Saturday, March 7, 2015

ตัวแทนองค์การเสรีไทยฯ และภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ร่วมพูดคุยเรื่องการเมืองไทยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

6 มีนาคม 2558 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด  โปรแกรมไทยศึกษา ได้จัดประชุมแลกเปลี่ยนความรู้และความเห็น (Forum) ในหัวข้อ Human Rights & Everyday Governance in Thailand: Past, Present, and Future

ในการนี้ ผู้ก่อตั้งและอำนวยการโปรแกรมไทยศึกษา ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด  Professor Dr. Michael Herzfeld ได้เชิญนักวิชาการทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มีความสนใจเรื่องปัญหาในประเทศไทย มาร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนกัน บนความเชื่อที่ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยวันนี้ มันยุ่งยากและทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่สุด โดยไม่มีแนวโน้มว่าจะพบทางออกใด ๆ ได้ง่าย ๆ หากไม่มีการเปิดบทสนทนา ที่ให้โอกาสคนที่เห็นต่างในหมู่คนไทยที่หลากหลาย ได้มานั่งพูดคุยกันอย่างเปิดอก สร้างสรรค์ และเป็นพี่น้องกัน โดยใช้เวทีแห่งเสรีภาพทางวิชาการในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อระดับโลกแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้น

ดร.เพียงดิน รักไทย ในฐานะประธานบริหารภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน (Thai Alliance for Human Rights และอธิการบดีมหาวิทยาลัยประชาชน (Thai People's Revolutionary University for Democracy) ร่วมกับ ดร.จารุวงศ์ เรืองสุวรรณ บุตรท่านจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ในฐานะตัวแทนขององค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย (The Organization of FreeThais for Human Rights and Democracy) ได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้รับโอกาสให้พูดก่อนมีการสรุปประจำวัน โดยทั้งสองท่าน เห็นตรงกันว่า ปัญหาประเทศไทย ต้องมีการพูดคุยกันอย่างเปิดใจ ไม่มองกันเป็นศัตรู โดยองค์การเสรีไทยฯ และองค์กรที่ดร.เพียงดิน ดูแลอยู่นั้น จะร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศด้วยวิถีทางประชาธิปไตยและสันติวิธี โดยจะเน้นการเผยแพร่องค์ความรู้และความจริง และการชี้แจงให้นานาชาติรับทราบ และให้ความช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนอีกครั้ง อันจะนำไปสู่สงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบในที่สุด

โดยค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าที่พักของทั้งสองท่าน ได้รับการอุปการะโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อให้โอกาสเสียงที่ถูกปิดกั้นได้มีโอกาสแสดงออก  ทั้งนี้ มีการเชิญตัวแทนจากสถานเอกอัครราชฑูตไทย ประจำกรุงวอชิงตันดีซีให้เข้าร่วมได้ แต่น่าเสียดาย ที่มีรายงานว่า ตัวแทนรัฐบาลทหารไทย ไม่สามารถเดินทางออกจากกรุงวอชิงตันดีซีได้ เพราะอากาศที่เป็นอุปสรรค

พบกับการสรุปเรื่องราวต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ในโอกาสต่อไป

(หมายเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้เข้าร่วมแสดงความเห็น จึงไม่มีการอนุญาตให้ถ่ายภาพหรือบันทึกเสียงจากห้องเสวนา)


























ตัวแทนองค์การเสรีไทยฯ และภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ร่วมพูดคุยเรื่องการเมืองไทยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

6 มีนาคม 2558 ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด  โปรแกรมไทยศึกษา ได้จัดประชุมแลกเปลี่ยนความรู้และความเห็น (Forum) ในหัวข้อ Human Rights & Everyday Governance in Thailand: Past, Present, and Future

ในการนี้ ผู้ก่อตั้งและอำนวยการโปรแกรมไทยศึกษา ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด  Professor Dr. Michael Herzfeld ได้เชิญนักวิชาการทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มีความสนใจเรื่องปัญหาในประเทศไทย มาร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนกัน บนความเชื่อที่ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยวันนี้ มันยุ่งยากและทำให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่สุด โดยไม่มีแนวโน้มว่าจะพบทางออกใด ๆ ได้ง่าย ๆ หากไม่มีการเปิดบทสนทนา ที่ให้โอกาสคนที่เห็นต่างในหมู่คนไทยที่หลากหลาย ได้มานั่งพูดคุยกันอย่างเปิดอก สร้างสรรค์ และเป็นพี่น้องกัน โดยใช้เวทีแห่งเสรีภาพทางวิชาการในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อระดับโลกแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้น

ดร.เพียงดิน รักไทย ในฐานะประธานบริหารภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน (Thai Alliance for Human Rights และอธิการบดีมหาวิทยาลัยประชาชน (Thai People's Revolutionary University for Democracy) ร่วมกับ ดร.จารุวงศ์ เรืองสุวรรณ บุตรท่านจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ในฐานะตัวแทนขององค์การเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย (The Organization of FreeThais for Human Rights and Democracy) ได้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้รับโอกาสให้พูดก่อนมีการสรุปประจำวัน โดยทั้งสองท่าน เห็นตรงกันว่า ปัญหาประเทศไทย ต้องมีการพูดคุยกันอย่างเปิดใจ ไม่มองกันเป็นศัตรู โดยองค์การเสรีไทยฯ และองค์กรที่ดร.เพียงดิน ดูแลอยู่นั้น จะร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศด้วยวิถีทางประชาธิปไตยและสันติวิธี โดยจะเน้นการเผยแพร่องค์ความรู้และความจริง และการชี้แจงให้นานาชาติรับทราบ และให้ความช่วยเหลือเพื่อไม่ให้เกิดการเข่นฆ่าประชาชนอีกครั้ง อันจะนำไปสู่สงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบในที่สุด

โดยค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าที่พักของทั้งสองท่าน ได้รับการอุปการะโดยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เพื่อให้โอกาสเสียงที่ถูกปิดกั้นได้มีโอกาสแสดงออก  ทั้งนี้ มีการเชิญตัวแทนจากสถานเอกอัครราชฑูตไทย ประจำกรุงวอชิงตันดีซีให้เข้าร่วมได้ แต่น่าเสียดาย ที่มีรายงานว่า ตัวแทนรัฐบาลทหารไทย ไม่สามารถเดินทางออกจากกรุงวอชิงตันดีซีได้ เพราะอากาศที่เป็นอุปสรรค

พบกับการสรุปเรื่องราวต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ในโอกาสต่อไป

(หมายเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อผู้เข้าร่วมแสดงความเห็น จึงไม่มีการอนุญาตให้ถ่ายภาพหรือบันทึกเสียงจากห้องเสวนา)


























Wednesday, March 4, 2015

เณรน้อยขอพูด: ความจริงและความหวังดีจาก ดร.เพียงดิน รักไทย ถึงพี่น้องร่วมอุดมการณ์



เณรน้อยขอพูด: ความจริงและความหวังดีจาก ดร.เพียงดิน รักไทย ถึงพี่น้องร่วมอุดมการณ์

เณรน้อยขอพูด: ความจริงและความหวังดีจาก ดร.เพียงดิน รักไทย ถึงพี่น้องร่วมอุดมการณ์



