

หากเรามาเปรียบเทียบเลียบเคียงกับการเมืองไทยภายใต้การปกครองของทรราช คสช. ตอนนี้..
-

คุณแผ่นดินต้องทดแทน คือ ทหารต้องทดแทนบุญคุณให้กับ ประชาชน เพราะประชาชนเป็นผู้ชุปเลี้ยงทหาร และครอบครัวของทหาร 

-
ในการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เข้ามายึดอำนาจจากขบวนการทางการเมืองที่ กปปส. และ คสช. ร่วมกันใช้ความเถื่อนเข้ามาชุมนุมกันปิดถนนหนทางยึดสถานที่ราชการและเข่นฆ่าไล่ยิงประชาชน กันจนทำให้สภาพบ้านเมืองตกอยู่ในสภาพไร้ขื่อไร้แปร

-

ทหารและ ข้าราชการต่างวางเฉย แต่ในมุมกลับ ทหารและข้าราชการต่างร่วมมือกับ กปปส. เพื่อหวังให้รัฐบาลของนายก ปู เป็นรัฐล้มเหลวให้ได้

-

แม้จะต้องแลกกับความสูญเสีย ทั้งระบบ รวมถึง สถาบันที่ กปปส. และ ทหารเอามากล่าวอ้างในการ ยึดอำนาจ

-

อย่าคิดว่า ประชาชนยอมรับการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ.. หรือ ทรราช คสช. 

-
ประชาชนไม่อาจไม่รวมตัวกันขัดขวางต่อต้านหรือรวมตัวกันขับไล่ อย่าเป็นเป็นธรรมได้ เหมือน 14 ตุลา หรือ ในปี 35 และ 53
-

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า. ประชาชนจะสยบยอมก้มหัวเลียตีนเผด็จการ

-

หากแต่การที่ประชาชนส่วนใหญ่ นิ่งเฉย ก็เพราะ เขาให้โอกาศ ทรราช คสช. ต่างหาก  

-

หากแต่ วันนี้ ความโง่ ชั่วและบ้าอำนาจของ ทรราช คสช. ปรากฏ เด่นชัด

-

และมีความพยายาม จะสืบทอดอำนาจจากร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับมีชัย อย่างเห็นได้ชัด ทั้งนายกคนนอก สว.ลากตั้ง และองค์กรอิสระ ที่ ทรราช คสช. แต่งตั้ง 

-
ก็อย่าได่หวังเลยว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ กว่า 30 กว่าล้านคนจะสยบยอม ต่ออำนาจเผด็จการ ทรราช คสช.

-
อย่าคิดว่า ประเทศนี้จะตกเป็นของพวกทรราช  และ ข้าราชการชั่ว จนสามารถที่จะกระทำการได้ทุกอยาางตามใจชอบ
-

อยากจะจับใครติดคุกก็จับ

-
อยากจะบังคับให้ทำอะไรก็ได้

-

อยากจะด่าว่ากล่าว คนจน มันเป็นคนโง่

-
หรือเขียนรัฐธรรมนูญฉบับส้นตีน และฝังข้อบังคับขึ้นมาใหม่และกดให้ทุกคนทุกฝ่ายต้องยอมรับโดยปราศจากเงื่อนไขและห้ามเรียกร้องต่อต้าน

-
ด้วยอำนาจ ของทรราช คสช. ม. 44

-
อย่าคิดว่า...บุญคุณต้องทดแทน  ประชาชนยังทดแทนให้แผ่นดินอยู่ ภายใต้เงื่อนไขที่พวกอำมาตย์เป็นผู้กำหนด

-

หากประนี้ไร้สิ้น ประชาชน แล้วข้าราชการกว่า 2 ล้านชีวิต จะกินเงินเดือนและสวัสดการจากใหน แม้แต่อำมาตย์ใหญ่ ตัวพ่อ ที่ต้องมีค่าใช้จ่ายกว่า 52 ล้านบาทต่อวัน นั้น  ก็ล้วนแล้วมาจาก หยาดเลือดและน้ำตา ของประชาชนทั้งสิ้น 

-

แต่การที่บุคคลกลุ่มหนึ่งที่พวกทรราช คสช.ตั้งขึ้นมาเป็นสภาเป็นสมัชชาผู้ร่างรัฐธรรมนูญเขียนกฏ..บังอาจกำเริบเสิบสานจะตั้งเป็นสภาถาวรที่มาจากการแต่งตั้งแล้วตะแบงว่าเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมนั้น..

-

     มันเป็นการปล้นอำนาจไปจากประชาชน อย่างแท้จริง

-

แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ประชาชนทุกส่วนฝ่ายยอมรับ..และคนบางกลุ่มบางคณะยังใช้อำนาจของพวกทรราช คสช. กระทำการตามอำเภอใจ ใส่ไคล้ตั้งข้อหาสร้างคดีแพ่งคดีอาญาเพื่อจะเอาคนที่ท่านไม่ชอบไปติดคุกติดตะรางนั้น..

-
     มันเป็นการสะสมความแค้นให้คุกรุ่นขึ้นมาและแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่งการต่อต้านขัดขวาง และเป็นระเบิดเวลาขึ้นในที่สุด 

-

ทรราช คสช. ทำในสิ่งที่พวกเขากล่าวด่าคนอื่น  แต่ก็ทำคอรัปชั่นซะเองในขณะที่กล่าวหาคนอื่น ไม่ว่าจะเป็น โครงการราชภักดิ์ หรือ โครงการขั้นพื้นฐานทั้ง รถไฟ ถนน คลอง อาวุธ  ฯลฯ ก็ล้วนแล้วแต่โกงทั้งสิ้น 

-

ถึงวันนี้มันจึงไม่ง่ายที่จะให้ประชาชนยอมรับอีกต่อไป..ดังที่เห็นและได้ยินกันอยู่..คณะผู้รักษาความสงบแห่งชาติ จึงต้องทบทวนและระมัดระวังก่อนที่การกระทำที่กดขี่ประชาชนอยู่นี้ จะกลายเป็นชนวนนำไปสู่ความไม่สงบครั้งใหม่ หรือสงครามกลางเมือง 

-
     ทรราช คสช. ต้องจำใส่กระโหลก ไว้ให้ดีว่า…
-
- ไม่มีอำนาจใด จะยิ่งใหญ่กว่าอำนาจของประชาชน   

-
เสรีชน 



อ ชูพงศ์ 10 เมษ 59 Rev 1 หลังถูกบล๊อก

อ ชูพงศ์ 10 เมษ 59 Rev 1  หลังถูกบล๊อก 

ตอน...

