Saturday, May 21, 2016
"2 ปี กับอนาคตที่ประชาชนไม่ได้เลือก” ทรราช คสช.
โหวตรับเฉพาะรัฐธรรมนูญ ก็เท่ากับ ให้อำนาจ ทรราช คสช.ผูกพันต่อเนื่องอีก 20 ปี
2 ปี ภายใต้การกดขี่ของ ทรราช คสช. มีแต่ความเสียหาย และเสียหมา
ทรราชต๊อก ลั่น 26พ.ค.นี้ บุกจับหลวงพ่อถึงวัดธรรมกาย
2 ปี รัฐประหาร 2557: จดหมายเปิดผนึกจากเครือข่ายราษฎรเสรีไทยเพื่อประชาธิปไตย ถึง คสช. และเครือข่ายเผด็จการ
จดหมายเปิดผนึกจากเครือข่ายราษฎรเสรีไทยเพื่อประชาธิปไตย
วันที่ ๑๙ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
ถึง นายประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ผู้ร่วมก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ (Crimes against Humanity) ณ ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร
พวกเรา ที่ได้ลงนามต่อท้ายจดหมายฉบับนี้ คือพลเมืองไทยจากทั่วโลก ผู้มีหุ้นส่วนของการเป็นเจ้าของประเทศไทยและเป็นเจ้าของอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ที่ คสช.และพรรคพวกได้ร่วมกันปล้นไป แล้วใช้อำนาจและเงินภาษีของของพวกเราอย่างผิดกฎหมาย ผิดหลักการประชาธิปไตย ผิดหลักศีลธรรม และละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
เราไม่ได้เขียนมาเพื่อร้องขอใด ๆ ด้วย คสช.และเครือข่ายเผด็จการ ไม่มีความชอบธรรมและไม่มีคุณค่าพอที่เราจะสัมพันธ์ด้วยเยี่ยงนั้น ความบ้าอำนาจอย่างมืดบอดของเผด็จการ คสช.และคณะ ได้สำแดงผลเสมือนพฤติกรรมของกาที่อ้างว่ามีสีขาว โจรที่พูดภาษาพระแต่กักขฬะเหมือนนักเลงข้างถนน หรือปีศาจที่คาบคัมภีร์
ดังนั้น เราจึงเขียนมาเพื่อเตือนสติคสช.และผู้ร่วมขบวนทั้งหมด ให้เลิกหน้ามืดตามัว แล้วยอมรับความจริง เพื่อจะได้ลดกรรมชั่วและผิดบาปลง แล้วกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ดังนี้
หนึ่ง คสช. ได้ใช้เล่ห์เหลี่ยมปล้นอำนาจประชาชนอย่างบังอาจ ซึ่งผิดมาตรา ๑๑๓ ในรัฐธรรมนูญฉบับ ๒๕๕๐ โดยมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต แต่ก็ได้มีการสั่งให้อภัยโทษอย่างไร้เหตุผล แล้วกลับขอให้ราษฎรที่จ่ายเงินภาษีอากรและเจ้าของประเทศเคารพกฎหมายโจร ที่พรรคพวกตัวเองเขียนขึ้นแล้วบังคับใช้อย่างไร้หลักเกณฑ์ เพื่อให้คนไทยตกเป็นทาสของตนตลอดไป จงจำไว้ว่า ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นจะมีการลุกขึ้นสู้เสมอ อำนาจอธรรมที่ถูกใช้เพื่อสร้างอาณาจักรแห่งความกลัวนั้น นอกจากจะไม่สามารถทำให้ประชาชนหัวหดได้ตลอดไปแล้ว ความกลัวจะพัฒนาเป็นความเกลียด และความเกลียดนั้นจะถูกกลั่นเป็นความกล้าที่จะลุกขึ้นสุ้ในที่สุด
สอง ฐานะและอำนาจของคสช.และเครือข่าย เป็นฐานะเถื่อน และอำนาจที่คุณอุปโลกกันเองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เรา เจ้าของอำนาจตัวจริงยอมรับ คสช. จะอ้างและใช้อำนาจใดก็แล้วแต่ แต่จงจำไว้ว่า หมดอำนาจวันใด กรรมจะตามสนองอย่างสาสมตามกฎเกณฑ์ของศาลสถิตยุติธรรมสากล