เณรน้อยขอพูด: ความจริงและความหวังดีจาก ดร.เพียงดิน รักไทย ถึงพี่น้องร่วมอุดมการณ์

Tuesday, March 3, 2015

ความจริง ที่เผด็จการทหารของพระราชาและเครือข่ายหลอกลวงชาวโลกไม่ได้

ความพยายามของฝ่ายเผด็จการทหารเพื่อพระราชาและเครือข่าย ที่เป็นวัวสันหลังหวะ เป็นผู้ร้าย เป็นโจรที่พยายามจำแลงตัวเป็นพระ เจ้าอาวาส​ ฯลฯ

ผมกำลังร่างหนังสือ สะท้อนความคิดของพี่น้องไทย ในเวทีโลกระดับต่าง ๆ
ว่าท่านคิดอย่างไรกับตัวแทนเผด็จการไทยวันนี้ จะฟ้อง จะบอกอะไรชาวโลก
มีตัวเลข สถิติ และประเด็นใดบ้าง ควรสื่อให้ชาวโลกทราบ


ขอพี่น้องช่วยกันตกแต่งข้อเขียนสำหรับหนังสือนี้ ข้างล่าง ตรง Comment นะครับ

ขอบคุณครับ


piangdin
3 มีนาคม  2558

-----------------------------------------------------------
สิ่งที่เผด็จการในเครือข่ายพระราชาหลอกลวงชาวโลก และความตอแหลที่ดำรงอยู่มานาน


  • กษัตริย์ภูมิพลเป็นประมุขประบอบระชาธิปไตย แต่อนุมัติให้ทหารของตนฉีกรัฐธรรมนูญบ่อยที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก
  • อ้างว่า เป็นกษัตริย์ที่ประชาชนทุกคนรัก เพราะมีบุญบารมีและทำดีไว้มากกว่าใครในแผ่นดิน แต่กลับเขียนกฎหมายห้ามวิพากษ์ วิจารณ์ หรือฟ้องร้อง
  • ร่ำรวยสุดในบรรดาประมุขและพระราชาของโลก แต่ชูนโยบายพอเพียง รับเงินบริจาคจากประชาชนอย่างหน้าไม่อาย แถมเห็นแก่ตัวด้วยการเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้จำนวนมหาศาลทั้งทางตรงและทางอ้อม และไม่เคยเปิดเผยทรัพย์สิน รายได้ และการเสียภาษีอย่างโปร่งใส
  • ความรวยกระจุกจนกระจาย เริ่มต้นมาจากวิธีการกินรวบของเจ้าไทยและชนชั้นอภิสิทธิ์จำนวนนิดเดียว โดยกษัตริย์ภูมิพล มีความมั่งคั่งมากกว่าประชาชนคนไทยทุกคนโดยเฉลี่ย ถึง 5,400,00,000,000 ล้านเท่า
  • มีการฆ่าประชาชนโดยทหารของพระราชาและผู้จงรักภักดีครั้งใหญ่ ๆ หลายครั้งในรัชกาลที่ 9 และมีคนบาดเจ็บและตายมหาศาล แต่คนก่อการ ไม่เคยได้รับผิด แถมได้รับนิรโทษกรรมอย่างง่ายดายทุกครั้ง
  • เครือข่ายเผด็จการพระราชาไทย ได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการกดขี่และละเมิดสิทธิมนุษยชนสากลของคนไทย  อันได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  พรบ.คอมฯ​ 2550 กฎอัยการศึก แถมยังมีองค์กรอิสระและตุลาการในเครือข่ายที่บิดเบือนความเป็นธรรมที่ประชาชนไทยควรจะได้รับตามระบบสากล

ความจริง ที่เผด็จการทหารของพระราชาและเครือข่ายหลอกลวงชาวโลกไม่ได้

ความพยายามของฝ่ายเผด็จการทหารเพื่อพระราชาและเครือข่าย ที่เป็นวัวสันหลังหวะ เป็นผู้ร้าย เป็นโจรที่พยายามจำแลงตัวเป็นพระ เจ้าอาวาส​ ฯลฯ

ผมกำลังร่างหนังสือ สะท้อนความคิดของพี่น้องไทย ในเวทีโลกระดับต่าง ๆ
ว่าท่านคิดอย่างไรกับตัวแทนเผด็จการไทยวันนี้ จะฟ้อง จะบอกอะไรชาวโลก
มีตัวเลข สถิติ และประเด็นใดบ้าง ควรสื่อให้ชาวโลกทราบ


ขอพี่น้องช่วยกันตกแต่งข้อเขียนสำหรับหนังสือนี้ ข้างล่าง ตรง Comment นะครับ

ขอบคุณครับ


piangdin
3 มีนาคม  2558

-----------------------------------------------------------
สิ่งที่เผด็จการในเครือข่ายพระราชาหลอกลวงชาวโลก และความตอแหลที่ดำรงอยู่มานาน


  • กษัตริย์ภูมิพลเป็นประมุขประบอบระชาธิปไตย แต่อนุมัติให้ทหารของตนฉีกรัฐธรรมนูญบ่อยที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก
  • อ้างว่า เป็นกษัตริย์ที่ประชาชนทุกคนรัก เพราะมีบุญบารมีและทำดีไว้มากกว่าใครในแผ่นดิน แต่กลับเขียนกฎหมายห้ามวิพากษ์ วิจารณ์ หรือฟ้องร้อง
  • ร่ำรวยสุดในบรรดาประมุขและพระราชาของโลก แต่ชูนโยบายพอเพียง รับเงินบริจาคจากประชาชนอย่างหน้าไม่อาย แถมเห็นแก่ตัวด้วยการเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้จำนวนมหาศาลทั้งทางตรงและทางอ้อม และไม่เคยเปิดเผยทรัพย์สิน รายได้ และการเสียภาษีอย่างโปร่งใส
  • ความรวยกระจุกจนกระจาย เริ่มต้นมาจากวิธีการกินรวบของเจ้าไทยและชนชั้นอภิสิทธิ์จำนวนนิดเดียว โดยกษัตริย์ภูมิพล มีความมั่งคั่งมากกว่าประชาชนคนไทยทุกคนโดยเฉลี่ย ถึง 5,400,00,000,000 ล้านเท่า
  • มีการฆ่าประชาชนโดยทหารของพระราชาและผู้จงรักภักดีครั้งใหญ่ ๆ หลายครั้งในรัชกาลที่ 9 และมีคนบาดเจ็บและตายมหาศาล แต่คนก่อการ ไม่เคยได้รับผิด แถมได้รับนิรโทษกรรมอย่างง่ายดายทุกครั้ง
  • เครือข่ายเผด็จการพระราชาไทย ได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการกดขี่และละเมิดสิทธิมนุษยชนสากลของคนไทย  อันได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112  พรบ.คอมฯ​ 2550 กฎอัยการศึก แถมยังมีองค์กรอิสระและตุลาการในเครือข่ายที่บิดเบือนความเป็นธรรมที่ประชาชนไทยควรจะได้รับตามระบบสากล

พระเจ้าแผ่นดินไทย กับ ที่ดินมหาศาลทั่วประเทศ!!!



พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อนี้บอกอะไรได้มากมาย
ล่วงมาจนปลายรัชกาลที่  9 ท่านครองผืนดินมากมายขนาดไหน?
มีผลกระทบต่อประชาชนและประเทศด้านใดบ้าง อย่างไร?



