Saturday, November 5, 2016

กระชากหน้ากาก ปอบเปรตดูดเลือดชาวนา

กระชากหน้ากาก ปอบเปรตดูดเลือดชาวนา
*******************************
__//นิ่มอนงค์

เมื่อเริ่มมีปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ สวนทางกับราคาข้าวถุงที่แพงขึ้น ชาวนาก็ออกมาร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลทหาร... แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ นอกจากการกล่าวหากล่าวโทษรัฐบาลก่อน และถูกแนะนำให้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือพืชอื่นแทน
ชาวนาจึงหมดที่พึง หันมาพึ่งตนเองสีข้าวออกมาขายเอง 
แต่ไม่วายพบอุปสรรคจากรัฐบาลเผด็จการ เมื่อ
โฆษกไก่อ่อน นายพลห้องแอร์และปลัดกระทรวงพาณิชย์บอกว่าผิดกฏหมายขายตรงทำไม่ได้ ทำให้รัฐฯขาดรายได้ ภาษี และจะไม่ยั่งยืน สารพัดคำขู่

 แถมนายกฯหน้าโง่ก็บอกว่า เป็นเรื่องของโรงสี กับนักการเมืองกดราคารับซื้อ บางคนบอกให้เลิกปลูกข้าวแล้วไปขายปุ๋ย สารพัดคำพูดหาทางออกปัญญาอ่อน แก้ปัญหาไม่ได้ก็รีบโยนบาปไปให้ผู้อื่น รับแต่ชอบ ไม่รับผิด ทำงานแก้ตัวไปวันๆ

ต่อมานายกฯยิ่งลักษณ์ได้ไปพบชาวนาที่ภาคอิสาน และซื้อข้าวจากชาวนามาจำนวนหนึ่ง และประกาศจำหน่ายต่อให้ประชาชนผู้สนใจช่วยเหลือชาวนาในราคาที่ซื้อมา
พร้อมกันนี้ทางปั้มปตท. และมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ต่างประกาศเปิดพื้นที่ให้ชาวนานำข้าวมาขายได้

เท่านั้นเอง
รัฐบาลควายจึงได้คิดว่ามีวิธีง่ายๆที่ จะช่วยชาวนา
รีบตาลีตาเหลือกสร้างภาพให้ทหารแต่งเครื่องแบบไปช่วยชาวนาเกี่ยวข้าว และสั่งการให้ส่วนราชการที่มีความพร้อมเปิด
สถานที่อำนวยความสะดวกให้ชาวนานำข้าวมาจำหน่ายแก่ประชาชน...

วันนี้บรรดาเหล่าผีปอบ เปรต ผีกระสือ ผีดิบดูดเลือด รีบแสดงตนเป็นคนดีอยากช่วยเหลือชาวนา เพื่อโหนกระแส ว่าตนเองเห็นใจชาวนาเหลือเกิน แต่เบื้องหลังคนกลุ่มนี้คือ" นักบุญ ใจบาป" หากินบนคราบน้ำตา และหยาดเหงื่อของเพื่อนร่วมชาติ ทั้งที่เคยออกมาประท้วงให้ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวราคา 15,000 บาท/เกวียนในสมัยนายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สารพัดข้ออ้าง เพื่อต้องการไม่ให้มีโครงการนี้ เพราะเหล่าบรรดาพ่อค้าเหล่านี้สูญเสียผลประโยชน์ที่ค้าขายแบบกึ่งผูกขาดมานาน พอสังคมเริ่มสงสัย และจับได้ ก็ทำตัวเนียนๆ ออกมาโหนชาวนา จะช่วยอย่าง นั้น อย่างนี้ แต่ถ้าหากจะช่วยจริงๆ แค่รื้อฟื้นโครงการรับจำนำข้าวมาใช้ก็จบ...!

#กล้าไหม ? 
#ซีพีออล

ทฤษฎีปฎิวัติเพียงดิน ต้องแทงตรงหัวใจให้ทะลุหลัง...ดร. เพียงดิน เขียนไว้เมื่อ 3 พฤศจิกายน 2553

Wednesday, November 3, 2010
ทฤษฎีปฎิวัติเพียงดิน ต้องแทงตรงหัวใจให้ทะลุหลัง...

หากจะมองภาพการต่อสู้ระหว่างฝ่ายรักษ์เจ้า หรือฝ่ายศักดินานิยม กับฝ่ายประชาธิปไตยในระยะปีที่สี่หลังการรัฐประหาร 49 มาจนถึงเวลานี้ ต้องถือว่ายากจะบอกว่าใครจะชนะในระยะใกล้นี้ ยังก้ำกึ่งและมีสิทธิออกได้หลายหน้าเสียด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนจะต้องชนะในระยะยาวในที่สุด แต่จะเพราะเทพอสูรเป๋และภาคียอมโยนผ้าขอแพ้ หรือจะชนะแตกแบบเลือดกลบหน้าสู้ต่อไม่ได้ หรือจะโดนประชาชนน็อค  ก็ต้องเกิดโดยประชาชนชนะแน่ ๆ  แต่ในระยะนี้ ต้องย้ำว่า ยังกำ้กึ่งครับ

ที่ว่าก้ำกึ่งนั้น แปลว่า คณะรักษ์เจ้าเคล้าศักดินานิยม มีโอกาสจะสามารถเตะถ่วงและยึดอำนาจได้อีกหลายปี ก็คือชนะในยกต่อไปนั่นเอง  และมีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่าเราอาจจะต้องทรมาณเหมือนดูละครน้ำเน่าบ้านทรายทองอีกซักสองสามตอนนะครับ  ที่เห็นชัด ๆ เราก็เห็นการจับแกนนำเราขังคุก ไล่ต้อนแกนนำไม่ให้โงหัว พยายามสยบและสลายทุกกลุ่มที่จะคิดการต่อต้านรัฐบาล เข้าครอบครองสื่อทุกแขนง ป้อนข้อมูลเน่าให้กับระบบต่าง ๆ ทุกระบบ ใช้ตีนมือระบอบราชการ (กิจการของพระราชา) ฯลฯ  ภาพที่เห็นเวลานี้ จึงเหมือนว่า พวกเทพอสูรและภาคีต่างย่างสามขุมไล่ต้อนฝ่ายประชาธิปไตย แถมมีกรรมการคอยจับตีนมือฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อหวังให้อีกฝ่ายต่อย ๆ เตะเอา ... ภาพที่เห็นปลายยกที่ผ่านมาและในอีกยกต่อไปที่กำลังจะเริ่ม ต้องถือว่าน่าอึดอัด เพราะ ฝ่ายประชาชน ยังคงต้องถอยและแย็ปหมัดเพื่อป้องกันตัวเองไปก่อน

สิ่งที่ผมเกรงไว้ว่าจะพัฒนาต่อไปจากนี้ ก็คือภาพจำลองสองภาพครับ

หนึ่ง หากมีการเลือกตั้งปีหน้านี้ เราจะแพ้อย่างราบคาบ แล้วพวกศักดินาจะอ้างความชอบธรรม และฝ่ายประชาธิปไตยจะแดงกระจัดกระจาย แล้วก็กลายเป็นผู้ก่อการร้ายที่จะถูกเขาจัดการอย่างถูกกฎหมาย ยิ่งใช้ความรุนแรง ก็จะยิ่งโดนเขายุให้ฆ่าฟันล้างล่า จนกลายเป็นสงครามกลางเมือง หรือสงครามกองโจร ที่ต้องอาศัยเวลาและการสูญเสียมหาศาลก่อนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้ 

และสอง หากเสื้อแดงแกร่งเกินต้าน และพวกแก๊งค์เทพอสูรรู้ว่าเลือกตั้งแล้วจะแพ้ พวกเขาจะหน้าด้านยืดอายุรัฐบาล หรือหาโอกาสตั้งรัฐบาลอวยเจ้าและเฝ้าล่าแดงให้จงได้  จากนั้น ก็จะดำเนินการเหมือนที่กำลังทำอยู่ แต่จะยิ่งเพิ่มอัตราความโหด  ประชาชนจะตายในหลักพันหลักหมื่น ไม่ด้อยกว่าเหตุสมมุติข้างบน

การคงอยู่ของไดโนเสาร์เหล่าตอแหลศักดินานั้น ไม่มีทางที่จะตั้งอยู่บนความรุ่งเรืองและสุขสบายของประชาชน เพราะพวกนี้ กำเนิดก็ผิดธรรมชาติ อยู่ก็ผิดศีลธรรม และปล่อยไว้ก็เป็นพิษแบบโรคติดต่อร้ายแรง   ดังนั้น ไม่มีทางเลือกหรอกครับ หากประชาชนจะยอมให้เกิดเหตุการณ์สองอย่างข้างบน เราจะสูญเสียมหาศาล  ดังนั้น หากอยากกู้บ้านแปงเมือง ก็ต้องลุกมาปฎิวัติ   หากอยากให้บ้านเมืองลงเอยด้วยดี เราก็ต้องจัดการป้องกันและต่อสู้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสองสิ่งนี้

