Saturday, December 3, 2016

อกอีแป้นจะแตก ++++ นิด้าโพลเผยคนเกือบครึ่งไม่เคยอ่าน-รับรู้เนื้อหาร่างรธน.

-
นิด้าโพลเผยคนเกือบครึ่งไม่เคยอ่าน-รับรู้เนื้อหาร่างรธน.

-
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ และคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน 2,299 คน เรื่อง"ชีวิตคนไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่"ระหว่างวันที่ 26-30 พ.ย. โดยจากการสำรวจเมือถามถึงการรับรู้ข้อมูลของประชาชนเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านการทำประชามติ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ส่วนร้อยละ 42.37 ระบุว่าไม่เคยอ่านและไม่เคยรับรู้ ขณะที่ร้อยละ 20.10 ระบุว่าเคยอ่านและเคยได้รับรู้ข้อมูลเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อถามความเห็นต่อสิทธิ เสรีภาพของคนไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 50.04 ระบุว่า สิทธิ เสรีภาพของคนไทยจะดีขึ้น รองลงมาร้อยละ 31.40 ระบุว่าสิทธิ เสรีภาพของคนไทยจะเหมือนเดิม
-

นอกจากนี้ความเห็นของประชาชนต่อความสุจริตและความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่พบว่าร้อยละ 45.20 ระบุว่าความสุจริตและความเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งจะมีมากขึ้น รองลงมาร้อยละ 37.57 ระบุว่าการเลือกตั้งจะเหมือนเดิม เมื่อถามถึงความเห็นประชาชนต่อพฤติกรรมของนักการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 53.05 ระบุว่า เราจะได้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมที่ดีขึ้น รองลงมาร้อยละ 33.78 ระบุว่าเราจะได้นักการเมืองที่มีพฤติกรรมเหมือนเดิม ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความเห็นประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต ร้อยละ 51.31 ระบุว่า ประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ที่ดีกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต ขณะที่ร้อยละ 27.75 ระบุว่าประเทศไทยจะได้รัฐบาลใหม่ที่ไม่ดีขึ้นและไม่แย่กว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต
-

แหล่งที่มา โลกวันนี้
-

ห้องข่าวเสรีไทย
80FCA648-CF4E-4645-AA59-D43BC96BC859

บทความที่ทำให้ไผ่ ดาวดิน ถูกจับ ... มันจะบ้าไปแล้ว+++

พระราชประวัติกษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย
2 ธันวาคม 2016

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร กษัตริย์พระองค์ใหม่ของไทย พระนามวชิราลงกรณมีความหมายว่า "ทรงเครื่องเพชรนิลจินดา หรืออสนีบาต" ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 ทรงเป็นพระราชบุตรพระองค์ที่สอง และเป็นพระราชโอรสพระองค์เดียว ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผู้ทรงขึ้นครองราชย์โดยมิได้คาดหมายเมื่อ 6 ปีก่อนหน้านั้น
หลังจากประเทศไทยตกอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์มานานหลายทศวรรษ การประสูติขององค์รัชทายาทชายจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสถาบันกษัตริย์ไทย โดยเฉพาะในยามที่ลำดับชั้นผู้กุมอำนาจทางการเมืองของไทยมีความไม่ชัดเจน หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี พ.ศ.2475 ตามด้วยการสละราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในปี พ.ศ. 2478 และตามด้วยช่วงเวลาที่ไทยมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นานถึง 11 ปี
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงสำเร็จการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนจิตรลดา และเมื่อพระชนมายุ 13 พรรษาได้เสด็จ ฯ ไปทรงศึกษาต่อที่โรงเรียนเอกชน 2 แห่งในประเทศอังกฤษเป็นเวลา 5 ปี หลังจากนั้น ทรงศึกษาต่อจนจบระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนในนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แล้วทรงเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน ในกรุงแคนเบอร์รา เป็นเวลา 4 ปี
ครั้งหนึ่ง พระองค์เคยตรัสว่า ทรงประสบปัญหาในการเรียน อันเป็นผลมาจากการได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม นอกจากนี้ยังทรงมีผลการเรียนไม่ดีนักขณะทรงศึกษาที่วิทยาลัยการทหารดันทรูน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงได้รับการศึกษาด้านการทหารขั้นสูงในประเทศไทย สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ทรงเข้ารับราชการในกองทัพไทย ทั้งยังทรงเป็นนักบินขับไล่และนักบินพลเรือน พระองค์มักทรงขับเครื่องบินโบอิ้ง 737 ด้วยพระองค์เองเวลาเสด็จ ฯ เยือนต่างประเทศ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี พ.ศ. 2515 แต่ขณะนั้นได้เกิดข้อกังขาถึงความเหมาะสมของพระองค์
พระองค์มิได้แสดงความสนพระทัยในโครงการพัฒนาประเทศต่าง ๆ ของพระราชบิดาดังเช่นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระขนิษฐา ทั้งยังทรงตกเป็นข่าวลือเกี่ยวกับสตรี การพนัน และธุรกิจผิดกฎหมาย
ในปี พ.ศ.2524 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เคยตรัสเป็นนัยว่าพระราชโอรสของพระองค์ทรงคล้ายกับ "ดอน ฮวน" ที่ทรงโปรดการใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์กับเหล่าหญิงงามมากกว่าการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ
ในการพระราชทานสัมภาษณ์กับสื่อไทยเมื่อปี 2535 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิเสธข่าวลือเรื่องที่พระองค์เกี่ยวข้องกับบรรดาผู้มีอิทธิพล รวมทั้งข่าวลือเรื่องธุรกิจผิดกฎหมาย
ในปี พ.ศ.2520 พระองค์อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และทรงมีพระธิดาด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งประสูติในปี พ.ศ. 2521 แต่ในช่วงเดียวกันนั้นเองมีกระแสข่าวว่าพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์กับดาราสาว สุจาริณี วิวัชรวงศ์ (นามเดิม ยุวธิดา ผลประเสริฐ) มีพระโอรสและพระธิดารวม 5 พระองค์ ระหว่างปี พ.ศ.2522-2530 พระองค์อภิเษกสมรสกับหม่อมสุจาริณี ในปี พ.ศ. 2537 ทว่า ในปี พ.ศ. 2539 ได้ทรงประกาศหย่าขาดจากหม่อมสุจาริณี และถอดถอนฐานันดรศักดิ์พระโอรสทั้ง 4 พระองค์ ซึ่งขณะนั้น กำลังศึกษาในสหราชอาณาจักร
ในปี พ.ศ. 2544 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อภิเษกสมรสกับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา และมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ คือ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ซึ่งประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2548
ในปี พ.ศ. 2557 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ถูกถอดถอนออกจากฐานันดรศักดิ์ มาเป็นท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี ขณะเดียวกันบิดามารดาและญาติของท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์จำนวน 9 คน ถูกจับกุมในความผิดตามมาตรา 112 ฐานแอบอ้างเบื้องสูง ส่วนตำรวจนายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวท่านผู้หญิงศรีรัศมิ์ ได้เสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว
นอกจากนี้ ข้อกล่าวหาฐานแอบอ้างเบื้องสูงได้ถูกใช้กับบุคคลใกล้ชิดกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร อีกหลายคน อาทิ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง และตำรวจอีกนายหนึ่งที่ถูกจับกุมในคดี มาตรา112 เมื่อปีก่อนและเสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัว ขณะเดียวกันองครักษ์ส่วนพระองค์คนหนึ่งได้ถูกถอดยศในความผิดฐาน "ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัณฑูร" และ "เป็นภัยต่อราชวงศ์โดยการหาผลประโยชน์ส่วนตัว" ซึ่งต่อมาองครักษ์ส่วนพระองค์ผู้นี้ได้หายตัวไปและเชื่อว่าอาจเสียชีวิตแล้ว
ปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงใช้ชีวิตร่วมกับพลโทหญิง สุทิดา วชิราลงกรณ์ ณ อยุธยา อดีตพนักงานต้อนรับสายการบินไทย ซึ่งได้รับพระราชยศนายทหารปฏิบัติการพิเศษสำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษ ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเคยพระราชทานยศ "พลอากาศเอก" ประจำกองทัพอากาศไทยให้แก่ "ฟูฟู" สุนัขพูเดิลทรงเลี้ยงด้วย
บทลงโทษที่รุนแรงของกฎหมาย มาตรา 112 ส่งผลให้ในประเทศไทยไม่มีผู้ใดกล้าอภิปรายอย่างเปิดเผยถึงเรื่องความเหมาะสมของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในฐานะกษัตริย์พระองค์ใหม่ ทว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มักพูดคุยกันอย่างลับ ๆ ถึงความเป็นไปได้ที่ตำแหน่งพระประมุขของไทยจะตกเป็นของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงได้รับความนิยมจากประชาชนและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนมากกว่า อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ที่เปิดทางให้ผู้หญิงสามารถสืบราชสันตติวงศ์ได้ หากไม่มีองค์รัชทายาทผู้ชาย อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่ทรงมีพระราชประสงค์ให้ผู้อื่นสืบราชสมบัตินอกจากพระราชโอรสของพระองค์
ในช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระพลานามัยทรุดลง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชน และประกอบพระราชกรณียกิจแทนพระราชบิดาบ่อยขึ้น
ในอดีตมีข่าวลือว่าพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์ด้านธุรกิจกับอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้ถูกมองว่าเป็นภัยต่อกลุ่มอำมาตย์ที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์
แต่หลังจากเหตุรัฐประหารในปี 2557 ที่ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รัฐบาลทหารชุดใหม่ก็ดูจะให้การสนับสนุนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อให้พระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระราชบิดา ด้วยการจัดกิจกรรม Bike for Dad หรือปั่นเพื่อพ่อ เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ที่เป็นกันเองของว่าที่กษัตริย์พระองค์ใหม่
เป็นการยากที่จะคาดเดาได้ว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะทรงเป็นกษัตริย์แบบใด แม้จะทรงเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแต่พระองค์ยังคงมีพระราชอำนาจอย่างมาก และคงไม่มีผู้ใดจะกล้าปฏิเสธพระราชประสงค์หรือพระราชโองการของพระองค์
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงมีพระราชอำนาจเด็ดขาดในสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย ด้วยทรัพย์สินราว 30,000-40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีรายได้ต่อปีซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยังทรงบัญชาการกองทหารรักษาพระองค์ ที่มีกำลังพลราว 5,000 นาย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านราชวงศ์ไทยชี้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงไม่น่าจะมีพระบารมีและเป็นที่เคารพสักการะเท่าพระราชบิดา เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นด้วยพระองค์เอง มิใช่สิ่งที่ทรงรับสืบทอดจากพระราชบิดา และการที่ทรงราชย์ขณะมีพระชนมพรรษาถึง 64 พรรษาแล้ว พระองค์คงมีเวลาในการสั่งสมพระบารมีไม่ยาวนานนัก
จากนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญในการจัดพระราชพิธีพระบรมศพของพระราชบิดา ซึ่งนี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะช่วยเสริมบทบาทของพระองค์ ขณะเดียวกันพระองค์ยังคงสามารถพึ่งพาความจงรักภักดีที่พสกนิกรมีให้ต่อพระราชบิดาของพระองค์ ในการค้ำจุนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นสถาบันหลักของสังคมไทย