พระเจ้าแผ่นดินไทย กับ ที่ดินมหาศาลทั่วประเทศ!!!



พระเจ้าแผ่นดิน ชื่อนี้บอกอะไรได้มากมาย
ล่วงมาจนปลายรัชกาลที่  9 ท่านครองผืนดินมากมายขนาดไหน?
มีผลกระทบต่อประชาชนและประเทศด้านใดบ้าง อย่างไร?



คันฉ่องส่องตนและคนรอบข้าง โดย ดร.เพียงดิน รักไทย

กรณีคลิปหลุด ผมได้อธิบายอย่างซื่อสัตย์และจริงใจที่สุดไปแล้ว ในคลิปที่ดำเนินรายการโดย พี่อเนก ซานฟราน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม  2558 ที่ผ่านมา และได้สัญญากับพี่น้องและพี่อเนกผ่านรายการไปแล้วว่า จะไม่พูดอีกในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นคุณกับขบวนการต่อสู้เพื่อโค่นล้มเผด็จการแล้วสร้างประชาธิปไตย
---------------------------------[รับฟังย้อนหลังได้ที่นี่เบื้องหลัง คลิปหลุด ป้าเพ็ญ-ดร.เพียงดิน ดำเนินรายการโดย อเนก ซานฟราน 3 มีนาคม 2558http://youtu.be/78Jar6c1-UMhttp://youtu.be/wjUnojB1OE0
http://www.mediafire.com/listen/u6nufstyy9cbosv/AnekSanFran-DrPaingdin-2015-3-2_.mp3ขอแสดงความในใจ ต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์]---------------------------------


ผมเชื่อว่า สถานการณ์วัดค่าและตัวตนของคนได้  คนระดับต่าง ๆ จะมีความสามารถในการซ่อนตัวตน หรือความคิด หรือจุดยืนของตนในระดับที่ไม่เหมือนกัน  บางกลุ่มจะซ่อนเงื่อน หรือทำเนียน หรือปิดบังความคิดที่แท้จริงได้สนิท หรือไม่มีหลุดง่าย ๆ เพื่อรักษาประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม   บางพวกพยายามเป็นแบบแรก โดยใช้วาทกรรมในการออกตัวและสาธยายอำพราง แต่จะไม่สามารถปิดบังได้เหมือนพวกแรก เพราะพวกเขาจะไม่นิ่งหรือจิตใจอาจจะขุ่นมัว หรือตัวตนอาจจะไม่มี character ของคนใจกว้างหรือใจใหญ่  ดังนั้นพวกนี้จะมีบทบาทในการแสดงออก (โชว์โง่)มากกว่าคนกลุ่มแรก และมักจะแสดงออกแบบยืดเยื้อ ไม่หยุดง่ายเพราะจะต้องพยายามอธิบายช่องโหว่ในวาทกรรมของตนเองไปด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดพวกนี้จะต้องพยายามปิดอัตตาตัวเอง ที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ต้องคอยกลบหรือล้างไปด้วย สรุปว่า สองกลุ่มแรกนี้จะต่างกันตรงระดับความดีงามของจิตใจพื้นฐาน (เช่นความใจกว้าง ความยุติธรรม ความเมตตา มุทิตาจิต ฯลฯ) และintellectual quality ซึ่งเป็นตัวตัดสินว่า จะพูดอะไร เมื่อใด แค่ไหน คุ้มค่าหรือไม่ ฯลฯ

ในอีกฝากหนึ่ง พวกสุดโต่งหรือสุดขั้ว จะเป็นผู้ที่ไม่มีการยั้งคิด ยั้งคำ หรือพยายามซ่อนตัวตน พวกนี้จะไม่พูดยาวเหมือนพวกที่สองข้างบน แต่จะเป็นกลุ่มมีความแตกต่างในสาระประโยชน์ คนพวกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนตรงเป็นคนมีจิตใจรักความเป็นธรรม มีเมตตาอารีย์ และจริงใจ ดังนั้น จะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนสองพวกแรก  พวกนี้อาจจะมีประโยชน์มากในบางเรื่องที่สังคมพยายามเลี่ยงโดยอาจจะทำให้ปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรมโผล่ออกมา ทำให้ให้สามารถเก็บกวาดปัญหาได้  แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า สังคมในวงที่พวกเขาอยู่นั้น จะจัดการปัญหาร่วมกันได้ดีเพียงใด
มีความสามารถในการจัดการกับปัญหา ให้มันสร้างผลบวกมากกว่าผลลบได้อย่างไร และนี่แหละเป็นปัญหาสำคัญของสังคมด้อยพัฒนาทางศีลธรรมจรรยาและทางสติปัญญา (moral and intellectual development)

การแบ่งกลุ่มมนุษย์แบบที่ผมแยกข้างบนนี้ เป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยนิยมทำ เพราะมนุษย์มันมีอะไรซับซ้อน ไม่ใช่จะสามารถจับเอามาแยกเป็นกอง ๆ ในมิติใดมิติหนึ่งแล้ว จะเป็นกองเดียวกันตลอดไป
ในเชิงการเมืองนั้น การยั้งคิด ความดีงามของจิตใจ ความใสของอุดมการณ์ และประโยชน์ของ
การคงอยู่ในวงสังคมใด ๆ นั้น เมื่อเอามารวมกัน แล้วให้แต่ละคนแสดงออกในการตอบสนอง
ต่อสภาวะต่าง ๆ  คน ๆ หนึ่งที่อาจจะมีลักษณะตรงกับคนอีกคนหนึ่งในบางด้าน อาจจะมีลักษณะประกอบด้านอื่น ๆที่ต่างกัน ก็จะทำอะไรในสภาวะต่าง ๆ ชนิดที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ได้ นี่รวมถึงศักยภาพในการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อการพัฒนาตัวเองไปด้วย  การเรียนรู้ไม่จบสิ้น คนแก่หนุ่ม หากไม่หยุดเรียนรู้ ก็จะสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้เสมอ

















วิเคราะห์คนคร่าว ๆ แบบหยาบ ๆ ไปแล้ว อยากจะสรุปบทเรียนสำหรับตัวเองจากสถานการณ์ต่าง ๆ
บนเส้นทางการต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมาร่วมกับพี่น้องไทยดังนี้
  • ประโยชน์ของคน อาจจะไม่ได้มาจากดีกรี หรือตำแหน่งที่เคยทำมาว่าเลิศเลอปานใด แต่