ผมฟังคุณชูพงศ์และคุณแอนตี้มานาน เห็นด้วยและชื่นชมกับทั้งสองท่านอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะในแง่การชี้เป้าว่า กษัตริย์คือตัวปัญหาสำคัญของบ้านเมือง และเชื่อตามว่า กษัตริย์และกลุ่มผลประโยชน์รอบวัง คือก๊กที่ชิงอำนาจจากประชาชนไปใช้ปกป้องและแสวงหาผลประโยชน์ร่วมอย่างเป็นระบบ เป็นแก๊งค์ และเป็นภัยยิ่งต่ออนาคตของประเทศชาติ  แต่ผมไม่เห็นด้วยว่าเราควรจะทิ้งแนวรบทางรัฐสภาเสียสิ้นเชิง  เพราะยิ่งเราปล่อยให้พวกอภิสิทธิชนตอแหลอยู่ในอำนาจ  ความเสี่ยงของการเกิดภาพจำลองทั้งสองภาพข้างบนจะยิ่งเพิ่มขึ้น และประชาชนจะชนะยากขึ้น และสูญเสียมากขึ้น

การจะสู้และจะก้าวไปสู่การปฎิวัติประชาชนนั้น จะต้องทำอะไรหลายอย่าง ซึ่งผมได้เน้นไว้หลายครั้ง ดังที่ระบุไว้เป็นภารกิจมดแดง http://unrad.net/?p=7  และหัวใจของปัญหาที่เราต้องแทงให้ทะลุไปถึงแผ่นหลังของตัวปัญหา หัวใจของปัญหาเมืองไทยมีหลายด้าน ซึ่งเราต้องแทงให้ทะลุเข้าไปถึงใจกลาง ส่วนจะจัดการอย่างไรนั้น เราต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำต่อไป แต่ทิศทางต้องชัด คือจัดการกับทุกส่วนของหัวใจปัญหาต่อไปนี้:-

ข้างนอกสุดของหัวใจของปัญหาแห่งชาติไทย คือ พลังมวลชนที่ถูกเขาสกดไว้ด้วยมนตราไสยศาสตร์  ทำตัวจัดขวางประชาชนด้วยกันเอง  หากไม่แก้ไขให้มวลชนตื่น เราก็จะพบกับความลำบากในการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปฎิวัติในอนาคต

ถัด ๆ กันเข้าไปนี้ ก็จะพบว่ามีสื่อ สถานศึกษา หน่วยงานราชการ และหน่วยงานการเมืองทั้งหลาย ที่อยู่ในกำกับของก๊กเทพอสูร พวกนี้เป็นสิ่งที่จะพบได้ทั่วไป และจะเป็นเหมือนตัวมนตร์สกด หรือสารแพร่พิษ ที่ทำให้มวลชนจำนวนมากต่อต้านการพัฒนา หรือวางเฉย หรือไม่กล้าสู้ หริอหลายส่วนยังตามืดบอดอีกต่อไป

ลึกเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ก็คือรัฐบาลนอมินีก๊กมาร  รัฐบาลนี้ คือตีนมือของเทพอสูร เป็นเครื่องจักสำคัญ เราคงเห็นแล้วว่า รัฐบาลที่มีหัวหน้ารัฐบาลหน่อมแน้ม และมีกำนันเก่ามากุมอำนาจมหาดไทย มันกลับสามารถใช้งานเครือข่ายตีนมือระบอบราชาธิปไตยอย่างดีและยึดอำนาจมาปั่นต่อ จนทำให้เหล่าเสื้อแดงรวนไปหลายครา เรียกว่ามาแรงจนแดงต้องหลบเชียวนะครับ....

และส่วนที่ลึกลงไป ที่กำกับรัฐบาลและสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดกับขั้วปัญหา ก็คือกลุ่มทุนที่่ได้ประโยชน์กับการอยู่ร่วมกับรัฐบาลนอมินีและราชสำนัก และระดับนี้ จะมีขุนศึก (ทหารตำรวจ) เป็นกลไกสำคัญ  หากไม่แก้กลุ่มนี้ ก็จะไม่มีทางเข้าถึงแก่นกลางของปัญหาได้

และในที่สุดตรงกลางสุดของปัญหา ก็คือสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง  ปัจจุบันนี้ ความสงสัยเกี่ยวกับบทบาทและฐานะที่แท้จริงของสถาบันฯ นั้น แทบไม่เหลือแล้วครับ  คงไม่ต้องขยายความเลย สำหรับคนเสื้อแดงที่ได้รู้ ได้ยิน ได้เห็น และได้สัมผัสมาตลอดสี่ปีที่ผ่านมา

การจะปฎิวัติ จะต้องแทงหัวใจปัญหาเหล่านี้ให้ทะลุ จะต้องเอาพวกนี้มาเป็นพวกของประชาชนให้จงได้   หากเอามาเป็นพวกไม่ได้ ก็ต้องทำลาย หรือกดให้หมดอำนาจหรือพลังที่เป็นพิษต่อประชาชนให้ได้  จะทำอย่างเดียว ด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ 

การจะจัดการกับพี่น้องประชาชนที่ถูกสกดจิต ทำอย่างไร การเผยแพร่ความจริง และสร้างภาพเชิงสัญลักษณื ทำได้ดีแล้ว แต่ต้องทำมากกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม และมุ่งเป้ากระจายออกไปหาประชาชนสีอื่น ๆ อย่างมีความคาดหวังให้สูงยิ่งขึ้น

การจัดการกับสื่อ สถานศึกษา วัดโบสถ์มัสยึด กลไกที่เป็นกลุ่มก้อนในสังคม ที่ยังรับใช้ลัทธิไดโนเสาร์ ต้องทำอย่างไรบ้าง เป็นโจทย์สำคัญอย่างยิ่ง

เรื่องการแย่งอำนาจรัฐ ก็จะต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อไทยอาจจะเป๋ แต่ประชาชนจะต้องไม่เป๋ ไม่ยอม และจะต้องดึงเพื่อไทยมารับใช้ให้ได้  ตอนนี้ยังไม่ชัด แต่จะต้องทำให้ชัดกว่านี้

ส่วนกลุ่มขุนศึกและนายทุนอิงวังนั้น การจัดการหรือดึงพวกเขาเข้ามาสนับสนุนการปฎิวัติประชาธิปไตย จะต้องทำอย่างมีเป้าหมาย และหากพวกนี้พยศและทำร้ายประชาชน ประชาชนยิ่งจะต้องมีวิธีปรามและกำราบพวกเขาอย่างเด็ดขาด  ตรงนี้อ่อนไหวมาก ๆ และเป็นจุดบ่งชี้สำคัญ!!!! ใครจะทำ และทำอย่างไร???? เป็นคำถามที่แกนนำการปฎิวัติในวันนี้และในอนาคตต้องคิด  เพราะหากไม่สามารถกดหรือดึงพวกนี้มาเข้าข้างประชาชน เราชนะไม่ได้ครับ หรือจะชนะได้ ก็ต้องฆ่าล้างโคตรกันไปข้างหนึ่งทีเดียว แต่คงล้างโคตรประชาชนไม่ได้  ดังนั้น หากจะล้างโคตรแล้วชนะ ก็คือ ฝ่ายขุนศึกและนายทุนศักดินาน่ะแหละ ที่จะต้องถูกล้มล้าง 

และในที่สุด ก็ต้องมาถึงแกนกลางที่สุดของปัญหา  ชั้นในสุด  หากคิดจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หากไม่แตะถึงแกนกลาง ก็จะไม่มีทางแทงทะลุหัวใจ และจะไม่สามารถหยุดกลไกพิษหรือวงจรอุบาทว์ได้  จะทำอย่างไร  จะล้อมวังจับตัวฆ่าฟัน จะล้อมวังแล้วบังคับให้เจรจายกอำนาจคืนประชาชน จะกราบบังคมทูลแบบเนียน ๆ และประณีประนอมผ่านสภา จะลอบฆ่าล่าล้าง  จะกราบแล้วขอร้องให้ท่านคืนอำนาจแบบบัวไม่ช้้ำน้ำไม่ขุ่น  แต่สิ่งเหล่านี้ ต้องเกิด และจะต้องเกิดภายในไม่เกินรัชกาลที่สิบแน่นอน  เพราะเวลานี้ปัญหา ประเทศไทย เหมือนหนองที่มีน้ำหนองเหลืองบวมพองเกินผิวหน้าของหนังจะรับได้แล้ว  และการจัดการกับฝี ไม่มีทางอื่นใดที่จะเลี่ยงการเอาหัวฝีออกได้เลย 

จะเห็นว่า สิ่งที่กล่าวมา คือ ทฤษฎีปฎิวัติเพียงดิน  เพราะนี่คือการปฎิวัติของประชาชนชาวดิน ที่ไร้อำนาจบาตรใหญ่ ไร้กลไกอำนาจในระบอบอำนาจเดิม  ดังนั้น หากจะเจาะเข้าไปแก้ปัญหา ก็ต้องแทงให้ทะลุให้จงได้  จะทำอย่างไร?  นี่เป็นโจทย์ที่คนเสื้อแดงหลายฝ่ายพยายามคิด แต่อย่าลืมว่า หากคิดได้เท่าเดิม ทำได้เท่าเดิม และไม่มองสิ่ิงที่กล่าวมาทั้งหมด และทำในทุกจุด  เราจะเสี่ยงที่จะถูกถึงไปอยู่ในเกมอำนาจโฉดสองเกมของลัทธิไดโนเสาร์  เราจะสูญเสียอย่างมหาศาล... 