คสช. วางแผนกลืน ประเทศ_______มันกลืนได้หรือไม่

ป­ระชาชนจะสู้ อย่างไร???????จึงชนะ และไม่มีทางแพ้

3 กล้า ของ ประชาชน

๑. กล้าคิดขบถ กับระบอบเผด็จการ 

๒. กล้าทำลายคณะเผด็จการ 

๓. กล้าขุดรากถอนโคนเผด็จการ      

ชี้ผิดชี้ถูก 10 เมษ 59 Rev 4 ( สมบรูณ์ )

ตอน "ไม่รับ" รัฐธรรมนูญโจร

วิทยกรโดย 

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 

เลขาฯ เสรีไทย

Thursday, April 14, 2016

คนต้องเท่ากับคน 13 เมษ. 59 โดย เลขาฯเสรีไทย ตอน "ร่วมใจกันต่อสู้ภัยเผด็จการ"

คนต้องเท่ากับคน 13 เมษ. 59    โดย เลขาฯเสรีไทย จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ  

ตอน 

"ร่วมใจกันต่อสู้ภัยเผด็จการ"  https://www.youtube.com/watch?v=NvfCoJAl_Mg

สารเสรีไทย เนื่องในวันสงกรานต์ 13 เมษ.59


สารจาก เสรีไทย เนื่องในวันครอบครัว 14 เมย. 59


เมื่อเซียนพระเจอ ขันน้ำมนต์ รุ่น มารสะดุ้ง


ประชาธิปไตยไม่เคยได้มาจาก การร้องขอ

ประชาธิปไตยไม่เคยได้มาจาก การร้องขอ ในทุกๆ ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ตรงกัน พืชพันธุ์ประชาธิปไตย เติบโตได้ดีจากคราบเลือดและหยาดน้ำตาของเหล่า "วีรชน" เท่านั้น

———————————————————————

คำตอบสู่อนาคตที่ยั่งยืน ของขบวนแถวผู้รักประชาธิปไตยสยาม

ศิวา มหายุทธ์

ผ่านไปเกือบ 2 ปีนับแต่ คณะทหารทำรัฐประหารในเดือนพฤษภาคม2557 ความพยายามสถาปนาอำมาตยาธิปไตยอนุรักษ์นิยมเหนือสังคมและรัฐสยามระลอกใหม่อย่างเข้มข้นยังคงดำเนินต่อเนื่องโดยผ่านร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุด ที่ย้อนยุคกลับไปมากกว่า 30 ปี ท่ามกลางการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมของอำนาจรัฐเผด็จการอำมาตยาธิปไตยที่คล้ายคลึงกับบรรยากาศของรัฐในนวนิยาย 1984 ของจอร์จออร์เวลล์ และ นิทานเด็กอังกฤษ อลิซในแดนมหัศจรรย์ ซึ่งกำลังเคลื่อนย้ายจากเผด็จการอำนาจนิยมเข้าสู่ภาวะเผด็จการเบ็ดเสร็จเข้าไปทุกขณะ(และไม่ได้เหนือการคาดเดา) โดยเฉพาะการสร้าง"รัฐทหาร"อย่างเบ็ดเสร็จ (ที่ชัดเจนสุดคือการมอบให้อำนาจทหารทำการแทนตำรวจและหน่วยงานพลเรือนอื่นเต็มที่) แต่ที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่งคือขบวนการต่อสู้เพื่อเสรีภาพ และ ความยุติธรรมของผู้รักประชาธิปไตย ยังไม่สามารถตั้งขบวนที่มีประสิทธิภาพในการตีโต้เชิงรุกต่อพลังของพันธมิตรเผด็จการอำมาตยาธิปัตย์ที่นำโดยกองทัพได้เลยแม้แต่น้อยยังคงมียุทธศาสตร์ที่แตกกระจาย อาศัยประสบการณ์เดิมๆอย่างอ่อนเปลี้ย ไม่สามารถสร้างเงื่อนไข"กินข้าวทีละคำ เพือ่กินทั้งสำรับ"ได้เลย ตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างไร้กระบวนท่าและขาดเอกภาพ


ในระยะยาว หากขบวนแถวผู้รักประชาธิปไตยยังดำรงสภาพเช่นนี้ โอกาสในการสถาปนาอำนาจรัฐประชาธิปไตยที่ยั่งยืนยังคงมืดมนยิ่งกว่าหลายเท่า แม้ว่าเราจะได้เห็นการพังทลายของรัฐบาลเผด็จการเป็นครั้งคราวแต่ก็จะยากที่จะหลุดพ้นจากวัฏจักรชั่วร้ายของพลังเผด็จการที่หวนคืนมาไม่จบสิ้นอย่างมั่นคงได้


ความพยายามสถาปนาอำนาจรัฐอำมาตยาธิปไตยอนุรักษ์นิยมภายใต้คำขวัญสวยหรูว่าปฏิรูปประเทศ แม้จะถูกต่อต้านจากขบวนแถวผู้รักประชาธิปไตย แต่ความพยายามรุกคืบของพวกมันก็ยังคงได้รับการยอมรับจากหลายภาคส่วนที่เป็นพันธมิตรซึ่งมีปริมาณอยู่ค่อนข้างมากพอสมควรและมีการจัดตั้งที่แข็งแกร่ง นับแต่

1) ผู้นำและอดีตผู้นำกองทัพระดับกลางและสูง ที่ได้เสวยสุขจากการเถลิงอำนาจเหนือรัฐอย่างเบ็ดเสร็จการเคลื่อนตัวของนายทหารและอดีตนายทหารตำนานสำคัญในรัฐวิสาหกิจอย่างมากมายไม่ต่างจากยุคถนอม-ประภาส และ งบประมาณทางทหารที่เพิ่มมากขึ้น ไม่นับรายได้พิเศษจากการบริจาค(แท้จริงคือการปล้นธรรมดา)ในโครงการนอกงบประมาณที่คิดขึ้นมาอีกต่างหาก


2) กลุ่มชนชั้นสูง (รวมชนชั้นปกครองเก่าที่หวังทวงอำนาจกลับคืน)และนายทุนผูกขาดใหญ่ ที่มุ่งหวังยึดกุมอำนาจเหนือเพื่อรักษาส่วนแบ่งจากส่วนเกินทางเศรษฐกิจจากการผูกขาดตัดตอนธุรกิจเหนือกลุ่มอื่นในสังคมผ่านสายสัมพันธ์สมคบคิดระหว่างทุนใหญ่–กองทัพ-ข้าราชการระดับสูง-เครือข่ายราชสำนัก


3) ชนชั้นกลางในเขตเมืองใหญ่ที่เบื่อหน่ายและรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัยทางจิตใจและสถานภาพทางสังคมที่คุ้นเคยกับระบบสายสัมพันธ์ทางผลประโยชน์ที่คุ้นเคยจากข้อรังเกียจร่วมต่อบทบาทของนักเลือกตั้งอาชีพ-ระบบการเมืองแบบตัวแทน และการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดจากความขัดแย้งของกลุ่มพลังต่างๆโดยเฉพาะการปรากฏตัวเพื่อขอมีส่วนร่วมในอำนาจของพลังใหม่ที่เป็นชนชั้นกลางในต่างจังหวัดและชนชั้นรากหญ้าที่เคยถูกกีดกันให้อยู่นอกระบบสายสัมพันธ์ดังกล่าว