หลายครั้งเราสามารถกำหนดระดับของประโยขน์ได้จากความดีงามของจิตใจและความยืดหยุ่นที่เผื่อสำหรับการเรียนรู้ของบุคคลนั้น ๆ มากกว่า
  • อัตตา ซึ่งถูกกำหนดด้วยความโลภ โกรธ และหลง จะเป็นตัวบั่นทอนศักยภาพของคน คือ แม้คนจะมีพรสวรรค์ที่มีค่าเพียงใด ก็อาจจะเป็นตัวสร้างสิ่งเป็นโทษได้ หากอัตตาถูกชูและกำกับโดยกิเลส หรือยาพิษสามตัวนี้
  • มิตรที่จริงใจ พิสูจน์ได้จากสถานการณ์วิกฤติ  และศัตรูที่อยู่ในหมู่มิตร พิสูจน์ได้ในยามทีเราเพลี่ยงพล้ำ
  • คนข้างตัวที่ต้องระวังที่สุด คือคนที่อัตตาสูง จดจำเรื่องเล็กน้อย อาฆาต และจ้องเอาคืนในทุกโอกาส
  • คนที่รู้มาก หากนำมาใช้ไม่ได้ และหลงอยู่กับความรู้ อาจจะเป็นคนที่ใจแคบที่สุด แต่เขาอาจจะสามารถเอาหลักการมากลบเกลื่อนความใจแคบของตน โดยคนพวกนี้ จะไม่รู้ว่า อัตตาของตนมันครอบสมองและหัวใจของตนอยู่ จนความรู้ท่วมหัว เอาตัวไปทำประโยชน์ให้ใครไม่ค่อยได้จริง
  • งานใหญ่จะมีอุปสรรคเพราะ: พวกใจแคบ เห็นแก่ตัว (มีอัตตาสูง) วุฒิภาวะต่ำ ขี้อิจฉา และมีผลสำคัญมาจากความสามารถในการวินิจฉัยหรือตีความสิ่งต่าง ๆ ในระดับต่ำ
  • มิตรที่ขาดลักษณะสำคัญ​ๆ ดังกล่าว ข้างต้น อาจจะเป็นอันตรายมากกว่าศัตรูที่มีลักษณะเดียวกัน
  • มิตรที่มีลักษณะด้อยที่กล่าวมามากเท่าใด จะเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นเมื่อเขาแสดงตัวตนออกมาในยามวิกฤติหรือยามที่พวกเขาถูกกระทบโดยตรง
  • มิตรแท้ ไม่เรียกร้องคำขอโทษจากมิตร  ส่วนศัตรูในร่างมิตรนั้น ต่อให้ขอโทษ
  • มิตรแท้ มีค่ายิ่งกว่าเพชร จงยอมอุทิศทุกอย่างที่มีค่า เช่นเวลา น้ำใจ น้ำคำ และกำลังกาย (ฯลฯ) เพื่อรักษามิตรแท้เอาไว้
  • ในที่สุดแล้ว เราต้องเลือกคิด พูด และทำเฉพาะสิ่งที่สร้างสรรค์ และทำให้ชีวิตสูงขึ้น (ไม่ใช่เชิงผลประโยชน์)
  • อย่าเสียเวลากับคน ประเด็น และกิจกรรมต่อไปนี้: กิจกรรมที่ทำลายล้างมากกว่าสร้างสรรค์ ที่สร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา และที่สร้างภาระอันไร้ประโยชน์มากกว่าสร้างสรรค์ผลงาน
  • คิดการใหญ่ ปัญหาใหญ่ต้องให้มันเล็ก ปัญหาเล็ก ๆ ต้องมองข้าม ยกเว้นแต่ว่า ปัญหาเหล่านั้น มันเลี่ยงไม่ได้เพราะปล่อยไว้การใหญ่จะเสีย (ขอบคุณคุณอาคม ที่ได้พูดถึงเรื่องนี้บ่อย ๆ)

โปรดทราบว่า ที่เขียนนี้ ผมรำพึงส่วนตัว ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงผู้ใด ใครอ่านแล้วได้ประโยชน์ ก็จะยินดี  แต่หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่าถูกกระทบ ก็ต้องโทษตัวเองนะครับ ฮิ ๆ  เพราะผมไม่ได้จงใจกล่าวถึงใครโดยเฉพาะเลย หากยังคิดว่า ผมเขียนพาดพิงหรือกระทบถึงท่าน แสดงว่าท่านมีปัญหาต้องสะสางตัวเองด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ ผมให้ได้แค่คันฉ่องส่วนพระองค์ของผมเอง แฮ่ ๆ




Credit: Image: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgafsjAJ5BS5-_8-jreIwhbqs6NR-vKXrnNPudstNOa8fq5-zqRfwpZjWPN2Q0avnl1tu230WA5s6u_jPziiMdCcF0XeYsvsq4VB82V_55ypJ2ua15GxWrmBFaphBrxtM-6bQr9a8j6IUE/s1600/the+root+of+suffering.jpg



คันฉ่องส่องตนและคนรอบข้าง โดย ดร.เพียงดิน รักไทย

กรณีคลิปหลุด ผมได้อธิบายอย่างซื่อสัตย์และจริงใจที่สุดไปแล้ว ในคลิปที่ดำเนินรายการโดย พี่อเนก ซานฟราน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม  2558 ที่ผ่านมา และได้สัญญากับพี่น้องและพี่อเนกผ่านรายการไปแล้วว่า จะไม่พูดอีกในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นคุณกับขบวนการต่อสู้เพื่อโค่นล้มเผด็จการแล้วสร้างประชาธิปไตย
---------------------------------[รับฟังย้อนหลังได้ที่นี่เบื้องหลัง คลิปหลุด ป้าเพ็ญ-ดร.เพียงดิน ดำเนินรายการโดย อเนก ซานฟราน 3 มีนาคม 2558http://youtu.be/78Jar6c1-UMhttp://youtu.be/wjUnojB1OE0
http://www.mediafire.com/listen/u6nufstyy9cbosv/AnekSanFran-DrPaingdin-2015-3-2_.mp3ขอแสดงความในใจ ต่อเพื่อนร่วมอุดมการณ์]---------------------------------


ผมเชื่อว่า สถานการณ์วัดค่าและตัวตนของคนได้  คนระดับต่าง ๆ จะมีความสามารถในการซ่อนตัวตน หรือความคิด หรือจุดยืนของตนในระดับที่ไม่เหมือนกัน  บางกลุ่มจะซ่อนเงื่อน หรือทำเนียน หรือปิดบังความคิดที่แท้จริงได้สนิท หรือไม่มีหลุดง่าย ๆ เพื่อรักษาประโยชน์ส่วนตนและส่วนรวม   บางพวกพยายามเป็นแบบแรก โดยใช้วาทกรรมในการออกตัวและสาธยายอำพราง แต่จะไม่สามารถปิดบังได้เหมือนพวกแรก เพราะพวกเขาจะไม่นิ่งหรือจิตใจอาจจะขุ่นมัว หรือตัวตนอาจจะไม่มี character ของคนใจกว้างหรือใจใหญ่  ดังนั้นพวกนี้จะมีบทบาทในการแสดงออก (โชว์โง่)มากกว่าคนกลุ่มแรก และมักจะแสดงออกแบบยืดเยื้อ ไม่หยุดง่ายเพราะจะต้องพยายามอธิบายช่องโหว่ในวาทกรรมของตนเองไปด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดพวกนี้จะต้องพยายามปิดอัตตาตัวเอง ที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ต้องคอยกลบหรือล้างไปด้วย สรุปว่า สองกลุ่มแรกนี้จะต่างกันตรงระดับความดีงามของจิตใจพื้นฐาน (เช่นความใจกว้าง ความยุติธรรม ความเมตตา มุทิตาจิต ฯลฯ) และintellectual quality ซึ่งเป็นตัวตัดสินว่า จะพูดอะไร เมื่อใด แค่ไหน คุ้มค่าหรือไม่ ฯลฯ