เครดิต BBC Thai

Friday, December 2, 2016

จังหวัดใหม่ มาอีก 6 รู้หรือยัง รวมทั้งหมด 83 จังหวัดในประเทศไทย

จังหวัดใหม่ มาอีก.6.รู้หรือยัง
 รวมทั้งหมด 83 จังหวัดในประเทศไทย
จัดตั้งจังหวัดใหม่อีก 6 จังหวัด
 เพิ่มผู้บริหารอีก 6 ละครับ และตำแหน่งต่างๆตามหน่วยงาน
✔️1. จังหวัดบัวใหญ่ 
 แยกมาจาก นครราชสีมา
 มี 8 อำเภอ 
 อ.บัวใหญ่
 อ.คง
 อ.ประทาย
 อ.โนนแดง
 อ.บ้านเหลื่อม 
 อ.แก้งสนามนาง
 อ.สีดา และ 
 อ.บัวลาย
 ✔️2. จังหวัดเดชอุดม 
 แยกมาจาก อุบลราชธานี
 มี 5 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 
 อ.เดชอุดม
 อ.บุณฑริก
 อ.นาจะหลวย
 อ.น้ำยืน
 อ.ทุ่งศรีอุดม
 กิ่ง อ.น้ำขุ่น และ
 กิ่ง อ.นาเยีย
✔️ 3. จังหวัดกันทรลักษ์ 
 แยกออกมาจาก ศรีสะเกษท
 มี 6 อำเภอ 3 กิ่งอำเภอ 
 อ.กันทรลักษ์
 อ.ขุนหาญ
 อ.เบญจลักษ์
 อ.ศรีรัตนะ
 อ.ไพรบึง
 อ.โนนคูณ
 กิ่ง อ.เขาพระวิหาร
 กิ่ง อ.ศรีเมืองทอง และ 
 กิ่ง อ.ทับทิมสยาม
 ✔️4. จังหวัดชุมแพ 
 แยกมาจาก ขอนแก่น
 มี 6 อำเภอ 
 อ.ชุมแพ
 อ.ภูเวียง
 อ.สีชมพู
 อ.หนองนาคำ
 อ.ภูผาม่าน และ 
 อ.ภูเขียว ของ จ.ชัยภูมิ 
 มาจัดตั้งเป็น จ.ชุมแพ
 ✔️5. จังหวัดนางรอง 
 แยกมาจาก บุรีรัมย์
 มี 10 อำเภอ 
 อ.นางรอง
 อ.ชำนิ
 อ.หนองหงส์
 อ.บ้านกรวด
 อ.เฉลิมพระเกียรติ
 อ.โนนสุวรรณ
 อ.ปะคำ
 อ.หนองกี่ 
 อ.ละหานทราย และ 
 อ.โนนดินแดง
✔️6. จังหวัด นาทวี
แยกมาจาก สงขลา
มี 8 อำเภอ
อ.นาทวี
อ.จะนะ
อ.เทพา
อ.สะบ้าย้อย
อ.คลองหอยโข่ง
อ.สะเดา
อ.นาหม่อม
อ.หาดใหญ่

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน บทเรียน 'บัลลังก์ล่ม" ในสามประเทศแห่งเอเชีย

https://youtu.be/qp38vmBYCSE

https://youtu.be/4xGyTDCXi-A

https://youtu.be/Q7zXLiUlcsY

https://youtu.be/INhtVu4konk

https://youtu.be/cyG2jFHVv9U


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com  

โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




จะทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่เก้าองค์เดียวอย่างนั้นหรือ (จาก LINE)

ดูจากงานสถาปนาพระบรมขึ้นครองราชย์...กลับไม่ได้รับความสนใจจากสื่อเท่าที่ควร...ทุกสื่อแทบจะทำไปแบบไม่เต็มใจ

ทุกอย่างดูเหมือนเป็นสิ่่งลึกลับ..เป็นความลับ....มาโดยตลอด ทั้งที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนไทยที่บอกว่าจงรักภักดีต่อสถาบันจะยอมให้ใครมาละเมิดมิได้

การที่สื่อสลิ่มยังไมยอมให้ความสำคัญต่อพิธีการรับพิธีการอัญเชิญพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่.. ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องเร้นลับ
ที่ต้องแอบสืบแอบหาข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งข่าวจริงในการขึ้นครองราชย์ของราชาพระองค์ใหม่.,

มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศที่ไม่ยอมให้ใครมาล้มล้างดูหมิ่นสถาบัน...