4)ข้าราชการหรือพนักงานในองค์กรรัฐที่มีจำนวนมากกว่า 1.5 ล้านคน ที่คุ้นเคยกับการรักษาพื้นที่ทางอำนาจนำ และระบบทำงานเช้าชามเย็นชามทีเน้นความสำคัญของเจตนารมย์ของมวลชนต่ำกว่าเจตนารมณ์ของรัฐรู้สึกเกลียดชังนักการเมืองจากการเลือกตั้งทุกระดับในฐานะคนนอก ที่มีอำนาจผ่านกลไกทางลัดของการเลือกตั้งมาอยู่เหนือพวกเขาอย่างขาดความชอบธรรม


5)กลุ่มนักพัฒนาเอกชนประเภทโลกสวยที่แพร่กระจายความเกลียดชังระบบการเมืองแบบตัวแทนผ่านการเลือกตั้งแต่มุ่งสร้างการเมืองโดยตรงที่ผิดเพี้ยนของประชาชน ถึงขั้นยอมสมคบคิดกับพลังเผด็จการเพื่อหวังว่าจะสามารถมีประชาธิปไตยโดยตรงผ่านตัวแทนบางคนของพวกเขาโดยช่องทางการสรรหาหรือลากตั้งอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ


6) ประชาชนทั่วไปที่มีความภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ เข้าใจและเชื่ออย่างสนิทใจ จากผลลัพธ์ของกระบวนการกล่อมเกลายาวนานว่าขบวนแถวประชาธิปไตยและการเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพทุกชนิดล้วนเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐและบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์


7) อดีตนักสู้เพื่อประชาธิปไตยในอดีต ที่เปลี่ยนสีแปรธาตุมาเอาชื่อเสียงในอดีตมาทำภารกิจเป็นฐานสนับสนุนและกระบอกเสียงพลังอำมาตยาธิปไตยอย่างเปิดเผย เพื่อแสวงหาลาภยศและอำนาจส่วนบุคคล


8) พรรคการเมืองฉวยโอกาส รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ที่พร้อมจะยอมตน"กินเศษเนื้อข้างเขียง"ผ่านการเล่มเกมหลายหน้าสนับสนุนและร่วมมือในหลักการหรือสาระสำคัญกับอำนาจเผด็จการ แต่คัดค้านในประเด็นสัพเพเหระปลีกย่อยเพื่อเรียกเพิ่มในการต่อรองผลประโยชน์ส่วนตัวในที่ลับ


กลุ่มผู้สนับสนุนและพันธมิตรพลังเผด็จการอำมาตยาธิไตยทั้ง8 กลุ่มนี้ แม้ว่าบางครั้งจะขัดแย้งกันเองภายในเป็นครั้งคราวหรือบ่อยครั้งแต่จุดยืนร่วมของพวกเขาในการบดขยี้พลังประชาธิปไตยยังเข้มข้นเหนียวแน่น ล้วนเป็นภาระอันหนักอึ้งที่ขบวนแถวผู้รักประชาธิปไตยต้องฝ่าฟันและก้าวข้ามไปให้ได้

การเอาชนะพลังอำมาตยาธิไตยที่ค่อนข้างยากลำบากเช่นนี้จำเป็นต้องระดมสรรพกำลังที่เป็นเอกภาพของขบวนแถวผู้รักประชาธิปไตยอย่างมีการจัดตั้งที่แน่นอนแต่ยืดหยุ่น เพื่อไปบรรลุเป้าหมาย ไม่ใช่การพึ่งพายุทธศาสตร์"ซุ่มซ่อนยาวนาน สะสมกำลัง รอคอยโอกาส"(ที่บางครั้งเป็นแค่ข้อแก้ตัวอำพรางความไร้ประสิทธิภาพของการจัดตั้ง)เพื่อที่จะวาดหวังว่าการเสื่อมถอยของพลังอำมาตยาธิไตยจะเกิดขึ้นเองจากปัจจัยที่เพ้อฝันดังต่อไปนี้คือ

1) พลังเผด็จการพังทลายจากความขัดแย้งภายในที่ประนีประอมกันไม่ได้ของบรรดาผู้สนับสนุนหรือพันธมิตร ผ่านการรัฐประหารซ้อน หรือยืมหรือพึ่งพลังประชาธิปไตยเป็นพลังหนุนในการโค่นอำนาจกันเอง

2) มุ่งหวังให้ประชาคมโลกปิดล้อมเผด็จการจนยอมคืนอำนาจให้ประชาชน


3) มุ่งหวังให้เศรษฐกิจภายใต้อุ้งเท้ารัฐบาลเผด้จการพังทลาย จนขาดความชอบธรรม


4) มุ่งหวังว่าการเปลี่ยนผ่านตัวกษัตริย์จะนำไปสู่แสงสว่างใหม่ของกษัตริย์นักประชาธิปไตยในอุดมคติแบบสเปน ญี่ปุ่น อังกฤษ หรือสวีเดน
การพูดถึงความเป็นไปไม่ได้ในการสถาปนาอำนาจรัฐประชาธิปไตยในที่นี้ไม่ใช่เพื่อชี้ถึงความสิ้นหวัง แต่ต้องการวิเคราะห์เงื่อนไขและสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคตว่าตราบใดที่ขบวนแถวของผู้รักประชาธิปไตย ที่รักความยุติธรรม และเชิดชูเสรีภาพของประชาชนยังไม่สามารถค้นหา"สูตรแห่งชัยชนะ"ในการต่อสู้ทุกเวทีทางอำนาจ (การต่อสู้ในรัฐสภาการต่อสู้บนท้องถนน การต่อสู้ในเวทีสื่อ การต่อสู้ในเวทีสากล และการต่อสู้ด้วยกองกำลัง)แล้วยังไม่สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ และจังหวะก้าวไปสู่กระบวนการต่อสู้เพื่อ"กินข้าวทีละคำเพื่อกินหมดทั้งสำรับ"แล้ว รัฐประชาธิปไตยที่จะเกิดขึ้นหลังอำนาจรัฐเผด้จการพังทลายในอนาคตย่อมไม่มีทางยั่งยืน เพราะอำนาจเผด็จการรูปแบบใหม่ อาจย้อนคืนมาแย่งยึดกลับไปอีกได้อย่างง่ายดายหากมีเงื่อนไขในการทวงอำนาจคืนสุกงอม ภายใต้ข้ออ้างที่เราได้เห็นซ้ำซากในรอบ 84ปีนับแต่ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมาคือ"รักษาความสงบ รักษาความมั่นคง ป้องกันและขจัดคนโกงและ รักษาสถาบันกษัตริย์"