ในอีกฝากหนึ่ง พวกสุดโต่งหรือสุดขั้ว จะเป็นผู้ที่ไม่มีการยั้งคิด ยั้งคำ หรือพยายามซ่อนตัวตน พวกนี้จะไม่พูดยาวเหมือนพวกที่สองข้างบน แต่จะเป็นกลุ่มมีความแตกต่างในสาระประโยชน์ คนพวกนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนตรงเป็นคนมีจิตใจรักความเป็นธรรม มีเมตตาอารีย์ และจริงใจ ดังนั้น จะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนสองพวกแรก  พวกนี้อาจจะมีประโยชน์มากในบางเรื่องที่สังคมพยายามเลี่ยงโดยอาจจะทำให้ปัญหาที่ซุกอยู่ใต้พรมโผล่ออกมา ทำให้ให้สามารถเก็บกวาดปัญหาได้  แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า สังคมในวงที่พวกเขาอยู่นั้น จะจัดการปัญหาร่วมกันได้ดีเพียงใด
มีความสามารถในการจัดการกับปัญหา ให้มันสร้างผลบวกมากกว่าผลลบได้อย่างไร และนี่แหละเป็นปัญหาสำคัญของสังคมด้อยพัฒนาทางศีลธรรมจรรยาและทางสติปัญญา (moral and intellectual development)

การแบ่งกลุ่มมนุษย์แบบที่ผมแยกข้างบนนี้ เป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยนิยมทำ เพราะมนุษย์มันมีอะไรซับซ้อน ไม่ใช่จะสามารถจับเอามาแยกเป็นกอง ๆ ในมิติใดมิติหนึ่งแล้ว จะเป็นกองเดียวกันตลอดไป
ในเชิงการเมืองนั้น การยั้งคิด ความดีงามของจิตใจ ความใสของอุดมการณ์ และประโยชน์ของ
การคงอยู่ในวงสังคมใด ๆ นั้น เมื่อเอามารวมกัน แล้วให้แต่ละคนแสดงออกในการตอบสนอง
ต่อสภาวะต่าง ๆ  คน ๆ หนึ่งที่อาจจะมีลักษณะตรงกับคนอีกคนหนึ่งในบางด้าน อาจจะมีลักษณะประกอบด้านอื่น ๆที่ต่างกัน ก็จะทำอะไรในสภาวะต่าง ๆ ชนิดที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ได้ นี่รวมถึงศักยภาพในการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อการพัฒนาตัวเองไปด้วย  การเรียนรู้ไม่จบสิ้น คนแก่หนุ่ม หากไม่หยุดเรียนรู้ ก็จะสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้เสมอ

















วิเคราะห์คนคร่าว ๆ แบบหยาบ ๆ ไปแล้ว อยากจะสรุปบทเรียนสำหรับตัวเองจากสถานการณ์ต่าง ๆ
บนเส้นทางการต่อสู้ทางการเมืองที่ผ่านมาร่วมกับพี่น้องไทยดังนี้
  • ประโยชน์ของคน อาจจะไม่ได้มาจากดีกรี หรือตำแหน่งที่เคยทำมาว่าเลิศเลอปานใด แต่

หลายครั้งเราสามารถกำหนดระดับของประโยขน์ได้จากความดีงามของจิตใจและความยืดหยุ่นที่เผื่อสำหรับการเรียนรู้ของบุคคลนั้น ๆ มากกว่า
  • อัตตา ซึ่งถูกกำหนดด้วยความโลภ โกรธ และหลง จะเป็นตัวบั่นทอนศักยภาพของคน คือ แม้คนจะมีพรสวรรค์ที่มีค่าเพียงใด ก็อาจจะเป็นตัวสร้างสิ่งเป็นโทษได้ หากอัตตาถูกชูและกำกับโดยกิเลส หรือยาพิษสามตัวนี้
  • มิตรที่จริงใจ พิสูจน์ได้จากสถานการณ์วิกฤติ  และศัตรูที่อยู่ในหมู่มิตร พิสูจน์ได้ในยามทีเราเพลี่ยงพล้ำ
  • คนข้างตัวที่ต้องระวังที่สุด คือคนที่อัตตาสูง จดจำเรื่องเล็กน้อย อาฆาต และจ้องเอาคืนในทุกโอกาส
  • คนที่รู้มาก หากนำมาใช้ไม่ได้ และหลงอยู่กับความรู้ อาจจะเป็นคนที่ใจแคบที่สุด แต่เขาอาจจะสามารถเอาหลักการมากลบเกลื่อนความใจแคบของตน โดยคนพวกนี้ จะไม่รู้ว่า อัตตาของตนมันครอบสมองและหัวใจของตนอยู่ จนความรู้ท่วมหัว เอาตัวไปทำประโยชน์ให้ใครไม่ค่อยได้จริง
  • งานใหญ่จะมีอุปสรรคเพราะ: พวกใจแคบ เห็นแก่ตัว (มีอัตตาสูง) วุฒิภาวะต่ำ ขี้อิจฉา และมีผลสำคัญมาจากความสามารถในการวินิจฉัยหรือตีความสิ่งต่าง ๆ ในระดับต่ำ
  • มิตรที่ขาดลักษณะสำคัญ​ๆ ดังกล่าว ข้างต้น อาจจะเป็นอันตรายมากกว่าศัตรูที่มีลักษณะเดียวกัน
  • มิตรที่มีลักษณะด้อยที่กล่าวมามากเท่าใด จะเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นเมื่อเขาแสดงตัวตนออกมาในยามวิกฤติหรือยามที่พวกเขาถูกกระทบโดยตรง
  • มิตรแท้ ไม่เรียกร้องคำขอโทษจากมิตร  ส่วนศัตรูในร่างมิตรนั้น ต่อให้ขอโทษ
  • มิตรแท้ มีค่ายิ่งกว่าเพชร จงยอมอุทิศทุกอย่างที่มีค่า เช่นเวลา น้ำใจ น้ำคำ และกำลังกาย (ฯลฯ) เพื่อรักษามิตรแท้เอาไว้
  • ในที่สุดแล้ว เราต้องเลือกคิด พูด และทำเฉพาะสิ่งที่สร้างสรรค์ และทำให้ชีวิตสูงขึ้น (ไม่ใช่เชิงผลประโยชน์)
  • อย่าเสียเวลากับคน ประเด็น และกิจกรรมต่อไปนี้: กิจกรรมที่ทำลายล้างมากกว่าสร้างสรรค์ ที่สร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา และที่สร้างภาระอันไร้ประโยชน์มากกว่าสร้างสรรค์ผลงาน
  • คิดการใหญ่ ปัญหาใหญ่ต้องให้มันเล็ก ปัญหาเล็ก ๆ ต้องมองข้าม ยกเว้นแต่ว่า ปัญหาเหล่านั้น มันเลี่ยงไม่ได้เพราะปล่อยไว้การใหญ่จะเสีย (ขอบคุณคุณอาคม ที่ได้พูดถึงเรื่องนี้บ่อย ๆ)