สาม การสร้างประชาธิปไตยไม่สามารถทำได้ด้วยวิถีของเผด็จการ โดยตัดการมีส่วนร่วมของปวงชนชาวไทยอย่างที่เผด็จการคสช.และเครือข่ายกำลังทำกันอยู่ การวางนโยบายปฏิรูปกันเอง ร่างรัฐธรรมนูญกันเอง เขียนกฎหมายว่าด้วยการลงประชามติที่ปิดกั้นการแสดงความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งกำหนดโทษไว้อย่างรุนแรงถึงจำคุกนับสิบปี ตั้งคนของตัวเองไปบังคับใช้ แล้วอ้างว่าจะทำเพื่อประชาชนและสร้างประชาธิปไตย ขณะเดียวกัน ได้ทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนและหลักการประชาธิปไตยแทบทุกทาง จับกุมคุมขังผู้เห็นต่างอย่างลุแก่อำนาจ ข่มขู่ ทารุณ ข่มเหง บีบคั้น และแม้แต่สังหารปวงชนเจ้าของประเทศที่มือเปล่า เพื่อจะได้ยัดเยียดการเป็นผู้ถืออำนาจรัฐ โดยรวบอำนาจและถือโอกาสปล้นภาษีอากรและทรัพยากรของปวงชต่อไปอีกนับสิบ ๆ ปี โดยทุกอย่างได้รวบยอดอำนาจและผูกปมบังคับไว้ในร่างรัฐธรรมนูญโจร ที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมคิดคิด ร่วมร่าง และร่วมวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสรีเลยนั้น นอกจากพวกเราจะไม่ยอมรับมันแล้ว พวกเราไม่เคยยอมรับฐานะใด ๆ ก็ตามของ คสช. และพรรคพวก ที่ได้แต่งตั้งกันเอง แล้วบังอาจใช้อำนาจอธิปไตยของคนไทยทุกคน โดยไม่ผ่านฉันทามติของพวกเรา ดังนั้น จงนับเวลาถอยหลัง และรอรับโทษทัณฑ์ ตามหลักกฎหมายที่ชอบอ้างกันตลอดเวลานั่นเสีย เพราะการอภัยโทษตัวเองนั้น ไม่สามารถทำให้ใครพ้นโทษทัณฑ์จากการเป็นกบฏ ล้มล้างอำนาจการปกครองของประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำผิดหลักกฎหมายสากลได้
สี่ คสช.และเครือข่ายโจรกบฏ ได้กล่าวร้ายและยกความผิดให้ผู้อื่นเป็นรายวัน แต่หากได้ส่องกระจกอย่างคนตาปกติและใจปกติ ก็จะเห็นว่า สิ่งที่กล่าวร้ายต่อผู้อื่นนั้น ตนกลับเลวร้ายยิ่งกว่าเขาในทุกกรณี คสช.บอกนักการเมืองทิ้งปัญหาต่าง ๆ ไว้ให้ตนแก้ แต่แท้ที่จริง คสช.และผู้ร่วมสมคบคิด คือผู้สร้างปัญหาและทำปัญหาให้เลวร้ายยิ่งขึ้น เครือข่ายโจร คสช. บอกจะมาปราบโกง แต่ในยุคเผด็จการครองเมืองของคสช.วันนี้ การโกงและคอรัปชั่นกำลังเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า แถมใครตรวจสอบไม่ได้เลย และที่บอกว่าที่ผ่านมานักการเมืองไม่ยอมพัฒนาบ้านเมืองจริงจังนั้น คสช.กลับนำประเทศถอยหลัง จนไม่มีใครคบค้าด้วยจนเศรษฐกิจฝืดเคือง สร้างความเดือดร้อนแก่คนไทยทุกหมู่เหล่า จนไม่ว่าจะใช้เล่ห์ทำตัวเลขอย่างไร ก็หนีความจริงไม่พ้น