เป้าหมายของขบวนแถวผู้รักประชาธิปไตยในระยะเฉพาะหน้าต้องมุ่งไปที่การโค่นล้มอำนาจเผด็จการอำมาตยาธิปไตยเพื่อทวงคืนประชาธิปไตยกลับคืนมาไม่ได้ผิดพลาด แต่หากขบวนแถวนี้ต้องละเลยที่จะสร้างเป้าหมายระยะยาวของการสถาปนารัฐประชาอธิปไตยที่แท้จริงนั้นคือเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐสยามที่รวมศูนย์กระจุกในปัจจุบัน ไปสู่โครงสร้างและระบอบใหม่ที่กระจายศูนย์โดยมวลประชาชนที่รักความยุติธรรมและเสรีภาพ สามารถควบคุมเจตนารมย์และปฏิบัติการของรัฐ ได้ทั้งการใช้อำนาจทางตรง และทางอ้อมผ่านตัวแทน

การเมินเฉยต่อการออกแบบเพื่อสถาปนารัฐประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในอนาคตแต่มุ่งหวังภารกิจเฉพาะหน้าเพื่อโค่นล้มเผด็จการอำมาตยาธิปไตยอย่างเดียว จะเป็นการเปิดช่องว่างให้กับ3 ปัจจัยหลักที่ถ่วงรั้งไม่ให้ประชาธิปไตยคืบหน้า ดำรงอยู่ต่อไปอย่างโยงใยกันต่อไปนั่นคือ


1) อิทธิพลของชนชั้นนำภาครัฐที่เคยผูกขาดอำนาจการปกครองเหนือสังคมมายาวนานกว่า100ปี จะดำรงอยู่สร้างเงื่อนไขเผด็จการกลับมาซ้ำซาก


2) ฐานะครอบงำของวัฒนธรรมการเมืองแบบอำนาจนิยมซึ่งไม่สอดคล้องกับระบอบสังคมประชาธิปไตย จะดำรงอยู่อย่างเข้มข้นไม่จบสิ้น


3) สภาพที่พลังของขบวนแถวผู้รักประชาธิปไตยที่ไม่มีลักษณะคงเส้นคงวาและเปราะบาง สุ่มเสี่ยงต่อการถูกทำลายทั้งจากภายในแปละภายนอก

ที่ผ่านมา ผู้รักประชาธิปไตยได้ผ่านประสบการณ์อันคดเคี้ยวของการต่อสู้โดยเฉพาะนับตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เป็นต้นมาและได้ประจักษ์ชัดถึงพลังที่หวนกลับมาหลายระลอกของพันธมิตรเผด็จการกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าที่มุ่งทำลายโอกาสของประเทศในการที่จะเชื่อมร้อยการเมืองมวลชนเข้ากับการทำงานของระบบรัฐสภาและทำลายพื้นที่สำหรับพรรคการเมืองแบบทางเลือกในตัวระบบรัฐสภา รวมทั้งปฏิเสธการกระจายอำนาจสู่มือประชาชนทุกระดับในทุกรูปแบบแล้วยัดเยียดส่งมอบอำนาจเผด็จการในนามของ"ประชาธิปไตยเทียม(ครึ่งใบหรือชื่ออื่นๆ))"ที่มีเงื่อนไขสร้างรัฐเผด็จการอำนาจนิยมที่เข้มข้น โดยที่นักการเมืองบางส่วนที่พึงพอใจกับการมีส่วนร่วมเพียงแค่"กินเศษเนื้อข้างเขียง"มาช่วยตกแต่งหน้าฉากประชาธิปไตยเทียมเพื่อปกป้องฐานะการนำกลุ่มอำนาจเดิมในฐานะ"คนเชิดหุ่น"เพื่อสมคบคิดร่วมกับกลุ่มทุนผูกขาดยังสามารถหยั่งรากลึกดูดความมั่งคั่งต่อไปให้เนิ่นนานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้


เผด็จการอำมาตยาธิปไตยและพันธมิตรนั้นไม่มีทาง"ลงจากหลังเสือ"ด้วยตนเอง เพราะพวกมันไม่เคยเพียงพอกับการมีและใข้อำนาจยิ่งพวกมันมีความรู้สึกไม่มั่นคงจากการถูกท้าทายมากเท่าใด และยิ่งรู้ตัวดีว่าขาดความชอบธรรมมากเพียงใดความเข้มข้นของการใช้อำนาจ(รวมทั้งการแปลงร่าง เช่น เปลี่ยนหัว หรือเสริมสวยใหม่) เพื่อปกป้องอำนาจจะเพิ่มขึ้นตามกันอย่างถึงที่สุด


ผู้เขียนและคณะขอย้ำอีกครั้งว่าประสบการณ์ลุ่มๆดอนๆของพลังประชาธิปไตยสยาม จะก้าวย่างไปบนแนวทางที่เป็นไปได้อย่างรูปธรรมมากที่สุดไม่ทำการต่อสู้ในสภาพ"ผู้ถูกกระทำ"(ที่รวมเอาการถูกกุมตัวไปปรับทัศนคติด้วยอำนาจเถื่อนของกองทัพ) ต่อเนื่องยาวนานโดยไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับชัยชนะเสียเลย เป็นสิ่งที่เป็นไปได้และไม่ยากลำบากเกิน ด้วยการ

-1) เร่งจัดตั้งแนวร่วมประชาธิปไตยทีมีเอกภาพทางยุทธศาสตร์แต่หลากหลายในยุทธวิธี เพราะพลังที่ไร้จัดตั้ง แล้วคาดหวังจะนำไปสู่ชัยชนะ เป็นความเพ้อฝัน

-2) สร้างยุทธศาสตร์ "กินข้าวทีละ เพื่อกินทั้งสำรับ"ด้วยการออกแบบรัฐสยามในอนาคตเป็นสหพันธรัฐ(ดังที่ได้เคยเสนอไว้ในข้อเขียน สหพันธรัฐสยาม คืนจารีตและประวัติศาสตร์ให้ท้องถิ่น,16 กุมภาพันธ์ 2558, มาแล้ว)

สหพันธรัฐสยามคือการย้อนรอยโครงสร้างในรูปแบบรัฐเครือข่าย ที่ดัดแปลงจาก"รัฐแสงเทียน"(candle-lightcity states) ของสยามโบราณ ก่อนที่ราชธานีในยุคกรงศรีอยุธยา และต่อมาการปฏิรูปการปกครองพ.ศ. 2430 (ค.ศ.1887) ในสมัยรัชกาลที่ 5 ราชวงศ์จักรีจะทำลายล้างไปจนหมดสิ้น


เมืองประเทศราชหรือรัฐแสงเทียนในสยามโบราณสหพันธรัฐสยามได้สร้างตำนานและวัฒนธรรมของสังคมสยามที่ประกอบด้วยคนหลายชาติพันธุ์และความเชื่อ เรื่องราวที่ส่งผ่านประวัติศาสตร์ท้องถิ่นตำนานศาสนา หรือ นิทานพื้นบ้านมากมายทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นประจักษ์พยานของรูปแบบรัฐท้องถิ่นโบราณอย่างลึกซึ้ง