ในขณะที่ยังมีการนัดกันเข้าแถวเพื่อไปถวายบังคมพระบรมศพในหลวงอย่างที่ยอมเดินทางจากต่างจังหวัดยอมหยุดงานเพื่อการนี้

ยังเน้นย้ำความเศร้าโศกกันอย่างเหนียวแน่น..ไม่ยอมให้ในหลวงรัชกาลที่สิบเข้ามาแทรกใจที่เศร้าโศกไม่เลิกนั้นได้เลย..

ผมยังแปลกใจที่เขาทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกัน.... ประเทศชาติต้องการการเดินหน้าในวันนี้..เราจะมาเศร้าโศกเสียใจข้ามเดือนข้ามปี

โดยไม่ยอมให้ประเทศชาติเดินหน้ากันต่อไปอย่างนั้นหรือ.. คนเสื้อแดงเองนั่นไม่เท่าไหร่...เกือบทุกคนรับได้กับความเปลี่ยนแปลงนี้

ในขณะที่ฝ่ายสลิ่มกลับรับสิ่งนี้ไม่ได้เลย..ยังมีการโพสแม้กระทั้งข่่าวลวงว่าการสถาปนาจะยังไม่เกิดขึ้น ในหลวงรัชกาลที่สิบจะยังไม่รับการแต่งตั้ง

นี่มันอะไรกัน... สรุปแล้วพวกคุณที่แอบอ้างว่าทำเพื่อในหลวงกันมาโดยตลอด...จะทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่เก้าองค์เดียวอย่างนั้นหรือ

Thursday, December 1, 2016

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐

อ. ชูพงศ์ ถี่ถ้วน - ดร. ​เพียงดิน รักไทย 2 ธ.ค. 2559 ตอน ปัญหาหมักหมม ที่ต้องเร่งแก้ รอบบัลลังก์ ร. ๑๐



****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก




ทราบหรือไม่? พรบ.ศาสนาอิสลาม 2 ฉบับ มีเนื้อหาสาระอย่างไร?

ทราบหรือไม่?  พรบ.ศาสนาอิสลาม 2 ฉบับ มีเนื้อหาสาระอย่างไร?
* * * * *
กฎหมาย คือ กฎเกณฑ์ในการบริหารประเทศชาติ เมื่อศัตรูยึดกฎหมายได้ และออกกฎหมายมาบังคับพลเมืองได้ ประชาชนก็ถูกกำจัดด้วยกฎหมาย ไม่ตายก็เหมือนตาย ไม่สิ้นชาติก็เหมือนสิ้น
มูลเหตุที่พูดเช่นนี้ เพราะมีกฎหมายและพรบ.ของศาสนาอิสลามที่ประกาศใช้ทับกับกฎหมายไทยอยู่ในเวลานี้ ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องเลย และส่วนมากก็คิดว่ามันเป็นพรบ.บริหารกิจการภายในของศาสนาอิสลามเอง คงไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อคนในศาสนาอื่นมั้ง คนทั่วไปคงคิดเช่นนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น มันเป็นกฎหมายที่แอบแฝงเข้ามาอยู่ในอำนาจของรัฐ แล้วมีผลบังคับให้รัฐต้องทำตามพรบ.นั้นๆ ด้วย เช่น ต้องจัดสรรงบประมาณให้เขา การแต่งตั้งคนของเขาให้เป็นพระราชอำนาจ รวมไปถึงมีบทลงโทษแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามอีกด้วย และอัตราโทษทั้งจำทั้งปรับในอัตราที่สูงผิดปกติ
ต่อไปนี้ เป็นบทวิเคราะห์และชี้ประเด็นที่เป็นการยึดครองประเทศไทยโดยกฎหมายอย่างไร ขอเริ่มที่พรบ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540
1. ด้านบุคลากรที่ถูกยกระดับด้วยกฎหมาย
ตามความในมาตรา 6 กำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจุฬาราชมนตรีเป็นผู้นำกิจการศาสนาอิสลามในประเทศไทย โดยให้นายกรัฐมนตรีนำรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเป็นจุฬาราชมนตรีขึ้นทูลเกล้าเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง และให้มีเงินเดือนตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา ในมาตรา 8 ได้กำหนดหน้าที่ของจุฬาราชมนตรีไว้ว่า
(1) ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลาม(ซึ่งศาสนาอื่นๆ ไม่เคยมีอำนาจหน้าที่เช่นนี้มาก่อน) นี้เป็นเหมือนดาบอาญาสิทธิ์ว่า ทางราชการจะทำอะไรนั้นจะต้องหารือเขาเสียก่อน และห้ามทำเกินกว่าที่เขาเสนอความเห็นมา
(2) ถ้าจุฬาราชมนตรีไม่ให้คำปรึกษาเอง ยังมีอำนาจแต่งตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามได้อีกด้วย ดังนั้น ไม่ว่าหน่วยงานราชการไหน จะทำอะไรที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเขาทั้งหมด ซึ่งศาสนาอื่น ๆ เช่นศาสนาพุทธที่เป็นศาสนาหลักของประเทศยังไม่มีสิทธิ์เช่นว่านี้เลย และที่สำคัญคำว่า บทบัญญัติแห่งศาสนาอิสลามนั้น หมายถึงคัมภีร์อัลกูรอาน ที่เต็มไปด้วยการสั่งฆ่าผู้ไม่ได้นับถืออิสลาม หรือแม้แต่คนที่นับถือแล้ว จะหันหลังให้อิสลาม นั่นแสดงว่า ความรุนแรงกำลังจะตามมาแน่นอน
นอกจากนี้ มาตรา 16 ยังกำหนดให้โปรดเกล้าแต่งตั้งคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยขึ้น แต่งตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และมาตรา 23 กำหนดให้จังหวัดใดที่มีมัสยิด 3 แห่งขึ้นไป ให้จังหวัดนั้นแต่งตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดขึ้นคณะหนึ่งจำนวน 9 ถึง 30 คน และให้มีประธาน รองประธาน เลขานุการ และตำแหน่งอื่นๆ ตามความจำเป็น และให้กระทรวงมหาดไทยประกาศชื่อผู้ได้รับตำแหน่งต่างๆ ในราชกิจจานุเบกษา นี้คือ การกำหนดให้หน่วยงานราชการต้องเป็นผู้รับสนองงานของพวกตนเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากนี้ มาตรา 10 ยังกำหนดไว้ว่า (1) จุฬาราชมนตรี (2) กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย (3) กรรมการอิสลามประจำจังหวัด (4) กรรมการอิสลามประจำมัสยิด มีสิทธิ์สวมเสื้อครุยและประดับเข็มพระปรมาภิไธยได้เหมือนกันหมดทุกคน นี้คือ การยกระดับคนของเขาให้สูงกว่าคนในศาสนาอื่นๆ
คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ 11 ข้อ ขอนำมาเฉพาะที่สำคัญๆ คือ
(1) ให้คำปรึกษาแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ข้อนี้คือตั้งบุคคลกำกับจี้ให้ 2 กระทรวงนั้นต้องจัดสรรงบประมาณต่างๆ ออกมาให้ศาสนาอิสลามตามที่กำหนดไว้ในมาตราต่างๆ อย่างไม่มีทางเลือก
(4) ออกระเบียบเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินและการจัดหาผลประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดและมัสยิด
(10) ส่งเสริมสนับสนุนการจัดกิจกรรมทางศาสนาและการศึกษาศาสนาอิสลาม
(11) ประสานงานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในกิจการที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลาม
เหล่านี้ คือ คนของศาสนาอิสลามจะต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการอยู่ตลอดเวลา จึงเท่ากับว่าเขาครอบงำหน่วยงานของรัฐได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วนั่นเอง
มาตรา 30 ได้กำหนดกรรมการอิสลามประจำมัสยิดไว้ดังนี้ (1) อิหม่าม เป็นประธานกรรมการ (2) คอเต็บ เป็นรองประธาน (3) บิหลั่น เป็นรองประธาน และทั้ง 3 คนนี้ ให้ถือว่าไม่เป็นนักพรตหรือนักบวช เพื่อให้สามารถเล่นการเมืองได้ (4) สัปปุรุษประจำมัสยิด โดยกำหนดให้มี 6 -12 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
สรุปว่า ตามพรบ.อิสลามฉบับนี้ บุคลากรของศาสนาอิสลามทุกคนได้รับการโปรดเกล้าแต่งตั้ง มีเงินเดือนประจำตำแหน่ง มีสิทธิสวมเสื้อครุยและประดับเข็มปรมาภิไธยได้ และเป็นที่ปรึกษากำกับกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดได้ มันเป็นพรบ.ที่เป็นเหมือนกฎหมายทับซ้อนกับกฎหมายไทยอีกอันหนึ่งที่คนทั่วไปไม่ทราบ
2. ผลประโยชน์ที่ไม่ต้องลงทุน
มาตรา 5 กำหนดว่าให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ออกกฎกระทรวง ระเบียบ ประกาศ และคำสั่ง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละกระทรวง กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
มาตรานี้ เป็นการกำหนดหน้าที่ให้ทั้ง 2 กระทรวงหลักออกกฎระเบียบต่างๆ มาสนองงานของศาสนาอิสลามได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ตามคำปรึกษาเสนอแนะของคณะกรรมการกลางอิสลาม เช่น มาตรา 11 กำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการตั้งอิสลามวิทยาลัยขึ้นได้ในทุกจังหวัด เมื่อเห็นสมควร ข้อนี้ถ้ามีคนอิสลามขึ้นมาเป็นเจ้ากระทรวงจะมีอิสลามวิทยาลัยขึ้นได้ทุกจังหวัดเลย และจะรวดเร็วมากๆ สิ่งที่ซ้ำใจที่สุด คือ ทุกอย่างใช้งบประมาณหลวงทั้งหมด ตั้งแต่ซื้อที่ดิน ค่าก่อสร้าง อุปกรณ์การเรียน รวมไปถึงค่าสอนที่เป็นครูอิสลาม แต่สอนศาสนาอิสลาม เรียนภาษาอิสลาม
ต่อมา มาตรา 12 การสร้าง การจัดตั้ง การย้าย การรวม การเลิก และการจดทะเบียนมัสยิด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกระทรวง การจัดตั้งการร