โปรดทราบว่า ที่เขียนนี้ ผมรำพึงส่วนตัว ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงผู้ใด ใครอ่านแล้วได้ประโยชน์ ก็จะยินดี  แต่หากใครอ่านแล้วรู้สึกว่าถูกกระทบ ก็ต้องโทษตัวเองนะครับ ฮิ ๆ  เพราะผมไม่ได้จงใจกล่าวถึงใครโดยเฉพาะเลย หากยังคิดว่า ผมเขียนพาดพิงหรือกระทบถึงท่าน แสดงว่าท่านมีปัญหาต้องสะสางตัวเองด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ ผมให้ได้แค่คันฉ่องส่วนพระองค์ของผมเอง แฮ่ ๆ




Credit: Image: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgafsjAJ5BS5-_8-jreIwhbqs6NR-vKXrnNPudstNOa8fq5-zqRfwpZjWPN2Q0avnl1tu230WA5s6u_jPziiMdCcF0XeYsvsq4VB82V_55ypJ2ua15GxWrmBFaphBrxtM-6bQr9a8j6IUE/s1600/the+root+of+suffering.jpg



Monday, March 2, 2015

ปัญหาประเทศไทย ต้องแก้ด้วยการ “ล้มสถาบัน”

ปัญหาประเทศไทย ต้องแก้ด้วยการ “ล้มสถาบัน”
Posted on เมษายน 22, 2011 by piangdin

“ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง”

“ไอ้สอดบัตร”

“กูไม่กลัวมึง กูไม่เอามึง”

“เจ้าของคอกม้า”

“อีกะหรี่”

และอีกหลายวลีและประโยคที่ไม่ทราบว่าคนพูดหมายถึงใคร
แต่ใครที่คนไทยจำนวนมากหมายถึงนี้ คงไม่กล้าแสดงตัวออกมายอมรับและฟ้องร้องใครแน่
เพราะข้อหาแรงและคำบรรยายมันแทงใจดำคนที่มองตัวเองสูงส่ง และอยากให้ประชาชนรักใคร่
ยอมรับและยินยอมแบบไม่มีเงื่อนไข บนเงื่อนไขของการยอมกูก่อนข้างเดียว

แน่นอนล่ะ ว่าคำกล่าวข้างต้น มีการโยงไปหาชนชั้นสูงที่คนมองว่าเป็นสถาบัน ที่ควรเคารพยกย่อง
จงรักภักดี คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วย จะใช่หรือไม่ใช่ ก็แล้วแต่คนไทยจะมอง แต่หากใคร
บอกว่าใช่แล้วเอามาพูดต่อ ก็คงโดนดี ถูกเฆี่ยนซัก 112 ทีให้เข็ดหลาบ หรือตายคาขื่อซะเลย
สำหรับผม ถือว่าข้อความดังกล่าว จะหมายถึงใครก็ได้ในประเทศไทยที่เลวร้ายและเป็นที่เกลียดชัง
ดังนั้น อย่าเอาแส้สมัยดึกดำบรรพ์มาเฆี่ยนผม สำหรับผม คำว่าสถาบัน ไม่ควรถูกจำกัดแค่
สถาบันกษัตริย์เท่านั้น และที่ผมจั่วหัวบทความด้วยคำว่า ล้มสถาบัน นั้น ผมหมายความตามนั้น

ทำไมต้องล้มสถาบัน? ตอบง่าย ๆ ก่อนขยายความว่า ก็เพราะสถาบันมันเหี้ย สถาบันมันเป็นพิษ
สถาบันมันทำร้ายประเทศ สถาบันมันเสื่อมและเน่าใน สถาบันมันอยู่ผิดที่ผิดกาล สถาบันมันไร้ประโยชน์
สถาบันมันขัดหลักเสรีประชาธิปไตย สถาบันมันไร้ความยุติธรรม สถาบันมันทำร้ายคนดี
สถาบันมันหลอกลวง สถาบันมันเล่นลิ้นกินบ้านกินเมือง สถาบันมันนำมาซึ่งความรุนแรง สถาบันมันชั่ว ฯลฯ

ผมใช้คำว่า สถาบัน ในความหมายที่บ่งว่า มันเป็นองค์กร มีวัตถุประสงค์ มีคณะทำงาน มีทุนดำเนินงาน
มีรูปแบบหลักเกณฑ์ที่ถูกกฎหมาย (แต่จะทำถูกกฎหมายใคร ชอบธรรมหรือไม่นั้น อีกเรื่องหนึ่ง)
และสถาบันที่ทำร้ายประเทศไทย และเป็นปัญหาของประเทศไทยนี้ มันรวมเอาหลาย ๆ สถาบันย่อย
ที่รายล้อมและอิง หรือใช้ประโยชน์จากการมีเส้นสายหรือได้รับความเห็นชอบจากราชสำนัก
สถาบันย่อยเหล่านี้ ใครผิดใครถูก ต้องว่ากันเป็นราย ๆไป ตามหลักเหตุผลและหลักการ
แต่โดยรวมแล้ว สถาบันใหญ่ที่ผมว่าเป็นปัญหาและควรต้องล้ม คือสถาบันที่ยังนึกชื่อไม่ได้
ผมแทนตัวย่อด้วย สถาบัน ก. ละกันนะครับ สถาบันนี้มันเหี้ยมาก ๆ ทำร้ายประเทศกันอย่างเป็นระบบ
มีเครือข่ายทั่วประเทศ มีกำลังทหารคอยรับใช้ มีระบบราชการคอยเป็นตีนมือ มีกฎหมายที่
มันสั่งคนของมันเข้าไปร่าง หลังจากที่ใช้กำลังศาลและทหาร ตลอดจนบารมีมือที่มองไม่เห็น
เข้าไปยึดอำนาจมาให้นักการเมืองเปรตเหี้ยเข้าไปครอง เพื่อไปแสวงหาแดกอย่างเป็นทางการ
สถาบัน ก. นี้ มันสั่งสื่อได้ มันสั่งธุรกิจในสังกัดหรือในเครือข่ายมันได้ มันสั่งให้รัฐบาลเอาเงินมา
ใช้ป้อนให้ทหารเพื่อให้ทหารรับใบสั่งรัฐประหาร ข่มขู่และฆ่าประชาชน สถาบันนี้ ตัวตนมันมองไม่เห็น
คนเห็นก็คงพูดไม่ได้ด้วย เพราะหากพูดมันก็ต้องไปแตะเอาทหาร ศาล และนักการเมืองสันหลังหวะ
ที่ลงจากอำนาจไม่ได้ เพราะลงเมื่อใด ถึงตายและฉิบหายกันทั้งก๊ก และทั้งตระกูล สถาบันเหล่านี้
ทำชั่วกันอย่างเป็นระบบ เป็นก๊ก เป็นเวลานาน และเลยจุดยอมรับได้ทางกฎหมายและศีลธรรม