รัฐแสงเทียนและชุมชนอิสระเหล่านี้ได้ถูกกวาดต้อนเข้ามาภายใต้โครงสร้างรัฐแบบตะวันตกตั้งแต่การปฏิรูปปกครอง พ.ศ. 2430 ภายใต้แนวคิด"รัฐชาติเดี่ยว"ที่ถอดแบบจากยุคล่าอาณานิคมของตะวันตก จากการเร่งกระชับอำนาจของราชธานีอย่างเข้มข้นเพื่อตอบโต้การคุกคามของตะวันตก แปลงอำนาจและอิสรภาพของหัวเมืองท้องถิ่นเป็นพื้นที่อำนาจส่วนกลางเบ็ดเสร็จจนไม่สามารถสนองตอบความหลากหลายทางชาติพันธุ์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ภาษา และเจตจำนงท้องถิ่นได้แม้แต่น้อย

โครงสร้างรัฐแบบสหพันธรัฐร่วมสมัยของรัฐสยามที่ผู้เขียนและคณะนำเสนอจะเป็นประโยชน์และให้คำตอบที่เหมาะสมพร้อมกัน 2 ด้านเลยทีเดียวคือ

-1) การจัดรูปขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในยุทธศาสตร์และยุทธวิธี

-2) หลังจากขบวนการประชาธิปไตยได้รับชัยชนะแล้ว สร้างรัฐที่อำนวยให้เกิดบูรณาการของประชาธิปไตย(ยุติธรรม เสรีภาพ เสมอภาค และกระจายอำนาจ) ได้ยั่งยืนกว่า


ในช่วงเวลาการต่อสู้กับอำนาจรัฐเผด็จการ กลุ่มผู้ร่วมขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของสยามยังมีความแตกต่างหรือขัดแย้งในเชิงอุดมการณ์และทฤษฎีที่เหลื่อมซ้อนกันอยู่ จนกระทั่งยากที่จะก่อรูปขึ้นมาเป็นองค์กรนำขนาดใหญ่ที่มีเอกภาพได้จำเป็นต้องใช้ยุทธศาสตร์ "เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ"ให้มีการจัดตั้งเป็นอิสระและพึ่งตนเองของหน่วยการต่อสู้ในทุกเวที ภายใต้สภาพที่เป็นจริงของแต่ละพื้นที่เพื่อที่จะเรียนรู้ ยกระดับการจัดตั้งแต่ละพื้นที่ให้เหมาะสมและยืดหยุ่น ผ่านการพึ่งตัวเอง


​ การจัดตั้งอย่างเป็นอิสระและพึ่งตัวเองในแต่ละพื้นที่แต่ประสานกับพื้นที่ต่างๆ จะช่วยให้ขบวนการประชาธิปไตยสยาม ดำเนินการรุกทางการเมืองภายใต้สถานการณ์ที่เป็นจริงพร้อมกับสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้ในทุกด้าน (เศรษฐกิจ การชุมนุมเรียกร้องการระดมสมาชิก หรือสร้างแนวร่วม รวมทั้งการยกระดับจิตสำนึกของผู้เข้าร่วมขบวน)เพื่อสร้างแนวร่วมประชาชาติประชาธิปไตย

​ การจัดตั้งแบบสหพันธรัฐในระหว่างการต่อสู้ จะปูทางให้เกิดสภาพของสหพันธรัฐในทางปฏิบัติโดยเบื้องต้นสามารถแบ่งกลุ่มอย่างหยาบๆได้ 6 กลุ่มดังนี้ คือ

-1) ภาคเหนือตอนบน

-2) ภาคเหนือตอนล่าง

-3) ภาคอีสานเหนือ

-4) ภาคอีสานใต้

-5) ภาคตะวันออก

-6) สามจังหวัดภาคใต้

ซึ่งจะทำให้เกิดการการเชื่อมร้อยอดีตเข้ากับปัจจุบันและอนาคตอย่างแนบเนียนไร้รอยตะเข็บ

​ ส่วนพื้นที่อื่นเช่นกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคกลาง และภาคใต้ที่ไม่ใช่สามจังหวัดนั้นเนื่องจากอยู่ใกล้และอยู่ใต้อิทธิพลเข้มข้นของศูนย์อำนาจรัฐเดิมอย่างมาก ในระหว่างการต่อสู้อาจจะไม่สามารถจัดตั้งขบวนต่อสู้ได้อย่างเปิดเผยจึงไม่ได้ระบุถึงรูปธรรมของขบวนการที่ชัดเจน จนกว่าเมื่อได้ชัยชนะเหนืออำนารัฐเผด็จการเดิมไปแล้วก็ถือเป็นภารกิจของมวลชนในพื้นที่ดังกล่าวจะเลือกเอารูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่เอง


ทางเลือกของยุทธวิธีสร้างกลุ่มจัดตั้งดังกล่าวสามารถนำภูมิปัญญาท้องถิ่นกลับมาประยุกต์ใช้อย่างมีพลัง แสดงความเคารพต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของพลเมืองในทุกภาคส่วนเป็นการปูทางสร้างรัฐแบบเครือข่ายขึ้นมาแทนที่รัฐชาติเดี่ยว ซึ่งสอดคล้องกับข้อเรียกร้องของมวลชนทั่วโลกที่เรียกร้องหาการลดขนาดรัฐให้เล็กลงสอดคล้องกับพัฒนาการของความรู้และเทคโนโลยีร่วมสมัยของโลกทุกสาขา

โครงสร้างกลุ่มจัดตั้งแบบสหพันธรัฐนี้ เมื่อพลังประชาธิปไตยมีสามารถยึดอำนาจรัฐมาได้แล้วจะแปรเปลี่ยนเป็นโครงสร้างรัฐใหม่ที่มีรัฐบาลกลางและท้องถิ่นในรูปแบบรัฐเครือข่ายที่หลากหลาย(อย่างน้อย 6 รูปแบบข้างต้น) ซึ่งสามารถถ่วงดุลกันและกัน สอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการจัดการเชิงอำนาจของแต่ละพื้นที่อย่างเป็นไปได้ที่สุด


รูปแบบจัดตั้งแบบสหพันธรัฐ ที่มีทั้งรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลาง (ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดเป็นมหาชนรัฐ)ยังสามารถตอบโจทย์สำคัญของสังคมสยามในปัจจุบัน ที่ทหารทำตัวเป็นคนเถื่อนถืออาวุธทำรัฐประหารได้ตามอำเภอใจ เพราะทหารในกองทัพสหพันธรัฐ จะถูกเงื่อนไขให้ไม่สามารถยึดอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จได้เลยจำต้องถูกแปรสภาพเป็นกองทัพรัฐบาลกลางที่มีหน้าที่หลักป้องกันประเทศเป็นสำคัญ ไม่ใช่มีภารกิจมุ่งยึดอำนาจสร้างรัฐเผด็จการ