มาตรา 12 การสร้าง การจัดตั้ง การย้าย การรวม การเลิก และการจดทะเบียนมัสยิด ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกระทรวง การจัดตั้งการร่วม และการเลิกมัสยิดให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
การสร้างมัสยิดในข้อนี้ ก็เช่นเดียวกันใช้งบประมาณหลวงทั้งหมด และกรรมการประจำมัสยิดก็มีเงินเดือน เรียกว่า ใช้ของหลวงฟรี ด้วยผลประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ที่พวกเขาไม่ต้องลงทุนเลย มีแต่ได้ล้วนๆ พวกเขาจึงเร่งหาสถานที่สร้างมัสยิดให้ครอบคลุมทั้งประเทศและเป้าหมายคือ ให้ครบทุกตำบล
นอกจากใช้งบหลวงแล้ว ผู้รับเหมาสร้างมัสยิดจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากพวกเขาเอง โดยมัสยิดแต่ละแห่งใช้งบประมาณเป็นหลัก 100 ล้านบาท และเงินเหล่านี้พวกเขาก็ได้เองทั้งหมด
ถ้าพรบ.ฉบับนี้เปลี่ยนชื่อจากพระราชบัญญัติบริหารกิจการศาสนาอิสลาม มาเป็นพระราชบัญญัติบริหารกิจการพระพุทธศาสนาแล้ว พวกเราชาวพุทธไม่ต้องเหนื่อยกับการบอกบุญใครๆ อีกต่อไป แม้นั่งอยู่ที่บ้านหรือนอนอยู่ที่วัดก็จะมีเม็ดเงินต่างๆ ไหลเข้ามาหาอยู่ตลอดเวลา ศาสนาคงจะเจริญรุ่งเรืองมาก ถ้าเป็นเช่นที่ว่านี้ มันคงจะสบายไปตลอดชาติเลยชาวพุทธเรา
3. พรบ.ส่งเสริมการฮัจย์ 2524
อีกฉบับหนึ่งของพรบ.อิสลาม คือ พรบ.ส่งเสริมการฮัจย์ มาตรา 6 ได้กำหนดหน้าที่ให้กระทรวงต่าง ๆ ของไทยทั้งหมด 13 กระทรวงด้วยกัน ในการมีส่วนช่วยการไปทำพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดิอารเบียของคนมุสลิม ประกอบด้วย
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
2. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
3. ปลัดกระทรวงคมนาคม
4. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
5. ผู้แทนกระทรวงต่างประเทศ
6. ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข
7. ผู้แทนกรมการปกครอง
8. ผู้แทนกรมตำรวจ
9. ผู้แทนกรมประชาสงเคราะห์
10. ผู้แทนกรมประมวลข่าวกลาง
11.ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
12. ผู้แทนคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
13. ผู้ทรงคุณวุฒิอื่นๆ อีกไม่เกิน 4 คน
นอกจากนี้
มาตรา 14 ยังกำหนดให้อธิบดีกรมการศาสนาเป็นเลขาธิการโดยตำแหน่ง และให้กรมการศาสนาทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์ อีกด้วย มีหน้าที่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการหรือที่กรรมการมอบหมาย ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และอื่นๆ
จากทั้ง 2 มาตรานี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากต้องมาบริการชาวมุสลิมที่ต้องไปฮัจย์ทุกปี และจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้พวกเขาไปฟรี ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะมีกฎหมายมาตราสำคัญบังคับไว้ให้ต้องทำ คือ
มาตรา 15 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 5 (1) หรือ (2) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 16 ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 5 (3) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 17 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับ เงื่อนไข หรือมาตรการใดๆ ซึ่งออกตาม
มาตรา11 (2) ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
ในการไปฮัจย์นี้ก็คล้ายๆ กับการสร้างมัสยิด คือมีบริษัทมารับเหมาช่วงในการรับจัดบริการขนส่งให้กับผู้ไปฮัจย์ด้วย
โดยมาตรา 5 (1) (2) (3) กำหนดให้มีการรับจัดบริการขนส่ง ซึ่งผู้ที่ไปจะถือไปเองไม่ได้ ต้องมีบริษัทรับเหมาขนสัมภาระให้ตลอดการเดินทาง และบริษัทเหล่านี้ ก็เป็นของพวกเขาเอง ไม่ต่างไปจากการสร้างมัสยิดเลย