การปฎิวัติเพียงดิน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ทำไม่ได้... ทำน้อยก็ไม่ได้... ทำแบบไม่ครบวงจรก็ไม่ได้..​. และทำแบบไม่สามัคคีพลังประชาชนก็ไม่ได้... ประชาชนไทย พร้อมแค่ไหนและมุ่งมั่นเพียงใดล่ะครับ?

Friday, November 4, 2016

CP CP CP ซีพีตะครุบเทสโกโลตัสคืน 3แสนล้าน แล้วยึดค้าปลีกไทยเบ็ดเสร็จ

CP  CP  CP

ซีพีตะครุบเทสโกโลตัสคืน 3แสนล้าน แล้วยึดค้าปลีกไทยเบ็ดเสร็จ


เป็นเรื่องที่คาดไว้ล่วงหน้าแล้ว และก็เป็นกระแสข่าวที่หนาหูทั้งในและต่างประเทศ ที่คุณธนินทร์ เจียรวนนท์ CEOของซีพี เตรียมประกาศซื้อTesco Lotus ในไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยเงิน 3 แสนล้าน 

มีการวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ธุรกิจการเกษตร,ค้าปลีกนั้น เท่ากับเครือเจริญโภคภัณฑ์กรุ๊ป หรือ CP คุมการเกษตรหมดทั้ง ข้าว หมู ไก่ กุ้ง อาหารสัตว์ ปุ๋ย พืช พลังงาน 

นอกจากนั้นยังคุมเทคโนโลยีสื่อสาร ทั้งโทรบ้าน,โทรมือถือ,internet และมีสื่อในมือ คือ truevision  


สรุปคือ CP จะคุมระบบค้าปลีก+ค้าส่ง ทั้ง modern trade และ traditional trade ครบวงจร  โดยมี 7-11 ; makro และ Lotus


ก่อนหน้านี้คอลัมน์ Market-Think ของสรกล อดุลยานนท์ เรื่อง CP BANK?  ในประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 

ก็วิเคราะห์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ข่าว"เซเว่นอีเลฟเว่น" และกลุ่มทรู ซื้อหุ้น LH BANK ([จากกลุ่มแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ : L&H) 

เป็นจริง เราคงได้เห็น "เกมใหม่" ในแวดวงการเงิน เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา "ซีพี" มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจหลายครั้ง 

*ครั้งแรก คือ การเข้าซื้อหุ้นของ "ผิงอัน" บริษัทประกันรายใหญ่ของจีน ซึ่งเสน่ห์ของ "ผิงอัน" คือ เงินสดจากเบี้ยประกันที่นอนนิ่งอยู่ในบริษัท

**ครั้งที่สอง คือ การซื้อ "แม็คโคร" ของ "เซเว่นอีเลฟเว่น" ทำให้ "ซีพี" กลายเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการค้าส่งและค้าปลีก

***และครั้งที่สาม คือ การดึง "ไชน่าโมบาย" ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน มาถือหุ้นใน "ทรู"  


ดังนั้น หาก "ทรู" และ "เซเว่นอีเลฟเว่น" ซื้อ LH BANK จริง จะเป็นการเคลื่อนตัวทางยุทธศาสตร์ของ "ซีพี" ครั้งที่ 4 ในรอบ 2 ปี 

เพราะเซเว่นอีเลฟเว่น มีสาขาอยู่ 8,000 สาขา เป็นทำเลที่ดีที่สุดสำหรับตู้เอทีเอ็ม มี "เคาน์เตอร์เซอร์วิส" ที่สามารถรับจ่าย รับโอน รับจองตั๋ว ที่มีประสิทธิภาพยิ่ง


สรุปยอดรายได้เมื่อปีที่แล้ว รายได้ของ 

..."เซเว่นอีเลฟเว่น" 284,760 ล้านบาท

...แมคโคร 129,780 ล้านบาท 

รวมกันเป็นตัวเลขกลม ๆ ประมาณ 410,000 ล้านบาท หรือเดือนละ 34,000 ล้านบาท 

เมื่อรวมโลตัสเข้าไปอีกรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นแตะ 5 แสนล้านบาทในอนาคตไม่ยากนัก


ดังนั้นการซื้อเทสโก้โลตัสครั้งนี้จึงเป็นก้าวเดินการเทคโอเวอร์ครั้งที่ 4   ก่อนที่จะไปซื้อ LH BANK ในอีกไม่นานเป็นก้าวที่ 5


CPจะกลายเป็นเบอร์ที่เท่าไรของโลกไม่แน่ใจ 


!!*!! 

แต่จำได้เคยมีใครพูดว่า ผมสนับสนุนนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาล มีอะไรผมรับผิดชอบเอง ประเทศเสียหายไปหลายแสนล้านบาท ทำไมเงียบเป็นเป่าสากเลยเถ้าแก่CP

เชียร์นโยบาย ค่าแรงสูง กับราคาข้าวสูง (2 สูง) ผลก็เป็นอย่างนี้ที่เห็น

......เศร้า


เศรษฐีไทยที่มารวยระยะ 50 ปีหลังนี้ ส่วนใหญ่ อาศัยอำนาจรัฐไปผูกขาด หรือเอื้ออำนวยธุรกิจตัวเอง 

ใครๆก็คิดกินรวบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ แต่ในระบบเศรษฐกิจเสรี ไม่ง่ายที่ใครสามารถทำได้ อย่างแน่ๆถ้ารัฐบาลไม่ยอม


อเมริกาถึงกับออกกม.anti trust ขัดขวางการกินรวบเช่นนี้ ถ้าท่านธนินทร์แน่อย่างที่ทำในเมืองไทย ทำไมธุรกิจที่ฮ่องกง จีน จึงไม่เก่งแบบที่ทำในไทย


makro ที่จีนไม่ทำกำไร จะล่มเอา ธุรกิจเรื่องไก่ก็ไม่แน่แบบในไทย..รายย่อยทำได้ถูกกว่า 

..สู้เขาไม่ได้ 

ทุกธุรกิจที่ทำนอกประเทศแค่อยู่รอด 

เมื่อไม่มีอำนาจรัฐหนุน ท่านก็เป็นแมวน้อยเชื่องๆตัวหนึ่งเท่านั้น 


..สำหรับผม ธุรกิจไทยที่แน่จริงข้ามโลกคือกระทิงแดงเท่านั้น 

เพราะแข่งกับเขามือเปล่า ไม่มีรัฐช่วย


!!**!!

มีอีก 

จำได้หรือไม่ว่าใครสนับสนุนให้รัฐบาลทักษิณปลูกยางในทุกภาค เพื่อส่งไปขายจีน โดยบอกว่าเป็น นํ้ามันบนดิน และเดินสายพูดเรื่องนี้อยู่หลายปี 

พอยางล้นตลาด ราคาตก เงียบเลย ไม่เห็นแสดงความรับผิดชอบอะไรเลย

..นี่เป็นอีกเรื่องของคุณธนินทร์ 

คนไทยไม่ได้ลืมง่ายหรอก


== > สมัยก่อน

ตอนทำ 7-11 ใหม่ๆ 

CP ไม่อยากเสี่ยง ก็ชวนคนเข้ามาลงทุนหาซื้อที่ดินทำเลดีๆ พร้อมสร้างอาคาร แล้วมาเปิด 7-11 เอาของ CP ไปขาย 

คนลงทุนก็ไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุน หวังกินกำไรจากที่CPแบ่งให้  


ต่อมาระยะหนึ่ง CPก็เล็งเฉพาะร้านที่ยอดขายสูง กำไรงาม แล้วเข้าไปเสนอซื้อคืน เพื่อ CP จะทำเอง

ร้านไหนยอมขายก็จบไป

แต่ถ้าร้านไหนไม่ขายให้ CP...ลงทุนเอง เปิดร้านใหม่ในทำเลนั้น แข่งกันไปเลย เอาแบบให้เจ๊งไปข้างหนึ่ง = ถ้าร้านนั้นไม่ขาย มันก็จะซื้อที่ใกล้ๆ ออกมาตั้งแล้วแข่งกับเจ้าเดิม หน้าปากซอยบ้านผม  มี 7-11   3ร้าน แต่ละร้านห่างกันไม่ถึง 50 เมตร   


      ...........................