ที่เราต้องล้มสถาบัน ก. นี้ ก็เพราะมันซับซ้อนและมีพิษในทุกจุดในตัวมัน จะตัดหัวโดยไม่ตัดแขนขา
หรือถอนฟันทิ้ง หรือตัดจู่ ตัดหู ตัดเครื่องในมันออกมาทำลายไม่ได้ เพราะทิ้งอะไรไว้โดยไม่จัดการ
เผาทำลาย ก็จะเป็นพิษไม่จบสิ้น โดยเฉพาะหัว หากจะเทียบสถาบันนี้ให้ชัด ก็คงต้องนึกถึงอาการ
ของฝี ที่เป็นฝีชนิดรุนแรงตายได้ อาการของฝีคือ จะมีเชื้อร้ายที่กัดทำลายตัวเรา พยายามรุกรานเข้าไป
ในเนื้อหนังของเรา จนเราต้องออกมาต่อต้าน และพอเราต่อต้าน มันก็ไม่ยอมแพ้ จึงเกิดการต่อสู้
และศพและน้ำเลือดน้ำหนองของทั้งสองฝ่าย จะทำร้ายตัวเรา (เปรียบได้กับประเทศชาติ) อย่าง
ไม่จบสิ้น และตัวหัวฝีก็จะเป็นศูนย์กลางของการทำลายล้าง หนองและสิ่งโสโครกรอบหัวฝี ก็จะ
ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด อาการระบม อาการไข้ และอาการอื่น ๆ ตามมา หากมันขยายใหญ่เกิน
ที่ร่างกายจะรับได้ ก็ถึงตายเลยทีเดียว แต่หนองประเทศไทยนี้ มันมีพิษในทุกจุด น้ำเลือดน้ำหนอง
มันเหมือนมีเชื้อเอดส์อยู่ด้วย ดังนั้น หากไม่กำจัดให้สิ้นซาก ก็คงไม่มีทางหาย ผมไม่ใช่หมอ
ที่บรรยายมา อาจจะถูกหรือผิดหลักแพทยศาสตร์บ้าง แต่ก็พอรู้ว่า หากไม่เอาหัวฝีออก
อาการระบมจะไม่หาย ต่อให้เอาเลือดออกไปทิ้ง ก็จะเวียนเกิดหนองและความเจ็บปวดทรมาณ
อย่างไม่จบสิ้น หากในระดับย่อยก็คือ เหมือนสิวบนหน้าน่ะครับ หากหัวสิวไม่ออก ก็ไม่มีทางหาย
หากจะรอก็ต้องใช้เวลานาน ยิ่งมีสิวเต็มหน้า ยิ่งต้องรักษา หรือทำลายมันอย่างเด็ดขาดนั่นเอง

การแก้ปัญหาเมืองไทย ต้องล้มสถาบัน ก. นี้ให้เด็ดขาด แต่จะทำอย่างไรนั้น ก็ต้องดูว่า สถาบันนี้
มันประกอบด้วยสถาบันย่อยอะไรบ้าง ทำหน้าที่อะไร มีรากอยู่ตรงไหน ใช้ยาชนิดไหนดี ที่ต้องล้ม
ก็เพราะสถาบันนี้ อยู่แล้วไม่มีทางปรับตัวง่าย ๆ สถาบันมันมีเป้าหมายที่ขัดกับเสรีประชาธิปไตย
ก็ต้องเปลี่ยนเป้าหมาย มีคณะทำงานที่ไม่ชอบธรรมตามหลักเสรีประชาธิปไตย ก็ต้องเอาออกแล้วจัดใหม่
ใครอยู่ผิดที่ ผิดหน้าที่ ไม่โปร่งใส ทำผิดบทบาท หรือทำผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกจัดระเบียบและลงโทษ
เราต้องปัดกวาด ทำลาย และโยกย้าย แล้วจัดระเบียบองค์กรใหม่ สถาบัน ก. ที่ว่านี้ ประชาชนเป็นเจ้านาย
ประชาชนเสียภาษีไปจ่ายเลี้ยงทุกสถาบันในนั้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม บางสถาบันมีอภิสิทธิ์มากไป
จนลืมว่าประชาชนคือเจ้าของและผู้มีบุญคุณ ดังนั้น ก็ต้องให้ประชาชนไปล้มสถาบัน ก. นี้เสีย
แล้วจัดระเบียบใหม่ วางกฎเกณฑ์ใหม่ สร้างวัฒนธรรมใหม่ ใครผิดก็ต้องเอาออกและเอามาพิจารณาโทษ

แต่ว่าประชาชนจะทำได้อย่างไร ในเมื่อสถาบัน ก. นี้ มันมีปืน มันมีกฎหมายที่มันอ้างเอามาใช้ ไม่ว่าจะ
ชอบธรรมหรือไม่ มันมีกลไกอำนาจ มันมีเงินทอง มันมีเครือข่าย และอะไรอีกมากมาย ที่หากไม่
ยึดอำนาจหรือใช้กำลังอันมหาศาลไปเจรจากดดัน หรือใช้กำลังหักล้าง มันจะไม่ยอมคลายตัว คลายกล
คำถามก็คือ






จะล้มสถาบันนี้อย่างไร ให้ถูกกฎหมายและศีลธรรม โดยชอบธรรมและประเทศชาติไม่เสียหาย?
จะล้มสถาบันได้อย่างไร โดยให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้?
จะล้มสถาบันได้อย่างไร โดยไม่เกิดสูญญากาศทางการเมือง สังคม และการบริหารบ้านเมือง?
จะล้มสถาบันได้อย่างได้ โดยไม่มีการล้มตายและสงครามกลางเมือง?
จะล้มสถาบันได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนยังเสียเปรียบทางเงื่อนไขของอำนาจและทรัพยากร ตลอดจนความเชี่ยวชาญในการแย่งชิงอำนาจ?
เวลานี้ ไม่น่าจะใช้เวลามาคุยกันมาก ว่าปัญหาอยู่ที่ใด
ปัญหาต้องถูกแก้ด้วยการแก้เหตุ ตามหลักของทุกศาสนา
เหตุของปัญหาในสถาบัน ก. นี้ มันเกี่ยวด้วยหลายหน่วยอันตรายและเป็นพิษที่ต้องถูกล้มล้าง
แต่เราจะล้มล้างแบบฆ่าฟันให้สูญหาย หรือเราจะล้มล้างกันด้วยวิถีทางประชาธิปไตย
เราจะเอาแบบสูญพันธุ์ หรือให้อภัยกัน โดยหันหน้ามาพบกัน แล้วให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นก่อน
ใครผิด ก็รับผิดไป ใครเสียหายก็ได้รับการชดใช้
แล้วจะให้อภัยคนผิดแค่ไหน อย่างไร

ทั้งหมดนี้ ประชาชนต้องช่วงชิงอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจศาลมาให้ได้ก่อน
เมื่อให้อำนาจอธิปไตยมาเป็นของประชาชนแล้ว การจะกำหนดให้ทุกหน่วยย่อย หรือสถาบันย่อย
ในสถาบัน ก. นี้ อยู่ใตัอำนาจประชาชน อยู่ในร่องในรอย ไม่กลับมาสร้างวงจรอุบาทว์อีก ก็ถือเป็นเรื่อง
จำเป็นต้องเกิดขึ้น นี่คือการล้มสถาบันนั่นเอง