สรุปว่า ข้าราชการไทยทุกตำแหน่งถูกอิสลามยึดหมดแล้ว ที่สำคัญ คือ งบประมาณมหาศาลที่ใช้ไปกับกิจการของอิสลามทั้งสร้างมัสยิด ทั้งการไปฮัจย์ และอื่นๆ แต่ละปีหลายพันล้านบาท หรืออาจเป็นหมื่นล้านบาท
ขอให้ท่านทั้งหลายหลับตานึกภาพดูจะรู้ว่า ประเทศไทยเรา ที่บรรพบุรุษกอบกู้มา และรักษาไว้ จะมาสิ้นชาติเอาในยุคของพวกเรานี้เองหรือ เศร้าสุดๆๆๆ อนิจจา

อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 1 ธ.ค. 59 ตอน ขบวนล้มเจ้า ที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่เสื้อแดง และพวกเปลี่ยนระบอบ

อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 1 ธ.ค. 59 ตอน ขบวนล้มเจ้า ที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่เสื้อแดง และพวกเปลี่ยนระบอบ
---------------------


Tuesday, November 29, 2016

อาคม ซิดนีย์-เพียงดิน รักไทย 30 พ.ย. 2559 ตอน เจ้าองค์ใหม่ vs รากปัญหาเก่าและวงจรอุบาทว์เดิม

อาคม ซิดนีย์-เพียงดิน รักไทย 30 พ.ย.  2559 

ตอน เจ้าองค์ใหม่ vs รากปัญหาเก่าและวงจรอุบาทว์เดิม


https://youtu.be/60B-vJ29NOY

https://youtu.be/vObXLyHFdDc

https://youtu.be/CxdUDEbaEcA

https://youtu.be/QsMPGOsXllc

https://youtu.be/kPWhLTK_lxk

https://youtu.be/ZGfDAZx3Flc

https://youtu.be/kPWhLTK_lxk


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt



ดร. เพียงดิน รักไทย 29 พ.ย. 2559 ตอน เรียบร้อย!! พระบรม ขึ้นเป็น ร. 10 มดแดงจะอวยช้างไหม?

ดร. เพียงดิน รักไทย 29 พ.ย.  2559 

ตอน เรียบร้อย!! พระบรม ขึ้นเป็น ร. 10 มดแดงจะอวยช้างไหม?

https://youtu.be/33ml-tn7idg

https://youtu.be/6BvQFkj1x20

https://youtu.be/khtN93NSAuA


****************************

หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่

http://tinyurl.com/o2rzao8

หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt


หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก





Monday, November 28, 2016

อาคม ซิดนีย์-ดร. เพียงดิน รักไทย กรณีวัดพระธรรมกย ความต่ำช้าและบาปหนาของเผด็จการไทย

อาคม ซิดนีย์-ดร. เพียงดิน รักไทย กรณีวัดพระธรรมกย ความต่ำช้าและบาปหนาของเผด็จการไทย
---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้ง?¸




เอียวศรีวงศ์ : ประชาธิปไตยแบบไทย

เอียวศรีวงศ์ : ประชาธิปไตยแบบไทย
วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 07:01:24 น.

ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คณะกรรมาธิการร่างก็ตั้งกันมาสำเร็จสมบูรณ์แล้ว ในขณะเดียวกันก็มีเสียงหนาหูจากกรรมาธิการบางคนว่า จะต้องกำหนดโน่นนี่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ล้วนฟังดูน่าอัศจรรย์พันลึกว่า หากคิดอย่างนี้ จะเข้าไปร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร

ท่านหัวหน้า คสช. แม้ไม่ได้มีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง แต่ก็มีอำนาจที่จะกำหนดรูปร่างหน้าตาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้มาก ได้ปรารภกรอบของรัฐธรรมนูญใหม่ไว้ในคำปราศรัยเรื่องสิทธิเสรีภาพว่า "ประชาธิปไตยไทยนั้น ถ้าสอนให้คนรู้จักแต่สิทธิเสรีภาพ ไม่คำนึงถึงหน้าที่ ไม่รู้จักว่าผลประโยชน์แห่งชาติว่าอยู่ที่ไหน ก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป... อย่าสอนให้เสรีมากนัก คำว่าเสรีต้องมีขีดจำกัด อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ต้องรู้จักหน้าที่..."

ตรงกับที่ประธานคณะกรรมาธิการเคยให้สัมภาษณ์ว่า ทำไมต้องไปลอกเลียนประชาธิปไตยของคนอื่น เราก็ควรมีประชาธิปไตยแบบไทยของเราเอง

หน้าของประชาธิปไตยแบบไทยเริ่มโผล่มาให้เห็นได้รางๆแล้ว

ทั้ง"ประชาธิปไตยแบบไทย" และ "สิทธิเสรีภาพกับหน้าที่" เป็นคาถาที่นักปราชญ์ไทยพูดกันมานานแล้ว ผมคิดว่าท่านเหล่านั้นออกจะสับสนกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่สับสนกับ "ประชาธิปไตย" อยู่มากทีเดียว

ก็จริงที่ว่าในความคิดของนักประชาธิปไตยตะวันตก ซึ่งนักร่างรัฐธรรมนูญไทยรังเกียจนั้น เขาคิดแต่ด้านเสรีภาพและขีดจำกัดของเสรีภาพ บุคคลพึงมีเสรีภาพอย่างไม่มีขีดจำกัดก็จริง แต่เสรีภาพของบุคคลนั้นอยู่ลอยๆ ไม่ได้ (มิฉะนั้นก็กลายเป็นเสรีภาพของซ่องโจร) ต้องตั้งอยู่บนเสรีภาพของสังคมซึ่งประกันเสรีภาพของบุคคลอีกทีหนึ่ง ดังนั้น การใช้เสรีภาพจึงมีขีดจำกัดที่การใช้จะไปละเมิดเสรีภาพของคนอื่นไม่ได้ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เสรีภาพของสังคมเป็นบรรทัดฐานที่เราต้องรักษาไว้ เพราะเสรีภาพของเราเองจะมีไม่ได้ หากเสรีภาพของสังคมถูกทำลายลงไป บุคคลจึงพึงเดือดร้อนเมื่อบุคคลอื่นถูกละเมิดเสรีภาพ เพราะย่อมกระเทือนต่อเสรีภาพของสังคม อันจะทำให้เสรีภาพของเราเองถูกคุกคามไปด้วย

คิดแต่ด้านเสรีภาพโดยไม่ต้องคิดด้านหน้าที่เลยก็ได้ เพราะในตัวของเสรีภาพล้วนๆ นี้ มีขีดจำกัดของเสรีภาพอยู่ด้วยแล้ว นั่นคือเสรีภาพของสังคม ซึ่งต้องผดุงรักษาไว้เหนืออื่นใด

หน้าที่ก็มีความสำคัญเหมือนกัน แต่กำหนดลงไว้ในกฎหมายได้ยาก เพราะฝรั่งคิดว่าหน้าที่นั้นเป็นสำนึก หากแปลภาษาไทยให้ตรง หน้าที่คือธรรมะ เช่น พลเมืองต้องเสียภาษีรายได้ แต่จะเสียเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ เป็นสำนึก ถึงกฎหมายกำหนดไว้อย่างไรก็มีช่องให้หลีกเลี่ยงจนได้ ดังนั้น รัฐธรรมนูญประชาธิปไตยจึงไม่ต้องพูดถึงหน้าที่ พูดแต่เรื่องของสิทธิเสรีภาพ