คนที่คิดกินรวบทุกอย่าง

ต้องพึ่งพาใช้อำนาจรัฐ

ทำให้สังคมเมืองและ ชนบทเป็นทาสมันตลอดกาล  ฆ่าคนในสังคมทั้งเป็น   

อย่างนี้หรือ เป็นคนที่น่ายกย่อง คำพูดดูสวยหรู

..เราจะอยู่กับชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน และ ผู้เลี้ยงสัตว์   อย่างพันธมิตร   

..แต่ในใจ กูจะใช้สัญญาทาส มาควบคุมให้พวกมึงเป็นหนี้กูตลอดไป

กูมีแต่ได้กับได้  

บริษัทอื่นเจ๊งหมด 

โดยเฉพาะ ร้านค้า  SME ทั้งหลาย  


สนับสนุนเลี้ยงไก่  ไข่    ปลูกยาง

แล้วกูจะเป็นพ่อค้าคนกลางดูดเงินจากพวกมึงอีกที


ทุกวันนี้ เขาอาศัยอำนาจรัฐ สร้างเงื่อนไขให้รัฐบาลอนุมัติธุรกิจที่กำไรง่ายๆมากๆให้กับร้าน 7-11  เช่น

นาโนแบงคิ้ง 

ขายยา 

ขายล็อตเตอรี่ 

ตอนนี้ก็แย่งขายกาแฟสดกับร้านกาแฟแล้ว

ทุกอย่างอาศัยอำนาจรัฐทั้งนั้น 


เจ้าตำรับ 7-11 ญี่ปุ่น 

ยังต้องงงงวย มันทำได้อย่างไร


ตอนมี 7-11 ใหม่ๆ 

คนขับรถลูกน้องเพื่อน ลาออก เอาบ้านไปจำนอง ดาวน์รถปิ๊คอัพ ไปวิ่ง fleet logistics ให้ 7-11 

แค่ 1-2 ปี  

Volume 7-11 สูงมาก 

CP เลิกจ้าง ทำlogistics เอง 

ลูกน้องเพื่อน บ้านติดจำนอง รถยังผ่อนไม่หมด ถูกลอยแพ 


นี่แหละวิธีการสร้างอาณาจักรธุรกิจของCP 

อาศัยคนอื่นลงทุนเสี่ยงขาดทุน 

แต่หากได้กำไรดีจะ Take over


Cr.พท.พญ.กมลพรรณ

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 4 พ.ย. 59 ความจริงเบื้องลึก โครงการจำนำจ้าว (แถมด้วย ดร. เพียงดิน รักไทย)

เบื้องลึกที่ต้องฟัง:  จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ 4 พ.ย. 59 ความจริงเบื้องลึก โครงการจำนำจ้าว (แถมด้วย ดร. เพียงดิน รักไทย)

https://youtu.be/bcAjaH171ck (สถานีองค์การเสรีไทยฯ)

โปรด Subscribe เพื่อติดตามสถานีเพื่อประชาธิปไตย อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ


---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



Thursday, November 3, 2016

เขาว่า แม่นมาก ! ทำนายจากวันเกิด

แม่นมาก !
----------

คนเกิดวันอาทิตย์มักมีวาสนาดี จึงมักมีดวงชะตาที่ดี มีบุญมีวาสนาดี ส่วนใหญ่แล้วจะมียศมีศักดิ์ ฐานะดี มีทรัพย์มีบริวารมาก 

เป็นคนทำคุณใครไม่ขึ้นอย่างดีก็เสมอตัว แต่ทำดีแล้วอย่างไรก็เป็นบุญ เพราะคนเกิดวันอาทิตย์ ดวงชะตาตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ มักมีคนเกื้อกูลส่งเสริมเสมอ 

อุปนิสัย เป็นคนใจกว้าง มีน้ำใจไมตรีกับเพื่อฝูงเสมอ ใจนักเลง กล้าได้กล้าเสีย มีเงินมากใช้มาก มีน้อยใช้น้อย ยามตกต่ำ ก็ไม่หวั่นไหว มีความทะเยอทะยานสูง มีความเป็นผู้นำ เชื่อมั่นในตัวเองสูง รักอิสระ มีอุดมการณ์ มีคุณธรรมประจำใจ ปัญญาดี อ่อนไหว ใจร้อน รักศักดิ์ศรี รักเกียติ มาก 

ดวงชะตาผู้เกิดวันอาทิตย์ตอนเช้า ต้องดิ้นรนอยู่เสมอ ต้องสู้ด้วยความอดทน และ ทำงานจึงจะก้าวได้อย่างมีเกียรติ
ดวงชะตาผู้เกิดวันอาทิตย์ตอนกลางคืน มักเป็นคนสุภาพดี หาญกล้า เชื่อมั่นในตัวเอง ตัดสินใจเร็ว ปราดเปรียว มีคุณธรรม แต่บางคน ใช้เงินเก่งมีเท่าใดหมด ใจเด็ดเดี่ยว

คนเกิดวันอาทิตย์นั้นต้องผิวดำแดงจึงจะเหมาะสม แต่ถ้าผิวขาว หรือขาวเหลือ ต้องหน้าผาก กว้างจึงจะถือว่าเป็นมงคลดี

=============================

คนเกิดวันจันทร์ เป็นคนมีเสน่ห์ เป็นศรีแก่ตัวเอง ยามที่ตกทุกข์ มักจะมีคนมาช่วยเหลืออยู่เสมอ วาสนาดี 

อุปนิสัยของคนเกิดวันจันทร์ มีความอ่อนหวานอ่อนโยน พูดจาโน้มน้าวให้คนประทับใจได้ดี อารมณ์แปรปรวนง่าย แม้อ่อนโยน แต่โมโหร้าย แต่ก็หายได้เร็ว รสนิยม ดีทั้งด้านการแต่งกายและ ด้านอื่น ๆ เป็นคนเจ้าระเบียบ แต่รู้จักคิด มีความรอบคอบ สุขุม และ มีความประนีประนอมนุ่มนวลไม่ก้าวร้าว 

คนเกิดวันจันทร์ เป็นคนใฝ่ความรู้ มีปัญญาดี ในฝักใฝ่การบุญสุนทาน รักครอบครัว มุ่งมั่นอดทน ช่างคิดฝัน หวั่นไหวง่ายแต่ก็เข้มแข็ง สุขภาพไม่ค่อยดี มักเจ็บป่วย จนวันกลางคนล่วงไป แล้วอาการป่วยจะดีขึ้น หมั่นทำบุญ ทำทาน โรคภัยต่างๆจะหาย และเบาบางลง 

แต่ดวงชะตาของคนเกิดวันจันทร์ ถ้าเกิดข้างขึ้น ดวงชะตาจะยิ่งรุ่งโรจน์สดใส วาสนาดีมาก ถ้าเกิดข้างแรม จะอาภัพคู่ วาสนาน้อยกว่าข้างขึ้น 

คนเกิดวันจันทร์ ต้องระวังเกี่ยวกับความคิด หรือการคิดมาก ควรผ่อนคลายความตึงเครียดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆเสียบ้าง และอย่าเก็บเอาเรื่องเล็กๆน้อยมาคิด

========================

คนเกิดวันอังคาร ดวงชะตามักโลดโผน และมักมีประสบการณ์มาก ในชีวิตมักจะมีเกียรติยศ 

อุปนิสัยคนเกิดวันอังคาร มีจิตใจกล้าแกร่ง ไม่หวาดเกรงใคร เป็นนักต่อสู้ ใจนักรบ โมโหร้าย ใจร้อนวู่วามไม่ยอมคน ชอบมีเรื่องขัดแย้ง ใฝ่การเรียนรู้นอกตำรา มานะบากบั่น ชอบเสี่ยง อดทนดี ดื้อดึง เชื่อแต่ความคิดตนเองเป็นใหญ่ ดุดัน ตัดสินใจ เร็ว เป็นคนตรง ขวานผ่า ซาก จริตมายา ไม่เป็น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่ชอบอยู่นิ่งเฉย ขยันบากบั่น แต่ชอบงานสบาย 

คนเกิดวันอังคาร มักจะถือเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ และเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ แต่มักจะเป็นข้อเสียที่จะทำให้เกิดการทำอะไรก็ตามผิดพลาดได้ คนเกิดวันอังคารถึงแม้จะเชื่อหรือฟังคนอื่น พูด บอก สอนอย่างไรก็ตาม แต่พอกลับไปแล้วก็จะเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ฝ่ายเดียว ดังนั้นต้องแก้การเอาความคิดของเราเป็นใหญ่เพียงฝ่ายเดียว แล้วมาสนใจกับคำสอน หรือทางชี้แนะของคนอื่น
==========================