สหพันธรัฐ ยังสามารถช่วยให้การจัดเก็บภาษีของรัฐและการใช้จ่ายของรัฐมีประสิทธิภาพสูงขึ้นเนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นจะมีความใกล้ชิดและตอบสนองความต้องการของกลุ่มธุรกิจเอกชนและชุมชนผ่านกระบวนการตรวจสอบหลายขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพและถ่วงดุลภายใต้รัฐแบบสหพันธรัฐจะทำให้ผู้รักประชาธิปไตยสยาม สามารถก้าวข้ามคำถามที่วนเวียนแบบวงจรอุบาทว์ทั้งในระหว่างและหลังการต่อสู้กับพลังเผด็จการอำมาตยาธิปไตย

ขอย้ำอีกครั้งว่า ข้อเสนอนี้เป็นทางออกที่ผู้รักประชาธิปไตยจะสามารถตอบโจทย์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างบูรณาการในการต่อสู้กับเผด็จการอำมาตยาธิปไตยและพันธมิตร

************** ขอขอบคุณ เจ้าของบทความ ************



ขอส่งความปรารถนาดีให้ ครอบครัว เสรีไทย ทุกๆท่าน


"รายงานสิทธิมนุษยชน" ของสหรัฐอเมริการะบุ ไทยละเมิดสิทธิมนุษยชน

"รายงานสิทธิมนุษยชน" ของสหรัฐอเมริการะบุ ไทยละเมิดสิทธิมนุษยชน

-----------------------------------------------------------------------------

นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศเปิดตัวรายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศต่างๆ ประจำปี พ.ศ. 2558 ("รายงานสิทธิมนุษยชน") เมื่อวันที่ 13 เมษายน รายงานประจำปีฉบับนี้ครอบคลุมสิทธิพลเมือง สิทธิด้านการเมือง และสิทธิของแรงงานอันเป็นที่ยอมรับของนานาชาติซึ่งสะท้อนถึงสิทธิต่างๆ ที่ระบุไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อตกลงระหว่างประเทศและอื่นๆ รายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนที่จัดทำขึ้นตามคำสั่งของสภาคองเกรสเหล่านี้บรรยายถึงสถานภาพด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศและดินแดนต่างๆ เกือบ 200 ประเทศ โดยนำเสนอปัญหาท้าทายที่ปัจเจกชนและองค์กรต่างๆ เผชิญเนื่องจากรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการตามพันธกิจส่งเสริมสิทธิมนุษยชนสากลได้อย่างที่ควร รายงานการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศไทยในปีนี้ชี้ให้เห็นว่า ไทยยังคงมีข้อจำกัดด้านเสรีภาพของพลเมืองและเสรีภาพทางการเมืองอยู่ ตลอดจนการละเมิดสิทธิมนุษยชนในบริบทของการก่อความไม่สงบอย่างต่อเนื่องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และปัญหาอื่นๆ ด้านสิทธิมนุษยชน เชิญอ่านรายงานในส่วนที่เกี่ยวกับประเทศไทยฉบับเต็มได้ที่ 


Secretary of State John Kerry announced the release of the 2015 Country Reports on Human Rights Practices ("the Human Rights Reports") on April 13. The annual reports cover internationally recognized civil, political, and worker rights, reflecting those set forth in the Universal Declaration of Human Rights, international agreements, and elsewhere. These Congressionally mandated reports chronicle human rights conditions in almost 200 countries and territories around the world. The reports draw attention to challenges facing individuals and organizations where governments fall short of their obligations to uphold universal human rights. This year's Country Report for Thailand points out continuing limitations on civil and political liberties, abuses in the context of the continuing insurgency in the three southernmost provinces, and other human rights challenges. Find a copy of Thailand's full report here 



Wednesday, April 13, 2016

"คนไทยยังโง่ ทหารฉลาดจึงต้องช่วยจัดการประเทศตลอดไป!!" --ดร. เพียงดิน รักไทย 14 เมษายน 2559

"คนไทยยังโง่ ทหารฉลาดจึงต้องช่วยจัดการประเทศตลอดไป!!" --ดร. เพียงดิน รักไทย 14 เมษายน 2559

https://youtu.be/q2kKueadHFI

https://youtu.be/yPkdG9cx3Vw

https://youtu.be/w6fjbDMk2Fg

https://youtu.be/rpDVcWNhS58

 

----------------------

สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน

ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com

----------------------

สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

ใครคือผู้สร้างสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้

ใครคือผู้สร้างสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้

Posted on April 9, 2016 by | Leave a comment | Edit

59

ใครคือผู้สร้างสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้

ผมได้เห็นบทความของหลายสำนักข่าว ตีข่าวใหญ่เรื่อง ระเบิดขนาดใหญ่ 160 กิโล ที่ยะลา แล้วก็หวนคิดถึง ระเบิดที่หน้าศาลอาญารัชฏา ที่จับแพะเป็นจำนวนมากได้ ลามไปถึงน้องแหวน พยานปากเอกคดี ทหารฆ่าประชาชนในวัดประทุม 6 ศพ แล้ว ก็เกิดข้อสงใส เหมือนกัน เหตุที่ต้องสงใส

เพราะ…………..

1. ตกลงทหารที่สมัย อุดมแดก อดีต ผบ.ทบ.. กล่าวไว้ว่าจะถอนทหารรออกจากพื้นที่ 3 จังหวัดชานแดนใต้ไม่ถอนแล้วใช่ไหม เพราะต้องการกวาดล้างโจรใต้ให้สิ้น ภายใน 6 เดือน

2. ตกลงชีวิตของพี่น้องชาว ยะลา นรา ปัตตานี กว่า 8 พันกว่าศพ ที่ต้องสังเวย ทหารทรราช คสช. ยังคงดำรงอยู่ต่อไป งั้นหรือ

3. และตกลงว่างบประมาณ ของแผ่นดินที่ทหารทรราช ถลุงไปกว่า หลายแสนล้านบาท เป็นการ ตำน้ำพริก ละลายแม่นำ้โก-ลกงั้นซิ

4. แผนการสร้างสถานการณ์ นำต้นแบบ และวิธีการมาจาก ระเบิดหน้าศาลอาญารัชฏาใช่หรือไม หากไม่ใช่ ทำไมวิธีการ ชั่งเหมือนกันเหลือเกิน

5. งบประมาณและอายุราชการของทหารที่ได้ จากการลงไปพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีความหอมหวานถึงขนาดต้องฆ่าต้องแกง ประชาชน เพื่อให้สมจริงได้ถึงขนาดนี้หรือ ความเป็นคนไม่หลงเหลืออยู่เลยหรือในกมรสันดานของ ทรราช คสช.

———————————————————–

สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น!