ผมคิดว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ เพราะหากเอาหน้าที่มาถ่วงดุลเสรีภาพแล้ว เสรีภาพก็ไร้ความหมาย เพราะรัฐอาจมอบหมายหน้าที่ซึ่งทำลายเสรีภาพของสังคมให้แก่พลเมืองทุกคนต้องปฏิบัติ เช่น แจ้งความเคลื่อนไหวของปฏิปักษ์ทางการเมืองของผู้บริหารรัฐ ความสับสนเรื่องนี้ของนักปราชญ์ไทยจะเกิดโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม แต่หากอยากได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยจริง ต้องไม่สับสนตาม "ผู้ใหญ่" ไทย

จะพูดถึงประชาธิปไตยแบบไทยก็ได้เพราะมันน่าจะมีอยู่จริง เช่นเดียวกับประชาธิปไตยแบบฝรั่งเศส, แบบอังกฤษ, แบบอเมริกัน หรือแบบเยอรมนี ซึ่งไม่เหมือนกันเลย มีลักษณะเฉพาะที่เหมาะกับสังคมวัฒนธรรมนั้นๆ (ตามสำนวนของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว) หรือเป็นไปตามประสบการณ์ของแต่ละสังคมซึ่งไม่เหมือนกัน ไม่มีใครคิดจะก๊อบปี้กระบวนการประชาธิปไตยของกันและกัน

แต่ต้องแยกให้ชัดระหว่างบรรทัดฐานหรือเป้าหมายของประชาธิปไตยกับกระบวนการประชาธิปไตยกระบวนการอาจปรับเปลี่ยนอย่างไรก็ได้ให้เหมาะกับประสบการณ์ของแต่ละสังคมแต่บรรทัดฐานหรือเป้าหมายของประชาธิปไตยนั้นตรงกัน รวมทั้งการปรับเปลี่ยนกระบวนการก็มีขีดจำกัด คือจะปรับเปลี่ยนอย่างไรก็ตาม แต่ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับบรรทัดฐาน หรือทำให้บรรทัดฐานนั้นเป็นหมันไปโดยปริยาย

ผมจึงอยากพูดถึงบรรทัดฐานของประชาธิปไตยว่า อาจบรรลุได้ด้วยกระบวนการอย่างไรเป็นตัวอย่าง และกระบวนการชนิดไหนในแต่ละด้านที่ทำลายบรรทัดฐานไปโดยปริยาย



ประชาธิปไตยนั้นเป็นระบอบปกครองของรัฐสมัยใหม่โดยแท้โดยเฉพาะรัฐที่ได้กลายเป็นรัฐประชาชาติไปแล้วรัฐสมัยใหม่เป็นรัฐที่มีอำนาจล้นพ้น อาจทำร้ายประชาชนหรือพลเมืองของตนได้อย่างที่รัฐก่อนสมัยใหม่ทั้งปวงไม่สามารถทำได้ รัฐจึงเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวัง ต้องถูกจำกัดอำนาจของมันไว้ ที่ผมพูดนี้หมายถึงรัฐนะครับ ไม่ได้หมายถึงผู้ปกครองรัฐซึ่งย่อมเวียนหน้ากันเข้ามาอยู่เสมอ

กระบวนการที่ใช้ในการควบคุมรัฐในระบอบประชาธิปไตยคือสถาปนาสิทธิเสรีภาพของพลเมืองให้เป็นสิ่งสูงสุด ที่รัฐไม่ว่าจะปกครองโดยใครล่วงละเมิดไม่ได้ เช่น เสรีภาพในการแสดงออก, ในความเชื่อ, ในการรวมตัวเพื่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจ, การเมือง, สังคมหรือวัฒนธรรม และในเรื่องอื่นๆ (อย่าลืมเรื่องเสรีภาพของสังคมซึ่งเป็นขีดจำกัดของเสรีภาพนะครับ) 

ในเมืองไทย เรามักคิดว่าสิทธิเสรีภาพเป็นธรรมชาติมนุษย์ ขวางกั้นไม่ได้ หรือขวางกั้นแล้วย่อมทำให้คนไม่พอใจ ข้อนี้จริงหรือไม่คงเถียงกันได้ แต่ที่สำคัญกว่าในระบอบประชาธิปไตยก็คือ สิทธิเสรีภาพเป็นตัวจำกัดอำนาจของรัฐที่เมื่อไรถูกล่วงละเมิด เมื่อนั้นเราทุกคนต่างก็ปลดเปลื้องตัวเองจากแนวป้องกันอำนาจรัฐที่แข็งแกร่งที่สุด กรณีเช่น ตากใบหรือกรือเซะ ทำให้เราทุกคนแม้อยู่ห่างไกลจากเหตุการณ์เพียงไรก็ตาม ต่างตกอยู่ในภยันตรายใหญ่หลวงจากรัฐเท่าๆ กัน

หากถามว่า มีข้อยกเว้นหรือไม่ที่บางครั้งรัฐจำเป็นต้องละเมิดสิทธิเสรีภาพของพลเมืองซึ่งสถาปนาขึ้นไว้แล้วนี้ คำตอบคือไม่มี หรือเกือบจะไม่มีเลย ถึงอาจเกิดขึ้นในรัฐประชาธิปไตยบางแห่งก็ต้องจำกัดอำนาจรัฐในการละเมิดไว้อย่างรัดกุม เช่น ระยะเวลาที่จะละเมิดได้มีจำกัด, กระบวนการละเมิดต้องถูกตรวจสอบถ่วงดุลจากหลายฝ่าย ฯลฯ 

ผมขอยกตัวอย่าง เช่น กฎอัยการศึก ในประชาธิปไตยของบางประเทศ ไม่มีกฎหมายประเภทนี้เลย ในบางประเทศ การตัดสินใจต้องขึ้นอยู่กับองค์กรทางการเมืองที่หลากหลายมาก เช่น รวมแม้แต่พรรคฝ่ายค้านด้วย ในทุกประเทศ หากจำเป็นต้องใช้กฎหมายประเภทนี้ อำนาจรัฐที่จะล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพของพลเมืองจะถูกกำหนดไว้แน่นอนชัดเจนว่า ทำได้เฉพาะในเรื่องใดและในกรณีจำเป็นอย่างไร ไม่ใช่การชูสามนิ้ว, การกินแซนด์วิช, การอ่านหนังสือ ฯลฯ จะถูกลงโทษไปหมด โดยไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอนมากไปกว่ากฎอัยการศึก

ก็อย่างที่กล่าวแล้วนะครับว่า นี่เป็นเรื่องกระบวนการ ซึ่งแต่ละสังคมอาจปรับเปลี่ยนไปได้บ้าง แต่ต้องไม่ทำให้บรรทัดฐานสิทธิเสรีภาพของพลเมืองซึ่งประชาธิปไตยต้องยืนหยัดเพื่อป้องกันรัฐกลายเป็นหมัน

ระบอบประชาธิปไตยต้องแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยของปวงชนออกจากกันเป็นสามด้านคือนิติบัญญัติ, บริหาร และตุลาการ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลกันเอง แต่ทั้งสามด้านนี้ต้องยึดโยงกับพลเมือง กระบวนการที่จะแบ่งแยกอำนาจนั้นมีได้หลายอย่าง เช่น บางประเทศกำหนดให้การแต่งตั้งผู้พิพากษาต้องได้รับคำรับรองจากรัฐสภา บางประเทศ (เช่น บางมลรัฐของสหรัฐ) ผู้พิพากษามาจากการเลือกตั้งของประชาชน โดยกำหนดวุฒิของผู้สมัคร บางสังคมประชาธิปไตยสร้างกลไกที่ทำให้คนภายนอกที่ได้รับมอบหมายจากพลเมือง ให้เข้ามาตรวจสอบการทำงานของฝ่ายตุลาการได้ บางประเทศให้อำนาจพลเมืองในการถอดถอน ส.ส.ระหว่างวาระได้ จะยึดโยงกับพลเมืองอย่างไร เป็นกระบวนการซึ่งอาจปรับเปลี่ยนได้ แต่ต้องไม่ใช่ให้ผู้ทรงคุณวุฒิปิดประตูเลือกกันเอง หรือปล่อยให้ฝ่ายบริหารแต่งตั้งสภานิติบัญญัติและองค์คณะผู้ตรวจสอบฝ่ายตุลาการเอง