ห้า สิ่งที่เป็นผลจากการทำผิดข้างต้นอย่างโจ่งแจ้งและต่อเนื่อง คือการที่นานาชาติ อันมีตัวแทนอารยประเทศถึง ๑๔ ประเทศ ณ เวทีสหประชาชาติเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ศกนี้ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้แสดงความห่วงใยอย่างสูงสุดต่อพฤติกรรมของคสช.และเครือข่าย ที่มีความเป็นเผด็จการและละเมิดหลักข้อตกลงสากลที่ไทยได้ลงนามรับพันธกรณีต่าง ไว้ แต่แทนที่คสช. และผู้ร่วมขบวนการเผด็จการจะสำนึก แล้วปรับปรุงพฤติกรรมตัวเอง กลับยิ่งทำผิดยิ่งขึ้น จ้องแต่จะปรับทัศนคติประชาชน แต่ตนเองกลับหลงผิด คิดชั่ว และทำเลวอย่างไม่เลิกรา แล้วหวังจะแก้ตัวแบบน้ำขุ่น ๆ แล้วก็วกไปอ้างความเป็นไทย ความมั่นคงของสถาบันชาติ และความเป็นเอกราชแบบไทย ๆ แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่า คือการชักศึกเข้าบ้าน ด้วยการเลือกไปยืนข้างประเทศที่เป็นเผด็จการที่ชาวโลกตั้งข้อสงสัยมาตลอดในเรื่องประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการเป็นรัฐเผด็จการ แล้วส่งตัวแทนในเครือข่าย คสช. ออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองเป็นปฏิปักษ์ต่อมวลมิตรประเทศที่ห่วงใยตามกรอบข้อตกลงสากลที่ไทยทำไว้ สร้างความเป็นชาตินิยมแบบผิด ๆ และกร่างเกินตัว จนอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ ที่อาจจะลงเอยด้วยการใช้ประเทศไทยเป็นสนามรบ นี่เป็นความผิดพลาดและสิ่งที่สุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง
คสช. และเครือข่ายเผด็จการทั้งหลาย จงจำไว้ว่า เงินภาษีอากรของประชาชนเป็นสมบัติส่วนรวมของคนทั้งชาติ วันนี้ บรรดาผู้นำ คสช.คือนายทหารแก่ที่เกษียรแล้ว แต่กลับหลงอำนาจและใช้เงินภาษีอากรของประชาชนเพื่อประโยชน์ของตนและพวกพ้อง อำนาจที่ถืออยู่นั้น คือของปลอม และจะยื้อมันไว้ไม่ได้ตลอดไป และเครือข่ายที่ คสช. รับใช้อยู่นั้น เขายิ่งใหญ่ ล้ำลึก และโหดร้ายนัก และพวกเขาได้กำจัดหรือทำลายนายพลที่เขาชูขึ้นมากำราบประชาชนมาหลายยุคสมัยอย่างง่ายดายเสมอ ลองมองรอบตัวแล้วคิดให้ดีว่ามีคนจริงใจ ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคุณจริง ๆ ตลอดไป อยู่สักกี่คน การกระทำที่ละเมิดอำนาจอธิปไตยและสิทธิมนุษยชนของปวงชน จนทำให้นานาอารยประเทศรุมตั้งคำถามและประนามบนเวทีสหประชาชาตินั้น แสดงให้เห็นถึงความเหม็น เน่า และฉาวโฉ่ของสถาบันเผด็จการของประเทศไทยอย่างถึงที่สุดแล้ว
และจงจำไว้ว่า ไม่มีภูมิคุ้มกันสำหรับโจรกบฏที่ปล้นและทำร้ายประชาชนได้ตลอดไป คนไทยทุกคนต่างมีฐานะพลเมืองเจ้าของประเทศโดยเท่าเทียมกัน ไม่มีใครมีอำนาจและบารมีจริง ๆ ที่จะขู่บังคับแล้วให้พวกเรายอมรับอยู่ใต้อำนาจอธรรมของ คสช. และคนที่บงการหรือร่วมมือกันเป็นเครือข่ายเผด็จการตลอดไป กรรมของคสช. และเครือข่ายต่อจากนี้เท่านั้น จะต้องได้รับผลกรรมตอบแทนตามกฎแห่งกรรมและหลักกฎหมายทั้งในประเทศและระดับสากลอย่างสาสมในที่สุด
ด้วยสำนึกของเจ้าของประเทศผู้รักในเสรีภาพ ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
(ผู้ลงนามต่อท้าย)
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการองค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย
ดร. เพียงดิน รักไทย อธิการบดีมหาวิทยาลัยประชาชน