คนเกิดวันพุธ มีดวงชะตาสดใส เจริญก้าวหน้าได้เพราะมีปัญญาดีไม่ค่อยตก ระกำลำบากนักเพราะเอาตัวรอดได้ดีเสมอ 

อุปนิสัยของผู้เกิดวันพุธ เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบการติดต่อเจรจา มีศิลปะ ในการพูดที่ผู้คนยอมรับ เหมาะ ที่จะทำการค้าขาย หรือธุรกิจต่างๆ มากกว่ารับราชการ มีสติปัญญาดี มีความฉลาดเฉลียว แต่ความจำไม่ค่อยดี ชอบลืม เป็นคนปรับตัวเก่ง รักธรรมชาติ ไม่อวดเก่ง เป็นคนนอบน้อมดี รู้จักกาลเทศะ ชอบการศึกษาหาความรู้ อ่านใจคนเก่ง มีฝีมือเชิงประดิษฐ์ 

ข้อเสียเล็กน้อยคือ เป็นคนเจ้าชู้หลายใจ เก็บเงินไม่อยู่ ถ้าเก็บอยู่ มักมีเรื่องให้ใช้จ่ายหมดไป ความคิดไม่อยู่นิ่ง เปลี่ยนตามอารมณ์ เป็นคนขี้เบื่อง่าย ทนได้ไม่นาน

คนเกิดวันพุธกลางวันอุปสรรคจะน้อยกว่าคนเกิดวันพุธกลางคืน และต้องปรับปรุงความเจ้าชู้ของตน เพราะความเจ้าชู้นั้นส่งผลให้เกิดการไม่สมหวังในความรักได้ ส่วนเรื่องโชคชะตาอยู่ในเกณฑ์ดี
=============================

คนเกิดวันพฤหัสบดีนี้เป็นคนมีบุญ มีดวงชะตาดี มีเกียรติ มีคนเคารพนับถือมาก แต่มักมีปัญหาเรื่องคู่ครอง หรือ ไม่ก็อาภัพคู่ 

อุปนิสัยคนเกิดวันพฤหัส เป็นคนชอบการศึกษาเล่าเรียน ชอบธรรมะ เป็นคนเจ้าระเบียบ เป็นคนเข้มงวด มีจิตใจเอื้ออาทรต่อคนรอบข้าง รักสงบ ชอบความมั่นคง ยึดถือความถูกต้อง เที่ยงธรรม เด็ดเดี่ยว แต่กลัวการเปลี่ยนแปลง 

คนวันพฤหัสเป็นคนเปิดเผย ไม่มีลับลมคมใน พูดจริงทำจริง แต่เป็น คนขี้ใจน้อย ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณี โกรธแล้วใจร้ายใจแข็ง ช่างคิดช่างระแวง แต่ทำอะไรรอบคอบ
=================================

คนเกิดวันศุกร์เป็นเทพแห่งความรัก คนเกิดวันศุกร์มักมีดวงชะตาดี ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ หรือ ลำบากได้ไม่นาน 

อุปนิสัยของคนเกิดวันศุกร์ เป็นคนรักสวยรักงาม อารมณ์สุนทรีย์ มีไมตรีมีน้ำใจให้ทุกคน รักเรียน เก่งด้านศิลปะแขนงใดแขนงหนึ่ง มีความนอบน้อม อ่อนโยน ต่อผู้อื่น เป็นคนเจ้าชู้ฝักใฝ่โลกีย์ ชอบการบันเทิงเริงใจ ขยันในการทำงาน ซื่อตรง ไม่เคยคดโกงเอาเปรียบใคร 

คนเกิดวันศุกร์เป็นคนที่รู้จักอดออม แต่ตัวรสนิยมสูง ชอบความสงบ เยือกเย็นสุขุม กตัญญูรู้บาปรู้บุญ มีความอดทน รู้จักประมาณตน ไม่โลภ จิตใจอารี แต่มักขี้บ่น และเป็นคนคิดมาระวังเรื่องความคิด กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้ผ่อนคลายลงบ้าง แล้วจะดี 

คนเกิดวันศุกร์นี้ต้องระวังอย่างยิ่งเกี่ยวกับความคิด ความรัก และการยึดติด ตัวพวกนี้ละจะเป็นตัวที่ทำลายความสุขของคุณเองได้อย่างมาก ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่คิดมาก กับเรื่องเล็กน้อย หรือชอบเอาเรื่องเก่าๆ มาคิดแล้วคิดอีก ถ้าคนเกิดวันศุกร์สามารถหยุดกับความคิดเรื่องเล็กน้อยได้แล้วละก็ ความสุข และความสงบก็จะเกิดขึ้นมาก

ต้องระวังเรื่องความคิด การยึดติดเรื่องวัตถุ ถ้าถามว่าจะระวังอย่างไรคงตอบได้ว่า ความหยุดอยู่ถึงความพอดี มีแล้วหยุดเพิ่ม ใช้ที่มีให้หมดก่อนแล้วค่อยเพิ่มหาใหม่
==========================

คนเกิดวันเสาร์มักมีดวงชะตาแข็ง แม้ช่วงใดดวงเสียต้องตกยากหรือพบอุปสรรคที่หนักหนา กลับสามารถยืนหยัดต่อสู้ และ ผ่านไปได้ด้วยดี แม้แต่ใครคิดร้ายก็ต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด 

อุปนิสัยคนเกิดวันเสาร์ มีลักษณะความเป็นผู้นำ หนักแน่น รักเกียรติ ถือศักดิ์ศรี ของตน และไม่เคยคิดเอาเปรียบใคร และเป็นคนตรงไปตรงมา มีความขยัน อดทน ทำงานเก่ง และเป็นคนเสียสละ จิตใจเด็ดเดี่ยวยากแปรเปลี่ยน โกรธยาก แต่ถ้าได้โกรธ จะโกรธนาน 

คนเกิดวันเสาร์เป็นคนไม่ค่อยไว้วางใจใครง่ายๆ มีความรู้ดี ชอบความมั่นคง ไม่ช่างพูด การจะทำอะไรก็ตามมักจะคิดก่อนตัดสินใจทุกครั้ง ถือเหตุผลเป็นหลักสำคัญ เจ้าชู้ แต่ไม่แสดงออก นิสัยเข้มงวด ไม่เหลวไหล ไม่ชอบแค้นเคืองใคร ใฝ่รู้ มีความรับผิดชอบดี 

คนเกิดวันเสาร์ส่วนใหญ่มักจะได้รับราชการ และได้ทำอาชีพที่มั่นคง และลักษณะเด่นเป็นคนดวงแข็งมากในจำนวนปีเกิดทั้ง 7 วัน 

ข้อเสียของคนเกิดวันนี้จะเสียตรงที่คำพูดคือ พูดแล้วคิดที่หลัง ทำให้หลายคนที่คุยด้วยถ้าไม่เข้าใจในตัวเขาแล้วอาจไม่พอใจ แต่อย่างไรก็ดีคนเกิดวันเสาร์ ก็เป็นคนมีน้ำใจดีคนหนึ่งและน่าคบทีเดียว

=====================

เจ้าสัวประเทศไทย สร้างบ้านเลียนแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม!!!

เจ้าสัวประเทศไหนไม่บอกสร้างบ้านหรือสร้างวัง ดูเอาเองแถวปากช่องคล้ายเลียนแบบพระที่นั่งอนันตสมาคมมีห้องนอนเป็นทองคำด้วยรวยจริง ๆ ....






Tuesday, November 1, 2016

เบื้องลึก กษัตริย์ภูมิพล คือ พระราชบิดาแห่งฝนเทียม โดย ดร เพียงดิน รักไทย (อัดเสียงต่อเนื่องแล้ว)

เบื้องลึก กษัตริย์ภูมิพล คือ พระราชบิดาแห่งฝนเทียม โดย ดร เพียงดิน รักไทย (อัดเสียงต่อเนื่องแล้ว)

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก



อยากรู้ไหม ใครปล้นชาติ โกงแผ่นดิน ตัวจริง???