แท้จริงแล้ว การยึดโยงกับพลเมืองของอำนาจอธิปไตยทั้งสามนั้น ประกันการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยที่ขาดไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเป็นไปไม่ได้ในรัฐสมัยใหม่ที่พลเมืองจำนวนเป็นล้านจะซูเอี๋ยกันเอง ในขณะที่อำนาจที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนซึ่งมีคนจำนวนน้อยเสียอีก ที่ซูเอี๋ยกันเองจนอำนาจอธิปไตยทั้งสามด้านไม่แยกออกจากกันจริง อย่างที่เราเห็นในเมืองไทยในไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เรื่องนี้เกี่ยวกับบรรทัดฐานประชาธิปไตยอีกอย่างหนึ่งนั่นคืออำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ พลเมืองมีอำนาจสูงสุดในรัฐ ข้อนี้ต้องเป็นจริงในทางปฏิบัติ ไม่ใช่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญเฉยๆ แต่มาตราอื่นๆ ล้วนสะท้อนว่าไม่จริง



กระบวนการของบรรทัดฐานนี้ก็คือ ทำอย่างไรให้พลเมืองควบคุมการใช้อำนาจอธิปไตยของตนได้จริง รัฐสมัยใหม่ซึ่งมีพลเมืองจำนวนมากเลือกใช้การเลือกตั้งทางตรง โดยเฉพาะกับสภานิติบัญญัติ เพราะไม่สามารถประชุมพลเมืองพร้อมกันทั้งประเทศได้ การเลือกตั้งเป็นกระบวนการทำได้หลายวิธี แต่ต้องไม่ทำให้เจตน์จำนงทางการเมืองของพลเมืองไร้ความหมาย การเลือกตัวแทนเป็นมาตรการที่มีปัญหาแน่ ไม่เฉพาะแต่ในประเทศไทย แต่ในทุกประเทศ อย่างไรก็ตาม สามารถปรับได้แก้ได้ และเขาก็ปรับแก้กันทั้งโลกอยู่ในเวลานี้ รวมทั้งยังอาจต้องถูกปรับเปลี่ยนไปอีกมากเมื่อเทคโนโลยีดิจิตอลขยายตัวและพัฒนาไปมากขึ้นกว่านี้ จนกระทั่งการลงประชามติอาจทำได้ในราคาถูกและสะดวก บทบาทของตัวแทนในสภาอาจลดความสำคัญลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการอื่นๆ ที่สังคมประชาธิปไตยมักใช้เพื่อถ่วงดุล "ตัวแทน" ซึ่งไม่สมบูรณ์เวลานี้ เช่น ประกันอำนาจของท้องถิ่นในบางเรื่องเพื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ไม่ได้หมายถึง อบต., เทศบาล, อบจ.เพียงอย่างเดียว แต่ต้องรวมสภาของท้องถิ่นและองค์กรเอกชนในท้องถิ่นไว้ด้วย) สามารถตัดสินใจได้เองอย่างเป็นอิสระ การประกันสิทธิเสรีภาพของสื่อ, การสื่อสาร, การจัดองค์กร, การเคลื่อนไหวสาธารณะทุกชนิด, การเข้าถึงองค์กรของรัฐอย่างเท่าเทียม ฯลฯ อันเป็นสิทธิพลเมือง ก็มีส่วนในการทำให้ระบบ "ตัวแทน" มีอำนาจน้อยลง

แน่นอนว่าเสรีภาพของสังคมย่อมมีความสำคัญกว่า จึงต้องมีกฎหมายควบคุมการใช้เสรีภาพเหล่านี้ด้วย แต่กฎหมายประเภทนี้ต้องออกมาเพื่อปกป้องเสรีภาพของสังคม ไม่ใช่ออกมาเพื่อเพิ่มอำนาจรัฐหรืออำนาจข้าราชการ เช่น เสรีภาพในการสื่อสารย่อมกลายเป็นความไม่มีเสรีภาพ หากยังใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์ที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน กฎหมายหมิ่นประมาทและกระบวนการยุติธรรมทำให้การตรวจสอบถ่วงดุลทุนขนาดใหญ่ในประเทศไทยเกือบจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย

บรรทัดฐานประชาธิปไตยไม่ได้ทำให้เราไม่สามารถปรับแก้กระบวนการได้ตัวของมันเองได้ปรับแก้ตนเองมาโดยตลอดภายใต้บรรทัดฐานเดิมไม่มีความจำเป็นแต่อย่างไรที่จะระงับใช้บรรทัดฐานประชาธิปไตยเพื่อปรับแก้ประชาธิปไตย อันเป็นตรรกะที่ไม่มีแววเลยว่าจะนำเรากลับสู่บรรทัดฐานประชาธิปไตยได้อีก

ผมคงสามารถพูดถึงบรรทัดฐานของประชาธิปไตยซึ่งขาดไม่ได้(หากยังอยากเรียกตัวเองว่าประชาธิปไตยอยู่)กับกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนไปได้ตามความเหมาะสมของประสบการณ์ของสังคมไทยได้อีกมาก แต่คิดว่าพอแล้วสำหรับการทำความเข้าใจหลักการข้อนี้ ประชาธิปไตยแบบไทยจึงอาจเป็นจริงได้ แต่หากไม่แยกระหว่างบรรทัดฐานและกระบวนการให้ชัดในการร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะปรับเปลี่ยนกระบวนการจนสูญเสียบรรทัดฐานประชาธิปไตยไป และในกรณีเช่นนั้น ชื่อที่ตรงกว่าคือเผด็จการแบบไทย ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบไทย

ปัญหาของรัฐธรรมนูญใหม่อยู่ตรงนี้มากกว่าบอดสีหรือมีสี เพราะสีย่อมเกิดขึ้นได้ก็เฉพาะแต่เมื่อระบอบปกครองนั้นยังอยู่ในบรรทัดฐานของประชาธิปไตยเท่านั้น โดยตัวของมันเองไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจแต่อย่างใด 

สิ่งที่น่ารังเกียจกว่าคือการมองไม่เห็นว่าอะไรคือปัญหาของประเทศกันแน่ และการเอาปัญหาผิดๆ เหล่านั้นเป็นตัวตั้งเพื่อปรับแก้รัฐธรรมนูญจนละทิ้งบรรทัดฐานของประชาธิปไตย เพราะแยกไม่ออก (หรือไม่ยอมแยก) ระหว่างสิ่งที่เป็นบรรทัดฐานกับกระบวนการ ดังข้อเสนอพิลึกพิลั่นนานาชนิดที่ได้ยินอยู่เสมอจาก สปช., สนช., ที่ปรึกษา คสช. และ คสช.เองในช่วงนี้

ทรัพย์สิน ของกษัตริย์ คือ ทรัพย์สินของประชาชน......

ทรัพย์สิน ของกษัตริย์ คือ ทรัพย์สินของประชาชน..ระบอบกษัตริย์ จึงไม่ให้ ประชาชนตรวจสอบ และทรัพย์สินเหล่า นี้ นำเอาไป ฟอก หาผลประโยชน์ ต่อ ในธุรกิจ ใน-นอก ประเทศ ซึ่งใครจะตรวจสอบไม่ได้เลย..