อเนก ซานฟราน ประธานบอร์ดอำนวยการภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน
และผู้ลงนามต่อท้ายอื่น ๆ ดังนี้
J. Nilkhamhang. | Bankok |
|
| Thailand |
sandy lin | Bangkok |
|
| Thailand |
vichai Ratanakomonwat | chonbury |
|
| Thailand |
Deww Hussain | Bangkok |
|
| Thailand |
Juntra Prasertsud | Thailand |
|
| Thailand |
คนเดินดิน รักกันนะ | ไทย |
|
| Thailand |
มดแดง เพื่อประชาชน | กรุงเทพ |
|
| Thailand |
Somsri Takemoto |
|
| 556-0011 | Japan |
กริสนี ทรัพย์บุญรอด | ปทุมธานี |
| 12160 | Thailand |
chai eng | Monterey Park | California | 91754 | United States |
นพไกร ใจดี | กรุงเทพฯ |
|
| Thailand |
Udomsak Maneerat | Mission | Kansas | 66202 | United States |
อมร เฉยภิรมย์ | กทม. |
|
| Thailand |
Anongratana. Reuben | Laval QC. |
| H 7P 5 N3 | Canada |
หลวงภูเบศ มหาประชาราษฎร์ | Bangkok |
|
| Thailand |
นิดหน่อย ปาป๊า รักกันดี | ปทุมธานี |
|
| Thailand |
แดง สกล | สกลนคร |
|
| Thailand |
จิดาภา รุจิรัฐกรณ์ | กทม |
|
| Thailand |
อ๋อง ใจงาม | เมืองดอกคูณ/ดอกบัว |
|
| Thailand |
นายสยาม ไทยสมัย | กรุงเทพ |
|
| Thailand |
นายภรัญยู ผลขวัญ | อุดรธานี |
|
| Thailand |
Vilaypho Vong | Carthage | North Carolina | 28374 | United States |
ศศิประภา ดาวฉายแสง | Toronto |
|
| Thailand |
ถ้าเลือกได้ ก็คงเลือกที่จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับทรราช คสช.นี้
ร่างรธน.ทรราช คสช.ทำคลอดรัฐบาลอ่อนแอ เจอแน่สังคม 'แก่ก่อนรวย'
NGO - นายหน้าค้าความเมตตาจอมปลอมของ ทรราช คสช.
WHY DOES THAILAND NEED AN ARMY?
Giles Ji Ungpakorn
-
In a recent newspaper column Ajarn Niti Eauwsiwong posed the question: "what is the purpose of having the military?" Naturally, this provoked a storm of abuse from the rather dim Generalissimo and his various underlings. Prayut lost it again (has he ever not lost it?) and shouted that the military were there so that "dogs" like those in academia and the media could ask the question.
-
Some people have mistakenly characterised the military, in the case of the authoritarian regimes like Suharto's Indonesia or Burma, as a "state within a state". This is misleading and not actually true. The assumption is that the military have somehow "usurped" state power. However, the military, or the "special bodies of armed men", are an integral part of the modern capitalist state and this state can take many political forms. In the recent past, states in Western Europe have been both democratic and authoritarian. Spain, Italy and Germany were once fascist dictatorships.