คนไทยเหลืออด รณรงค์ให้บอยค็อตต์เจ้าสัวธานินทร์

เจ้าสัวธานินทร์
ในเมื่อคุณเอาเปรียบเกษตรกร
คุณเอาเปรียบผู้ปลูกข้าวโพดเกินไป
พวกเราขอตอบโต้คุณและจะเชิญ
ประชาชนคนไทยทุกคน
ที่เห็นใจเกษตรกร
ช่วยกันตอบโต้ซีพี ด้วยการงดจับจ่ายทุกชนิด
ผ่านร้าน7-11 ห้างแม็คโคร ห้างโลตัส
เป็นเวลา1สัปดาห์ ตั้งแต่ 1-7 พย. 2559
และหากคุณไม่ลงมาแก้ไข พวกเราจะบอยคอต
ธุรกิจคุณไปตลอดกาล
#ใครเห็นด้วยโปรดแชร์แจ้งข่าวต่อๆกัน
#คนไทยเราจะไม่ทอดทิ้งกัน
......
......
2,000กว่าแชร์
คงทำให้ท่านเจ้าสัวหวั่นไหวสินะ
ถึงใช้อำนาจและวิธีการต่างๆเพื่อปิดเพจ
ข้าวโพด อาหารสัตว์
ปิดได้เราก็สร้างได้
และเราก็จะเรียกร้องให้บอยคอต
1-7พย.2559 งดจับจ่าย ผ่าน7-11 ห้างแม็คโคร
ห้างโลตัส หนึ่งสัปดาห์
หากเจ้าสัวเพิกเฉยเราจะแบนธุรกิจคุณไปตลอดชีวิต
#แชร์บอกส่งข่าวต่อๆกันไปครับ
กดถูกใจเพจกันด้วยนะครับกันถูกอุ้มอีก

Monday, October 31, 2016

[Political Science] The Theory of Social Revolutions, Audiobook, by Broo...



ประยุทธ์เตรียมการปิดประเทศ อยู่ยาว??? คนไทยยอมไหม?

การประชุมร่วมกันของแม่น้ำ 5 สาย ซึ่งประกอบด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (สนช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ครั้งที่ 5 มีขึ้นเมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมรัฐสภา อาคารรัฐสภา 1 โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) ซึ่งการประชุมเริ่มจาก นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวต้อนรับสมาชิกทั้งหมด ก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวมอบนโยบายและข้อสั่งการ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความต้องการให้ทั้ง 5 องค์กร ร่วมมือทำงานอย่างเป็นหนึ่งเดียว เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นกับดักความขัดแย้ง ให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และมีที่ยืนในเวทีสหประชาชาติ รวมถึงเวทีโลก ขณะเดียวกัน คสช.ได้ดำเนินการตามโรดแม็พ และขณะนี้อยู่ระหว่างแผนระยะที่สอง คือ การมีสภาต่างๆ เพื่อวางกติกา ไปสู่การเลือกตั้ง ดังนั้น ในช่วงที่ คสช.ดำเนินการตามโรดแม็พนั้น ต้องเลิกปลุกปั่น บิดเบือน หรือสร้างความเกลียดชัง ส่วนคนที่หนีไปอยู่ต่างประเทศ ควรกลับเข้ามาพิสูจน์ทราบตามกระบวนการยุติธรรม อย่ากล่าวให้ร้ายหรือไปประจานประเทศไทยอยู่ที่ต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบว่า ประเทศเหมือนแม่น้ำประชาธิปไตย ขณะที่ คสช.และกรธ.เป็นสะพานข้ามแม่น้ำประชาธิปไตยที่ขัดแย้ง เราต้องให้ทุกคนขึ้นสะพานไปให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งอีก แต่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งก็ต้องแยกแยะ โดยนำเหตุการณ์ในอดีตมาพิจารณา รวมทั้งนำข้อมูลจากต่างประเทศมาพิจารณาด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงปัญหาการหมิ่นสถาบันเบื้องสูงว่า ต้องมีการปฏิรูป เพราะที่ผ่านมามีการนำสถาบันมากล่าวให้ร้าย แต่หากคนที่ทำยังไม่เลิก ตนก็ยอมไม่ได้ ที่ผ่านมามีคนทำผิดและได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่เมื่อพ้นโทษแล้ว ก็กลับมาทำอีก

"กรณีที่เกิดขึ้น ผมเรียกมาปรับทัศนคติ ก็มีคนบอกว่าทำผิด ดังนั้นหากพบคนผิด ก็ไม่ต้องเรียกตัวอีก จับติดคุกไปเลยดีหรือไม่ ส่วนกรณีที่เรียกคนมาปรับทัศนคติ ก็บอกว่าไปละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นพ่อมันหรือไง แบบนี้บ้านเมืองเสียหายกันหมด" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนท้ายด้วยว่า การเมืองไม่ต้องมาระแวงตน เขียนทุกวันว่าตนจะอยู่ในอำนาจ ถ้าไม่สงบเรียบร้อย ก็อยู่ต่อ ขอให้เลิกพูด หากไม่เลิกก็จะอยู่แบบนี้ หากจะปิดประเทศก็จะปิด ไม่ได้ท้าทาย หากจะเอาประชาชนออกมาคนที่พูดมากๆ หรือคนที่เป็นแกนนำจะโดนก่อน เพราะตนมีอำนาจอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ใช้เวลาแจกแจงนโยบายในการประชุมเครือข่าย 5 องค์กร รวมทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 21 นาที

ปฎิวัติสังคมไทย: ท่านจะช่วยเปลี่ยนสังคมไทยได้อย่างไร เพียงดิน

ปฎิวัติสังคมไทย: ท่านจะช่วยเปลี่ยนสังคมไทยได้อย่างไร
เพียงดิน

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-17 20:56:03


"Whenever you have truth it must be given with love, or the message and the
messenger will be rejected"--Gandhi

มหาตมะ คานธี นักประชาธิปไตยผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกตะวันออก ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่
ท่านมีความจริงจะบอกแก่ผู้อื่น จงแบ่งปันด้วยความรัก มิเช่นนั้น ทั้งสิ่งที่อยากบอกและตัวผู้
บอกเอง จะถูกปฏิเสธ คำกล่าวนี้ สามารถนำมาปรับใข้ได้กับการเคลื่อนไหวปฎิวัติ
ประชาธิปไตยไทยอย่างยิ่ง แต่อาจจะต้องอาศัยความเข้าใจที่เหนือการมองแบบผิวเผินและ
อารมณ์อันคุกรุ่นสักหน่อย

ผมมีโอกาสนั่งดูคุณวิกรม นั่งพรรณาเรื่องปัญหาการเมืองไทยกับคุณสรยุทธ ในรายการจับเข่า
คุย เมื่อ 16 มีนาคม ศกนี้ (โปรดดูคลิ๊ปรายการออนไลน์ที่
http://video.gigchat.com/view_7d8167224d5eebc95cb8.html) จึงมีโอกาสได้
เห็นคนที่เคยมองทักษิณแบบสาดเสียเทเสีย คนที่เคยทรนงในตนเองมหาศาล อย่างคุณวิกรม
มานั่งนึกย้อนถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความแตกแยกทางการเมือง ผมพยายามจับน้ำ
เสียงของเขาว่า มีกระแสสีเหลืองและความทรนงอยู่มากน้อยแค่ไหน กลับพบว่า เหลือน้อย
เหลือเกิน กลายเป็นคนมององค์รวมของความเป็นคนร่วมชาติ กลายเป็นการมองความจริงบน
พื้นฐานของคนที่ปลงตกกับข้อมูลที่เห็น ก็น่าอยู่ล่ะครับ ข้อมูลที่เต็มตาตนเองจากการลงทุน
ส่วนตัวที่ถูกกระทบอย่างรุนแรงเงินหายไปนับสี่พันล้าน และการได้เห็นความเจริญเติบโตของ
คนเวียตนาม ที่ปริมาณการลงทุนจากต่างประเทศในช่วงปีที่ผ่านมาเหนือกว่าประเทศไทย
700% หรือมากกว่าเราเจ็ดเท่า!

วันนี้ คนไทยหลายคนที่ไม่ชอบบรรดาคนสีเหลือง ก็คงอดจะสะใจ สมน้ำหน้าไม่ได้ แต่นึกไป
นึกมา คนไทยคนหนึ่งจนลง ก็แปลว่าประเทศไทยเราสูญเสียไปด้วย เพราะเราทั้งหลายอยู่ใน
ข้องเดียวกันครับ ปลาตายหนึ่งตัวมันก็เป็นไปทั้งข้องแน่ หากเราต้องอุดอู้อยู่ด้วยกัน ก็คงต้อง
ตายเพราะน้ำเน่าแน่ เพราะอย่างไรก็ตาม เรายังคงผูกพันเป็นพี่น้องร่วมชาติกัน ตัดกันไม่ขาด
หากคิดให้ดี เราจะเห็นว่า ท่าทีที่มองปัญหาด้วยสติเพิ่มขึ้น และด้วยอคติที่ลดลงพร้อมกับ
อัตตานี้แหละ ที่จะทำให้เราสื่อสารถึงกันได้ดีขึ้น สื่อสารด้วยความจริงที่ใสและตกตะกอน และ
สื่อถึงใจกันได้ง่ายขึ้น ผมนั่งฟังรายการนี้ด้วยความคิดว่า บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ทุกฝ่ายในบ้าน
เมืองเรา ต้องถอยกันคนละก้าว แล้วคิดพิจารณาทบทวนหน้าหลัง แยกความจริงออกจากอคติ
มองคนไทยทุกฝ่ายแบบคนไทยด้วยกัน มองผลประโยชน์และความชอบส่วนตนให้น้อยกว่าผล
ประโยชน์ร่วมกันในฐานะคนร่วมชาติ แล้วก็มองให้ออกถึงผลของสิ่งที่เราได้ทำมาแล้วและ
กำลังทำอยู่