ทรัพย์สินส่วนสัสฯ เริ่มต้นที่ได้มาจากการ ขูดรีด ยึดที่นา และเก็บภาษี อย่างแพง สืบทอดกันมา ตามระบอบของกษัตริย์ไทย และ ในปัจจุบัน ที่เห็นได้ชัด ราชวงศ์จักรี รับซอง จากการ ส่งส่วย ของบริษัตริย์ ใหญ่เพื่อผ่านทาง ของธุรกิจ นั้น ดังภาพ ที่เห็น ออกข่าวมีภาพ รับซองทุกคืน บริษัทไหน ที่ใช้คำว่า ถวายเงินเป็น ราชกุศล นั้นคือ บริษัท ส่งส่วย ให้ ระบอบ กษัตริย์ เอาไป พลาญใช้เงิน ไม่มาพัฒนา เหมือนดั่ง คำสร้างภาพ ของผู้ให้ ว่า ถวายเป็นพระราชกุศล

ความเห็นแก่ตัวของ ระบอบกษัตริย์ ที่เอาเปรียบ สร้างภาพ เป็นคนดี ขูดรีด กดขี่ ซ้ำยัง ส่งเสริม เหล่าบริวาร ข้าราช ให้ทำงาน ขูดรีด กดทับประชาชน ให้หาผลประโยชน์ แบ่งส่วน แล้ว ส่งเข้าวัง และพรางตนอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้ตน ยังอยู่ในการเทิดทูน พอได้แล้วระบอบกษัตริย์!!
..........
แท้จริงแล้ว ทรัพย์สิน ทั้ง 3 อย่าง แค่แยกความหมาย เพื่อ สร้างความชอบธรรม ให้ระบอบกษัตริย์ แต่แท้จริง ทั้งหมด นี้ คือ เงิน และ ทรัพย์สินของประชาชน ทั้งหมด
ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กับ "ทรัพย์สินราชวงศ์จักรี" กับ "ทรัพย์สินส่วนพระองค์ 



Sunday, November 27, 2016

อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 28 พ.ย. 2559 ตอน ระวังภัยร้ายจากเครือข่ายเปรม ในช่วงเปลี่ยนรัชกาล

อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 28 พ.ย. 2559 ตอน ระวังภัยร้ายจากเครือข่ายเปรม ในช่วงเปลี่ยนรัชกาล

---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 28 พ.ย. 2559 ตอน ระวังภัยร้ายจากเครือข่ายเปรม ในช่วงเปลี่ยนรัชกาล

อ. ชูพงศ์-ดร. เพียงดิน 28 พ.ย. 2559 ตอน ระวังภัยร้ายจากเครือข่ายเปรม ในช่วงเปลี่ยนรัชกาล

---------------------
***Download ร่างจดหมาย เพื่อส่งผู้นำนานาชาติต่าง ๆ ที่ http://tinyurl.com/gsetacg
***โปรดช่วยกันกระจายและส่งให้มากที่สุดนะครับ ขอบคุณครับ
สนับสนุนแนวทางมดแดงล้มช้าง ของ คณะราษฎรเสรีไทย กับ ดร. เพียงดิน 
ส่งข้อมูลลับผ่านช่องทางที่ปลอดภัยทางลิ้งค์ต่อไปนี้
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
****ลิ้งค์ล่าสุด  http://tinyurl.com/gssuvm2
และรายงานการปฏิบัติงานและความคืบหน้าเครือข่าย ได้ที่ 4everche@gmail.com
----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน เครือข่ายเปลี่ยนระบอบ และมหาวิทยาลัยประชาชน
เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน



ดร. เพียงดิน รักไทย 27 พ.ย. 2559 ตอน สงสารพระบรม และ สหรัฐ จะเสียท่า จีน ในไทย??


ดร. เพียงดิน รักไทย 27 พ.ย. 2559 ตอน สงสารพระบรม และ สหรัฐ จะเสียท่า จีน ในไทย??

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com 
โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  
4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก 





จนกว่าผงจะเข้าตา โดย ไทยรู้ทัน 27 พฤศจิกา 2559

จนกว่าผงจะเข้าตา

โดย ไทยรู้ทัน 27 พฤศจิกา 2559

แผ่นดินไทยมาถึงตรงนี้แตกแยกไม่มีชิ้นดี ทางเดียวที่จะกลับมาเหมือนเดิมได้ คือต้องผ่านการล้างด้วยเลือด ชำระความสกปรกด้วยไฟ อย่างนั้นหรือ? คนไทยต้องผ่านการสูญเสีย จนกว่าจะเป็นสังคมใหม่ที่สะอาดและผู้คนตระหนักถึงสิทธิความเป็นคน สิทธิและหน้าที่ของความเป็นประชาชนก่อน เช่นนั้นหรือ?

คนไทยนี้ไม่มีจิตสำนึก คนไทยนึกไม่ออก เพราะเหตุผลว่าสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเชื่อ เป็นสังคมห้ามคิด คนไทยคิดไม่ได้ เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดจะนึกถึงเหตุผล ว่าทำไมประเทศไทยจึงพายเรือในอ่าง ทำไมคนไทยยากจน นั่นเพราะผลมาจากระบบการปกครองที่เอาเปรียบ พวกเขาทนให้กดขี่ ทนให้ถูกเอาเปรียบ ทนให้ถูกสร้างความเหลื่อมล้ำอยุติธรรมต่างๆ คนไทยคนไหนเป็นคนคิดได้ ก็ถูกห้ามคิด ห้ามพูด ห้ามแสดงออก ทางออกของคนไทยนี้จึงต้องให้คนไทยรู้สึกสำนึกได้ด้วยตัวเอง แล้วออกมาปกป้องตนเอง

คนไทยไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ผงใดไม่เข้าตา ข้าก็ไม่เจ็บ ผงที่เจ็บที่สุดคือผงที่เข้าตากู คนไทยเลยต้องทนอยู่แบบที่เป็นตอนนี้นี่ไงครับ พี่น้อง!!

อยากเห็นฟ้าใหม่ ที่มีสีทองผ่องอำไพ ประชาชนคนไทยต้องตื่นรู้ ไม่ใช่อุดอู้อยู่กับความงมงาย ลุ่มหลง เขาพร่ำสอนให้รัก ให้เชื่อ ให้ปลง จึงหลงอยู่กับคำว่า "พอเพียง" โอมเพี้ยง!!!!! จึงไม่เพียงพอ ที่จะรอวันกะลาเปิด คนไทยต้องเกิดกลียุค ยากจน อดอยากจนถึงที่สุด ผงต้องเข้าตาทุกคนที่เป็นผู้ถูกกดขี่บีฑา ถูกเอาเปรียบ วังวนวงจรอุบาทว์ จะถูกตั้งคำถาม แล้วตามมาด้วยความเปลี่ยนแปลง นั่นคือตาสว่างแจ่มแจ้ง ทั้งแผ่นดิน ต้องล้างให้สิ้นความอยุติธรรม นั่นคือ เซ็ตซีโร่ จริงๆ แล้วสิ่งที่ต้องสร้างถัดมาคือประชาธิปไตย ธรรมนูญใหม่จะถูกสร้างขึ้นจากประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน เป็นสัญญาแห่งประชาชน คือสัญญาประชาคม เมื่อความยุติธรรมที่เป็นความยุติธรรมก่อเกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย ความอัปรีย์จัญไร จะหมดไป

จนกว่าผงจะเข้าตา https://thaipeople4republic.wordpress.com/2016/11/27/underground/