เหตุรุนแรง 2 เหตุการณ์สำคัญ คือ คนร้ายกว่า 50 คนบุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 13 มี.ค. และกรณีคนร้าย 7-8 คน ปล้นรถสองสามีภรรยาจาก อ.บันนังสตา จ.ยะลา ก่อนนำไปบรรทุกระเบิด แล้วบังคับให้ขับไปจอดเพื่อก่อวินาศกรรมกลางเมืองยะลา เมื่อวันที่ 5 เม.ย.นั้น กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกพื้นที่สามจังหวัด ชายแดนภาคใต้

เป็นการถูกพูดถึงในแง่ของการตั้งคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดของเหตุการณ์ที่ เต็มไปด้วยข้อสงสัย แม้ว่าทั้งสองเหตุการณ์จะไม่ได้นำมาซึ่งความสูญเสียขนาดใหญ่ก็ตาม

รายงานพิเศษชิ้นนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำความคิดหรือความเชื่อใดๆ ทั้งสิ้น เป็นแต่เพียงการรวบรวมข้อสังเกตของฝ่ายต่างๆ ประกอบข้อมูลและบทวิเคราะห์ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบางหน่วยมานำเสนอ เท่านั้น

ทั้งนี้เพื่อสะท้อนว่าพื้นที่ชายแดนใต้ยังคงเป็นดินแดนสนธยา และเต็มไปด้วยความซับซ้อนจริงๆ

ยึด รพ.ใช้กระสุนเปลือง!

เริ่มจากเหตุคนร้ายบุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง เพื่อใช้เป็นที่มั่นและจุดสูงข่มในการระดมยิงฐานทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4816 ซึ่งตั้งอยู่ติดกับรั้วโรงพยาบาล แม้จนถึงขณะนี้จะมีข้อมูลยืนยันจนสิ้นสงสัยแล้วว่าไม่ได้เป็นการกระทำใน ลักษณะ "จัดฉาก" ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลทรราช ด้วยกันเอง

ทว่าก็ยังมีข้อสงสัยว่าอาจเป็นการ "สร้างสถานการณ์" โดยใครหรือกลุ่มใด เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากการแสดงศักยภาพของขบวนการที่อ้างอุดมการณ์ แบ่งแยกดินแดนหรือไม่

ประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตกันมากก็คือ ปลอกกระสุนของคนร้ายที่ตรวจพบในที่เกิดเหตุซึ่งมีมากถึง 1,825 ปลอก จากปืนสงคราม 52 กระบอก เหตุใดถึงได้ยิงกันอย่างฟุ่มเฟือยถึงเพียงนี้ ราวกับกระสุนเป็นของหาง่าย

ประเด็นนี้ผู้เชี่ยวชาญหลายรายมองตรงกันว่า ที่ผ่านมาหากเป็นปฏิบัติการของนักรบบีอาร์เอ็น การยิงจะมุ่งผลสัมฤทธิ์มากกว่านี้ และใช้กระสุนประหยัดกว่านี้ เนื่องจากกระสุนหายาก และอาวุธของบรรดานักรบเกือบทั้งหมดได้ไปจากการปล้นชิงเจ้าหน้าที่

ขณะเดียวกัน ในขณะที่ยิงกันอย่างสะบั้นหั่นแหลกถึงเกือบ 2 พันนัด แต่กลับไม่ได้ก่อความสูญเสียต่อชีวิตของทหารพรานภายในฐานเลย มีเพียงผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 นาย เป็นทหารพราน 6 นาย และ อส.1 นาย

ข้อสังเกตนี้ไม่ได้มีขึ้นเพราะต้องการให้เกิดความสูญเสีย แต่ด้วยความที่คนร้ายอยู่ในจุดสูงข่มที่สามารถเลือกยิงได้ถนัดถนี่ ขณะที่ฝ่ายทหารก็ไม่กล้ายิงตอบโต้ เพราะคนร้ายใช้โรงพยาบาลซึ่งมีผู้ป่วยและหมอ พยาบาลเป็นสถานที่กำบัง แต่ด้วยวิถีการยิงที่ได้เปรียบ กับการใช้กระสุนจำนวนมาก กลับไม่อาจก่อผลที่สมกับรูปแบบความรุนแรงที่ได้กระทำ

ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธปืนสงคราม 52 กระบอกที่คนร้ายใช้ มีเพียง 18 กระบอกที่มีประวัติในสารบบของฝ่ายความมั่นคงว่าเคยใช้ก่อเหตุรุนแรงมาก่อน แสดงว่าอาวุธปืนอีกถึง 34 กระบอก หรือเกือบ 2 เท่า เป็นอาวุธที่ไม่เคยถูกนำมาใช้ หรือเคยใช้แต่ไม่เคยถูกเก็บประวัติ (ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้)

คำถามคืออาวุธเหล่านี้มาจากไหน?


ขณะที่การติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุอุกอาจถึงขั้นควงอาวุธบุกยึดโรง พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็อยู่ในอาการมืดแปดด้าน หมายจับที่ออกมาแล้ว 2-8 หมาย เป็นการออกตามประวัติการใช้ปืน 18 กระบอกในพื้นที่ 5 อำเภอของ จ.นราธิวาสเป็นหลัก ซึ่งต้องเรียกว่าเป็น "ฐานข้อมูลเก่า"

ที่สำคัญ ผู้ก่อเหตุหลายคนไม่ได้ใช้ผ้าหรือหมวกคลุมศีรษะปกปิดใบหน้า ซ้ำยังเดินผ่านกล้องวงจรปิดแบบไม่กลัวใครจำได้อีกด้วย

7ข้อสงสัยปล้นรถ-ซุกบอมบ์

เหตุการณ์ที่ 2 กรณีคนร้ายปล้นรถของลุงกับป้า สองสามีภรรยาจากพื้นที่บันนังสตา แล้วนำระเบิดถังแก๊ส 2 ถัง น้ำหนักระเบิด 160 กิโลกรัมยัดใส่รถ จากนั้นบังคับให้คุณลุงขับรถเข้าไปจอดกลางเมืองยะลาเพื่อกดระเบิด

ยุทธวิธีของกลุ่มคนร้าย นอกจากจะจับคุณป้าแยกขึ้นรถไปอีกคันเพื่อเป็นตัวประกันแล้ว ยังให้คุณลุงสวมเสื้อที่ผูกระเบิดติดไว้ เป็นการกดดันและบังคับอีกชั้นหนึ่งให้คุณลุงทำภารกิจให้สำเร็จอีกด้วย

เหตุการณ์นี้หากมีการระเบิดเกิดขึ้นจริง จะก่อความสูญเสียอย่างมหาศาล เพราะจุดที่คนร้ายบังคับให้คุณลุงขับรถไปจอด อยู่ใกล้ปั๊มน้ำมัน และบริษัทโตโยต้า พิธานพาณิชย์ยะลา ภาพที่คาดว่าจะออกมาหากเกิดระเบิด คือคนขับสวมเสื้อระเบิด คล้ายเป็น "ระเบิดพลีชีพ" เท่ากับเป็นการยกระดับความรุนแรงของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เทียบเท่าก่อการ ร้ายสากล