เขียนมาอย่างนี้ เหมือนกับว่าผมจะไม่มีอคติ และไม่มีจุดยืน เปล่าหรอกครับ ผมมิอคติและมีจุด
ยืนชัดเจนมั่นคง คือผมเห็นว่า เสรีประชาธิปไตยเท่านั้น ที่จะเป็นทางออกระยะยาวที่แท้จริง
ของสังคมไทย พวกอำมาตย์ต้องยอมรับว่าตนเองเห็นแก่ตัว รักตัวเองมากเกินไป ไม่เห็นหัว
คนอื่น โลภมากอยากได้เกินกว่าที่ตนควรจะได้ และไม่ยอมให้คนอื่นได้รับผลของการบริหาร
อำนาจและจัดการผลประโยชน์ตามระบอบที่ใช้อยู่ จนไม่สนว่าวิธีการจะทำร้ายประเทศชาติ
และตนเองเพียงใด ขอเพียงให้สมที่ตนอยากได้ จนการกระทำทุกอย่างที่ผ่าน ๆ มา กลายเป็น
ความหลงผิด เชื่อผิด ๆ ว่าตนรักชาติ เชื่อผิด ๆ ว่าตนทำดีมากกว่าคนอื่น เชื่อผิด ๆ ว่าตนรู้ดีกว่า
ชาวบ้าน เชื่อผิด ๆ หรือหลงผิดว่า ตนเองทำประโยชน์ด้วยการเสียภาษีให้บ้านเมืองมากกว่าชาว
บ้าน จึงควรมีสิทธิมากกว่า ฯลฯ ผมเชื่อว่าพวกอำมาตย์และคนสีเหลือง ทำบาปกรรมให้กับ
บ้านเมืองไว้มาก แต่ผมก็เข้าใจว่า คนจำนวนมากเป็นแค่เบี้ยให้เขากำกับ โดยผู้กำกับตัวเป้ง ๆ
มีไม่กี่ตัวไม่กี่กลุ่มหรอก พอนับหัวได้ ดังนั้น เราจึงควรแยกให้ออก ว่าใครเป็นใคร และการจะ
ดำเนินการใด ๆ ก็ต้องให้อยู่บนความเข้าใจตรงนี้ได้

ครับ ผมมีอคติ เพียงแต่ผมเชื่อว่ามันไม่ได้เกิดจากความโลภ โกรธ หรือหลงใด ๆ ผมเชื่อว่ามัน
เป็นฉันทาทิฎฐิ ไม่ใช่มิจฉาทิฎฐิ เพราะ เป็นสิ่งที่อยู่บนเจตนาดี หวังดีแด่ทุกคนทุกฝ่าย แม้ว่าจะ
มีความไม่พอใจบางคนบางกลุ่มที่มีส่วนทำให้บ้านเมืองย่ำแย่ขนาดไหนก็ตาม การคิดก็ต้อง
พยายามคิดเผื่อให้พวกเขาด้วย เพราะเราไม่สามารถแก้ปัญหาใด ๆ ด้วยตัวเราเพียงลำพัง
โดยที่คนอื่นไม่ยอมแก้ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในอำนาจ คนที่เคยได้เปรียบ

Paolo Freire นักคิดทางปรัชญาการศึกษาสำหรับผู้ถูกกดขี่ กล่าวว่า ผู้กดขี่นั้น นอกจากเป็น
คนที่มีจิตใจคับแคบกดขี่เอาเปรียบและมองไม่เห็นผู้อื่นเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับตนแล้วนั้น แท้
จริงแล้วยังเป็นคนอ่อนแออย่างยิ่ง พวกนี้อ่อนแอและกลัวจะสูญเสียความได้เปรียบ กลัวจะถูก
เอาคืน กลัวการเปลี่ยนแปลง และกลัวต่าง ๆ นานา ดังนั้น พวกนี้จะไม่สามารถช่วยตัวเองให้
หลุดพ้นจากจิตใจที่ต่ำและเคยชินกับการเอาเปรียบหรือกดขี่ได้ คนที่จะสามารถช่วยตัวเองให้
หลุดพ้นจากการมองคนอื่นหรือถูกมองว่าเป็นทาสไพร่ต้อยต่ำกว่าตนและจากการกระทำการ
เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เคยถูกกดขี่มาก่อนเท่านั้น ดังนั้น เราจึงสังเกตุเห็นได้
ว่า คนอย่างอภิสิทธิ์ แม้ว่าจะได้เปรียบทางการศึกษามากปานใด ได้อภิสิทธิ์ในชีวิตมามาก
เพียงใด เขาก็จะไม่สามารถเห็นในสิ่งที่นายกทักษิณเห็น ไม่สามารถพูดออกมาจากหัวใจที่เข้า
ใจชีวิตความเป็นมนุษย์ได้อย่างคุณณัฐวุฒิ และเมื่อเรานึกกลุ่มคนในสถาบันพระมหากษัตริย์ที่
ถูกป้อยอ เอาใจด้วยคำและการกระทำ จนแทบไม่เป็นมนุษย์อยู่แล้วนั้น พวกเขายิ่งต้องการ
ความช่วยเหลือจากพวกชาวบ้านร้านช่อง คนเดินดินกินข้าวแกงอย่างพวกเรา หรือจะยก
ตัวอย่างเช่น พลเอกเปรม ซึ่งเคยชินอยู่กับระบบที่มีลูกน้องคอยเลียแข้งเลียขา และยิ่งขึ้นไป
อยู่คู่ราชบัลลังก์ เขาก็ยิ่งไม่สามารถรู้สึกถึงความเป็นคนเดินดินได้เหมือนเดิม เขาต้องการ
ความช่วยเหลืออย่างยิ่ง เมื่อมองถึงคนอย่างสนธิ ล็มทองกุล นี่ก็ยิ่งน่าสงสาร เพราะเขาเป็น
คนทะเยอะทะยานและใช้พรสวรรค์ตนเองในทางที่ผิด คือสร้างเครื่อข่ายอำนาจและขยาย
อำนาจออกไปเพื่ออิทธิพลส่วนตัวและการสร้างแผนคอยแบล็คเมล์ผู้คนเพื่อสู่อำนาจ เมื่อทำ
สำเร็จ เขาก็หลงตัวเองจนยอมรับที่จะแพ้ใครไม่ได้ ความโกรธ เกลียด โลภ และหลงของเขา
จึงหนักและแรงเกินกว่าจะเยียวยา เขาเป็นเหมือนคนเป็นโรคมะเร็งทางศีลธรรมขั้นสุดท้ายแล้ว
นะครับ ไม่มีทางช่วยตนเองได้ หรือจะมองนักธุรกิจอย่างคุณวิกรมนี้เล่า ประสบการณ์การ
ต้องต่อสู้กับระบบที่กดขี่ชีวิตเขาอยู่ ทำให้เขาอาจจะเรียนรู้อะไรได้ดีขึ้นและง่ายกว่า แต่ด้วย
สันดานการขี่ผู้อื่นมามาก เขาเองก็คงยังต้องการได้รับการปลดปล่อยต่อไป และคนที่จะปลด
ปล่อยคนอย่างพวกนี้ได้ดีที่สุด ไม่ใช่ใครครับ ชาวบ้านร้านช่อง หรือคนชั้นกลางถึงชั้นสูงที่มี
หัวใจเพียงดิน เคียงรากหญ้านั่นเอง เพราะคนพวกนี้ ผ่านการตรากตรำจ่ำทนมามาก เขามีความ
เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกชา อันเป็นธรรมสำหรับพรหม หรือธรรมสำหรับผู้นำ เสียงของ
คนรากหญ้าหรือคนที่สนับสนุนคนยากคนจน ที่อยู่บนรากฐานความรัก หรือพรหมวิหารสี่นี้
แหละครับ ที่จะช่วยให้คนที่เคยกดขี่ได้สำนึก ได้เรียนรู้และปรับตัวในที่สุด