-
The dominance of the military in the political control of the state in Suharto's Indonesia or in Burma is not a deviation from the capitalist state form, it is just one form which reflects the weakness of other competing ruling class factions in the face of tensions and crises within society.
-
Today, Thailand is ruled by a military dictatorship and even when the military are not in government they have had varying degrees of influence. But never imagine for a moment that Prayut would be able to stage his military coup and cling on to power if he did not have the backing of other sections of the Thai ruling class; the capitalists and elite bureaucrats. Together with the military generals these elites form the ruling class. They are both a bunch of rival factions but also united in their determination to cling to class power. The King is their symbol to socialise class unity and nationalism among the citizens over whom they rule. When socialisation does not work they use lèse-majesté or brute force.
-
Recently the generals have been barking, in response to Ajarn Niti's question, that the military is "the fence" guarding the country. The problem is that ordinary citizens are not located within such a fence. It is exclusively for the ruling class. What is more, the Thai military has failed abysmally to ever defend the country from outside invasion. In the Second World War they quickly surrendered to the Japanese. In the time of imperialist expansion, they were powerless in the face of the British and the French.
-
So what is the purpose of the Thai military?
-
The short answer is that it has two main functions.
-
The first function is to protect ruling class rule from challenges by mass movements to expand the democratic space. All the weapons, tanks and other military equipment used by the military have been used in anger against citizens. In Bangkok they shot down demonstrators in 1973, 1976, 1992 and 2010. They have waged a civil war against the communists who sought a more egalitarian society and they are currently engaged in a vicious war in the Patani to prevent Malay Muslim self-determination. They have also occasionally staged military coups in order to "hold the line" against civilian political threats. But more often than not military coups have been about military self-interest, which brings me to the military's second purpose.
-
The second purpose of the Thai military is to satisfy the sheer greed of the officer corps. Even when not in political power, the military provides rich and corrupt pickings for those in the top ranks. Corruption from weapons purchases, excess state funds for military activities and the chance to sit on the executive boards of state enterprises, all go to lining their pockets. Add to this the illegal trade in narcotics, human trafficking and other mafia type activities. And when they are in political power like now, the opportunities for enrichment are unlimited.
-
The effect of this nasty parasitic organisation is to act as a barrier to political progress and to divert important resources from the health, education and general well-being of most citizens.
6 ปี"ราชประสงค์" ที่นี่...ทหารฆ่าประชาชน.
ทรราช คสช. “ช็อปกระจาย” อาวุธค่ายจีน-รัสเซีย
Friday, May 20, 2016
“รัฐธรรมนูญกับประชามติที่เลือกได้”
"รัฐธรรมนูญกับประชามติที่เลือกได้"
https://www.youtube.com/watch?v=nxtDrJFhMs4&feature=youtu.be
การสตรีมเริ่มต้นเมื่อ 1 ชั่วโมง ที่ผ่านมา
เสวนาทางวิชาการ "รัฐธรรมนูญกับประชามติที่เลือกได้"
วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม 2559 เวลา 13.00-16.30 น.
ณ ห้องอเนกประสงค์ริมน้ำ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
บรรยายพิเศษ เรื่อง "ทำไมต้องมีรัฐธรรมนูญ"
โดย ศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ
เสวนาวิชาการ เรื่อง "รัฐธรรมนูญกับประชามติที่เลือกได้"
โดย ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
รศ.ดร.อภิชาต สถิตนิรามัย คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นายบารมี ชัยรัตน์ สมัชชาคนจน
ดร.เดชรัต สุขกำเนิด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บรรยายพิเศษ "ร่างรัฐธรรมนูญในทัศนะของคณะนิติราษฎร์"
โดย ผศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อ.ปูนเทพ ศิรินุพงศ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
จัดโดย
โครงการบัณฑิตศึกษา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
โครงการรัฐศาสตร์เสวนา หลักสูตรการเมืองและการจัดการปกครอง ภาควิชาปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์