เคราะห์ดีที่เหตุการณ์ไม่ได้บานปลายถึงเพียงนั้น แต่ก็ยังมีประเด็นข้อสงสัยจากฝ่ายต่างๆ จากหลายวงสนทนา พอสรุปได้ดังนี้

1.วิธีการของคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยการปล้นรถแล้วจับตัวประกันบังคับให้ขับรถของตัวเองบรรทุกระเบิดเข้าไปจอด ในตัวเมือง เป็นวิธีการใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อน ที่ผ่านมามีแต่คนร้ายฆ่าเจ้าทรัพย์ แล้วชิงรถไปติดตั้งระเบิด ก่อนนำไปจุดระเบิดตรงบริเวณที่เป็นเป้าหมายทันที เห็นได้จากเหตุ "คาร์บอมบ์" ล่าสุดใน อ.เมืองปัตตานี หน้าฐานของตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เมื่อ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ก็เป็นการฆ่าเจ้าทรัพย์ ชิงรถ ติดตั้งระเบิด แล้วโจมตี

คำถามคือเหตุใดคนร้ายจึงเลือกใช้วิธีการที่ซับซ้อนและมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย หากหวังผลให้เกิดการระเบิดเพื่อสร้างความสูญเสียในเขตเมืองและย่านเศรษฐกิจ

2.ความโหดเหี้ยมในการก่อเหตุของคนร้ายดูจะลดน้อยลงกว่าที่ผ่านๆ มา โดยเฉพาะหากเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.กรงปินัง ซึ่งมีประวัติการก่อเหตุอย่างเหี้ยมโหด เพราะคุณป้าที่ตกเป็นตัวประกันก็ปลอดภัย แม้คุณลุงจะทำการไม่สำเร็จ คือไม่เกิดการระเบิดขึ้นก็ตาม

3.คนร้ายบางส่วนหรือทั้งหมด ไม่ได้ปกปิดหน้าตา การปล่อยตัวประกันทำให้นำไปสู่การออกภาพสเก็ตช์และติดตามตัวคนร้ายได้ง่าย ซึ่งล่าสุดก็มีข่าวตำรวจเริ่มจับกุมผู้ต้องสงสัยแล้ว

4.การวางระเบิดของคนร้าย จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระบุว่า ระเบิดถังแก๊สทั้ง 2 ถังประกอบวงจรระเบิดไว้สมบูรณ์แล้ว และมีวงจรจุดระเบิดซ้อนมากกว่า 1 วงจร แต่หลังจากที่คนร้ายบังคับให้คุณลุงขับรถผ่านด่านตรวจเข้ามาในพื้นที่เขต เมืองได้แล้ว มีบางช่วงที่คุณลุงขับรถหลุดพ้นจากการควบคุมของคนร้าย เหตุใดคนร้ายจึงไม่จุดระเบิดทันที

5.กรณีเสื้อผูกระเบิดที่คนร้ายบังคับให้คุณลุงสวมใส่เพื่อข่มขู่ให้ขับรถ บรรทุกระเบิดไปจอดยังเป้าหมาย โดยข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ระบุว่าคนร้ายต่อวงจรเอาไว้แล้ว เหตุใดคุณลุงจึงสามารถใช้กรรไกรตัดเสื้อระหว่างขับรถแล้วโยนทิ้งไปได้โดยไม่ ระเบิด แต่กลับมีข่าวว่าเสื้อดังกล่าวระเบิดขึ้นระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการ เก็บกู้

6.เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ และรูปแบบการก่อเหตุไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เหตุใดจึงมีแต่เพียงฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครองเท่านั้นที่มีข้อมูลและให้ข่าว กับสื่อ แต่ไม่ปรากฏข้อมูลในรายงานเหตุการณ์ของหน่วยงานทางทหาร

7.ระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ถังแก๊ส 2 ถังบรรทุกมาในรถ ยังมีข้อมูลสับสนว่าขับผ่านด่านตรวจของเจ้าหน้าที่เข้ามาหรือไม่ เพราะข้อมูลบางแหล่งระบุว่าขับผ่านด่านตรวจตามปกติ แต่บางแหล่งระบุว่าขับลัดเลาะหลบด่านทุกด้านจนเข้าเมืองได้

นอกจากนั้นข้อมูลที่รายงานผ่านสื่อบางแขนงอ้างว่าคุณลุงถูกคนร้ายใช้ถุงดำ คลุมศีรษะเกือบตลอดทาง แต่บางสื่อกลับอ้างว่าคุณลุงรู้เส้นทางขับรถของคนร้ายว่าหลบด่านเข้าเมือง ได้อย่างไร ถึงขนาดพาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองย้อนดูเส้นทางลัดเลาะหลบด่าน ในลักษณะย้อนรอยคนร้ายด้วย

สมมติฐานใครคือผู้สร้างสถานการณ์


ทั้งสองเหตุการณ์ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีฝ่ายรัฐบาล ทรราช คสช. หรือต้องการสร้างภาพใน สถาณ๋การเลวร้าย ในแง่ลบ ตั้งประเด็นว่าเป็นการ "จัดฉาก" เพื่อหวังงบประมาณหรือด้วยเหตุผลของการต้องการ ฆ่าพี่้องมุสลิม

ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญหลายหน่วยยืนยันตรงกันว่า เป็นไปได้น้อยมากที่เหตุการณ์ระดับนี้ ใช้คนมากขนาดนี้ จะกระทำโดย "โจรใต้" เพราะปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหลายหน่วย หลายสี ปฏิบัติงานในพื้นที่จำนวนมาก มีการตรวจสอบซึ่งกันและกันค่อนข้างสูง และสิ่งที่โจรใต้ ไม่เคยพลาด จากการวางระเบิดมานัดครั้งไม่ถ้วนนั้น หากนำมาประกอยวิธีการวาง จะแตกต่างจาก เหตุการณ์ ระเบิด 160โล ครั้งนี้อย่างเห็นได้ชัด แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของรัฐบาล ทรราช คสช.

ฉะนั้นการสร้างสถานการณ์โดยหน่วยใดหรือกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจึงเป็นเรื่องไม่ยาก ที่จะคาดเดา

เหตุการณ์ ทั้ง 2 ครั้งนี้ จุดประสงค์เพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่ งบประมาณและการคงอยู่ของกองกำลังทหารกว่า 5 หมื่นนาย ที่จะได้เบี้ยและอายุราชการทวีคูณอีกทั้งสวัสดิการต่างๆ อีกมากมาย บนคลาดน้ำตาและกองเลือดของพี่น้องประชาชน สืบต่อไป

สิ่งที่เห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น!

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก อิศรา


เสรีชน