แต่การจะทำอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในระยะที่เรายังเผชิญหน้า และฝ่ายผู้กดขี่ยัง
ไม่รู้สึกถึงผลกรรมของพวกเขาโดยตรงมากพอ และยังมีจิตใจโหดเ*****้ยมที่จะทำร้ายชาวราก
หญ้าข้าติดดินในสายตาพวกเขา แต่ก็หวังว่า คนที่อยู่เบื้องหลังม๊อบ คงเรียนรู้ได้จากความ
เสื่อมเฉพาะตนและการสูญเสียทรัพย์สินตลอดจนความสุขและสันติในใจของตนไปมากพอ
แล้ว ส่วนนักธุรกิจและกลุ่มผลประโยชน์ทั้งหลายทีรวมหัวกันทำการอันเป็นปฎิปักษ์ต่อการ
พัฒนาบ้านเมืองและการค้าขายกับเพื่อนร่วมโลก ป่านนี้คงมิต่างจากคุณวิกรมมากนัก ส่วนคนสี
เหลืองที่เป็นชาวบ้านหลงผิดนั้นเล่า ก็คงเริ่มได้คิด ว่าสิ่งที่เคยหลงมานานนั้น มันเป็นยาพิษที่
กำลังออกผลร้ายแรง แต่ก็มีหลายส่วนของคนที่มีจิตใจกดขี่ผู้อื่นที่ยังคงจมปลักอยู่กับความ
โลภ โกรธและหลง และยังมีจิตใจหยาบกระด้างและรุนแรงอยู่ คนพวกนี้แหละที่เป็นโจทย์ให้
เราต้องแก้ เราต้องการให้เขากลายเป็นคนมีสติที่อุดมด้วยเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา ที
สอดคล้องกับแนวทางแห่งเสรีประชาธิปไตย การดุด่าว่ากล่าว การประจาน การทำร้ายรุนแรง
ฯลฯ ย่อมไม่ใช่วิถีที่ถูกต้อง ย่อมไม่ใช่ทางออกที่แท้จริง การให้อภัยจังเป็นสิ่งที่ยากเหมือน
ยาขมที่พวกเขาคนสีแดง ที่มีแต่ยอม ยอม ยอม โดยไม่ใช่เพราะเราโง่ แต่เพราะเราสงสาร
ประเทศชาติ เราคิดมากกว่าพวกที่จิตใจหยาบกระด้างชอบกดขี่เอาเปรียบเหยีบบย่ำต่างหาก
แต่เราก็ต้องให้อภัยและรักษาสิ่งที่เราอยากให้เกิด คือ เมตตา กรุณา มิทิตาและอุเบกขาและ
อื่น ๆ อีกมากมายที่เราต้องมีในสังคม เพื่อให้สังคมเดินหน้าต่อไป ดังที่ท่านคานธี ได้กล่าวไว้
ว่า

"We must become the change we want to see."
เราต้องเปลี่ยนตัวเราให้เป็นอย่างที่เราใฝ่ฝีนอยากเห็นก่อน

นั่นคือ หากเราอยากให้สังคมสันติสุข เราต้องมีสันติสุขในตัวเองและแสวงสันติสุขก่อน

และนี่คือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งใหญ่ที่คนสีแดงและแกนนำทำถูก คือเราเอาอหิงสธรรม เป็นเครื่องชี้
นำการต่อสู้ เราต้องรักษาตรงนี้ไว้ให้ดี เพราะการฆ่าฟันเมื่อเริ่มแล้ว มันจบยาก การเริ่มมันไม่
ยากนะครับ แต่การเลิกนั้น มันจะยิ่งยากเป็นร้อยเท่าทวีคูณ


คนที่เข้มแข็งจริง ๆ เท่านั้นที่จะให้อภัยได้ นี่ก็เป็นสิ่งทีท่านคานธีกล่าวไว้ เราต้องถามตัวเรา
เองว่า เราให้อภัยคนที่อยู่เบื้องหลังม๊อบได้ไหม? เมื่อให้อภัยแล้ว เราจัดที่จัดทางให้เขาอยู่พอ
สมฐานะและไม่มาเป็นยาพิษให้กับระบอบได้ไหม? เราให้อภัยคนสีเหลืองที่หลงผิดได้ไหม?
เราให้อภัยนักการเมืองที่ทำผิดชั่วได้ไหม? แม้ว่าเราไม่สามารถยกความผิดให้กับใครได้ แต่
เราสามารถลดความรู้สึกโกรธแค้น ลดการก่นด่าอย่างไม่สร้างสรรค์ แล้วหันมามีบทสนทนา
ร่วมกันบนพื้นฐานพรหมวิหารสี่ให้ได้ เมื่อเรามีความจริงเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหาที่ทำให้เมือง
ไทยเราก้าวมาเกือบแปดสิบปีแบบปลงทาง เมื่อเรารู้ว่าใครกดขี่ใครถูกกดขี่แล้วผลเสียมันเป็น
อย่างไร เมื่อเรารู้ว่า สังคมที่ให้เกียรติและความเสมอภาคมันดีอย่างไร และเมื่อเรามีความจริง
จากใจของคนที่เป็นผู้ถูกกดขี่ที่เข้มแข็ง เป็นธรรม มีอารยะและสูงกว่าอยู่ในตัวเราแล้ว เราก็
ควรพัฒนาและใช้มันให้เกิดประโยชน์ในเชิงสร้างสรรค์ที่สุด

เราทำอะไรได้หลายอย่างนะครับ ลองคิดดูแล้วจะเห็นว่า เรามีทางเลือกเป็นร้อยเป็นพันที่ทำ
ได้ ผมเขียนบทความที่พยายามฝากถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้ทราบว่า อย่าได้กลัว
ประชาชนคนไทย ขอให้ทรงสำนึกว่า สิ่งที่เป็นอยู่มันมีที่มาที่ไปที่เกี่ยวเนื่องด้วยความจำเป็น
ของการต้องปรับพระราชฐานะ ผมเขียนถึงอภิสิทธิ์ตั้งแต่สมัยการเมืองยุ่งเหยิง พยายามให้
อภิสิทธิ์กลายเป็นพระเอกด้วยการยอมรับความพ่ายแพ้และลงเลือกตั้งเมื่อก่อนการรัฐ
ประหาร ผมพยายามพูดกับทุกคนไม่ว่าสีไหน ให้เห็นมากกว่าแค่อารมณ์ความเชื่อและความ
รู้สึกส่วนตน หรือการมองประเด็นด้วยอคติ ซึ่งผมยอมรับว่ามันยาก และการให้อภัยมันยิ่งยาก
แต่ พี่น้องสีแดงอาจจะคิดว่า การยอมและพยายามทำดีนั้น มันจะไร้ผลและเราจะพ่ายแพ้ แต่
ท่านคานธีก็ได้สอนให้เราสร้างพลังมหาประชาชนควบคู่ไปด้วย และอหิงสานั้น เป็นวิธีการที่ไม่
รุนแรง แต่ผลมันรุนแรงยิ่งกว่าสิ่งใด และวิธีการมันมีมากมายยิ่งกว่าสะเก็ดระเบิดปรมณูด้วย
ซ้ำ เราต้องฉลาดที่จะทำสิ่งเหล่านั้นไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การก้าวไปสู่การสร้างมิตร สร้าง
ความเข้าใจ สร้างความรู้สึกว่าศัตรูทางความคิดแต่เป็นเพื่อนร่วมชาตินั้นเป็นพวกเรา มากกว่า
เน้นคำว่าพวกมัน และอะไรอีกมากมายที่เราทำได้ มันเป็นทางที่วิเศษที่สุดที่เราทำได้ ยิ่งเรา
ทำกันจนเป็นนิสัยและเป็นวงกว้าง มันยิ่งจะเกิดผลชัดเจน หากเรารอคอยจนเจ็บปวดและกลัว
ว่าจะต้องเจ็บปวดซ้ำซาก ต้องสูญเสียและล้มหายตายจากกันอีก ก็จงคิดไว้ว่า ไม่มีใครทำร้าย
เราได้แท้จริงหรอก หากเราไม่ยอมและเราเข้มแข็งพอ ดังที่ท่านคานธีท่านพูดด้วยว่า
"ไม่มีใครทำร้ายเราได้ หากเราไม่ยอมให้พวกเขาทำร้ายเรา"

การเคลื่อนไหวประชาธิปไตยในไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ ในระดับที่หยาบ เราคงต้องดำเนินการ
อย่างที่เราทำ แบบดิบ ๆ แบบเผชิญหน้าด้วยเหตุผล แบบมีการถกเถียง แต่เราทำถูกแล้วที่เน้น
เหตุผลและเรียกร้องอารยธรรมเป็นที่ตั้ง แต่ในระดับที่ลึกซึ้ง ละเอียดอ่อนและถาวรแล้ว ผม
เชื่อว่า ธรรมะของมหาตมะ คานธี ควรค่าแก่การใส่ใจพิจารณาและนำไปใช้อย่างยิ่ง ผมไม่หวัง
ให้ทุกท่านเข้าใจและเห็นด้วย แต่อยากเสนอเพื่อให้ทุกท่านได้คิด ทุกสิ่งที่ท่านตัดสินใจทำ
หรือไม่ทำ และวิธีการที่ท่านทำสิ่งใด ๆ นั้น มันมีค่าต่อการเปลี่ยนแปลงรอบตัวท่านเสมอ...
อย่าดูถูกพลังในตัวของท่าน จงใช้พลังอย่างสร้างสรรค์ มีสติ และอยู่บนรากฐานของความรัก
เถิด พี่น้องไทยทุกหมู่เหล่า

-----------------------------

แก้ไขล่าสุดเมื่อ 2009-03-17 20:56:03