ณ เวลานี้ ดูเหมือนการเลือกตั้ง สามารถนำมาใช้สำหรับการแย่งอำนาจอธิปไตยเบื้องต้น
เราต้องผ่านวิกฤติสร้างสถานการณ์เพื่อใช้กำลังหรือหลีกการเลือกตั้งให้จงได้ แล้วเอาชนะการเลือกตั้งให้ได้
แต่ขณะเดียวกัน การจะล้มแบบนั้น ไม่ง่าย และอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยในรอบการเลือกตั้งสองครั้งข้างหน้านี้
ประชาชนต้องเตรียมทัพจัดกระบวน สร้างไพร่พล ฝึกเชิงรบและผลิตอาวุธทางปัญญาให้มาก อย่างไม่
ยอมหยุด เกมบนหน้าฉาก อาจจะทำได้จำกัด เพราะสถาบัน ก. ยังกุมอำนาจไว้เกือบทุกทาง แต่ประชาชน
ได้เปรียบเพราะเรายืนอยู่กับธรรม สัจจะ และความดีงามชอบธรรมตามกฎหมายและหลักอารยธรรม
ขอเราอย่ารีบร้อนทำผิดกฎหมาย เร่งสร้างวัฒนธรรมที่ดี เร่งเปิดสมองและพัฒนาคนไทยให้มีอารยะ
ให้รู้สึกถึงความดีงามชอบธรรมของขบวนการคนเสื้อแดง แล้วโดดเดี่ยวเกลียดชังความชั่วร้ายให้มาก
ที่สุดเท่าที่จะมากได้ กิจกรรมของคนเสื้อแดงวันนี้ จึงไม่ควรจำกัดอยู่กับการเคลื่อนไหวที่รุงรังและ
ยุ่งยากของ นปช. อย่างเดียวหรือเป็นหลัก แต่ควรเร่งสร้างขุมกำลังรอรับศึกใหญ่จริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่
การเลือกตั้ง แต่อาจจะเป็นการรัฐประหาร การลงประชามติ หรือแม้แต่การต้องจัดการกับพวกใช้กำลัง
กับประชาชนอีก หรือแม้แต่การลุกมาร้องเพลง “ตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ …” ในที่สุด




ปัญหาประเทศไทย ต้องแก้ด้วยการ “ล้มสถาบัน”

ปัญหาประเทศไทย ต้องแก้ด้วยการ “ล้มสถาบัน”
Posted on เมษายน 22, 2011 by piangdin

“ไอ้เหี้ยสั่งฆ่า อีห่าสั่งยิง”

“ไอ้สอดบัตร”

“กูไม่กลัวมึง กูไม่เอามึง”

“เจ้าของคอกม้า”

“อีกะหรี่”

และอีกหลายวลีและประโยคที่ไม่ทราบว่าคนพูดหมายถึงใคร
แต่ใครที่คนไทยจำนวนมากหมายถึงนี้ คงไม่กล้าแสดงตัวออกมายอมรับและฟ้องร้องใครแน่
เพราะข้อหาแรงและคำบรรยายมันแทงใจดำคนที่มองตัวเองสูงส่ง และอยากให้ประชาชนรักใคร่
ยอมรับและยินยอมแบบไม่มีเงื่อนไข บนเงื่อนไขของการยอมกูก่อนข้างเดียว

แน่นอนล่ะ ว่าคำกล่าวข้างต้น มีการโยงไปหาชนชั้นสูงที่คนมองว่าเป็นสถาบัน ที่ควรเคารพยกย่อง
จงรักภักดี คือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วย จะใช่หรือไม่ใช่ ก็แล้วแต่คนไทยจะมอง แต่หากใคร
บอกว่าใช่แล้วเอามาพูดต่อ ก็คงโดนดี ถูกเฆี่ยนซัก 112 ทีให้เข็ดหลาบ หรือตายคาขื่อซะเลย
สำหรับผม ถือว่าข้อความดังกล่าว จะหมายถึงใครก็ได้ในประเทศไทยที่เลวร้ายและเป็นที่เกลียดชัง
ดังนั้น อย่าเอาแส้สมัยดึกดำบรรพ์มาเฆี่ยนผม สำหรับผม คำว่าสถาบัน ไม่ควรถูกจำกัดแค่
สถาบันกษัตริย์เท่านั้น และที่ผมจั่วหัวบทความด้วยคำว่า ล้มสถาบัน นั้น ผมหมายความตามนั้น

ทำไมต้องล้มสถาบัน? ตอบง่าย ๆ ก่อนขยายความว่า ก็เพราะสถาบันมันเหี้ย สถาบันมันเป็นพิษ
สถาบันมันทำร้ายประเทศ สถาบันมันเสื่อมและเน่าใน สถาบันมันอยู่ผิดที่ผิดกาล สถาบันมันไร้ประโยชน์
สถาบันมันขัดหลักเสรีประชาธิปไตย สถาบันมันไร้ความยุติธรรม สถาบันมันทำร้ายคนดี
สถาบันมันหลอกลวง สถาบันมันเล่นลิ้นกินบ้านกินเมือง สถาบันมันนำมาซึ่งความรุนแรง สถาบันมันชั่ว ฯลฯ

ผมใช้คำว่า สถาบัน ในความหมายที่บ่งว่า มันเป็นองค์กร มีวัตถุประสงค์ มีคณะทำงาน มีทุนดำเนินงาน
มีรูปแบบหลักเกณฑ์ที่ถูกกฎหมาย (แต่จะทำถูกกฎหมายใคร ชอบธรรมหรือไม่นั้น อีกเรื่องหนึ่ง)
และสถาบันที่ทำร้ายประเทศไทย และเป็นปัญหาของประเทศไทยนี้ มันรวมเอาหลาย ๆ สถาบันย่อย
ที่รายล้อมและอิง หรือใช้ประโยชน์จากการมีเส้นสายหรือได้รับความเห็นชอบจากราชสำนัก
สถาบันย่อยเหล่านี้ ใครผิดใครถูก ต้องว่ากันเป็นราย ๆไป ตามหลักเหตุผลและหลักการ
แต่โดยรวมแล้ว สถาบันใหญ่ที่ผมว่าเป็นปัญหาและควรต้องล้ม คือสถาบันที่ยังนึกชื่อไม่ได้
ผมแทนตัวย่อด้วย สถาบัน ก. ละกันนะครับ สถาบันนี้มันเหี้ยมาก ๆ ทำร้ายประเทศกันอย่างเป็นระบบ
มีเครือข่ายทั่วประเทศ มีกำลังทหารคอยรับใช้ มีระบบราชการคอยเป็นตีนมือ มีกฎหมายที่
มันสั่งคนของมันเข้าไปร่าง หลังจากที่ใช้กำลังศาลและทหาร ตลอดจนบารมีมือที่มองไม่เห็น
เข้าไปยึดอำนาจมาให้นักการเมืองเปรตเหี้ยเข้าไปครอง เพื่อไปแสวงหาแดกอย่างเป็นทางการ
สถาบัน ก. นี้ มันสั่งสื่อได้ มันสั่งธุรกิจในสังกัดหรือในเครือข่ายมันได้ มันสั่งให้รัฐบาลเอาเงินมา
ใช้ป้อนให้ทหารเพื่อให้ทหารรับใบสั่งรัฐประหาร ข่มขู่และฆ่าประชาชน สถาบันนี้ ตัวตนมันมองไม่เห็น
คนเห็นก็คงพูดไม่ได้ด้วย เพราะหากพูดมันก็ต้องไปแตะเอาทหาร ศาล และนักการเมืองสันหลังหวะ
ที่ลงจากอำนาจไม่ได้ เพราะลงเมื่อใด ถึงตายและฉิบหายกันทั้งก๊ก และทั้งตระกูล สถาบันเหล่านี้
ทำชั่วกันอย่างเป็นระบบ เป็นก๊ก เป็นเวลานาน และเลยจุดยอมรับได้ทางกฎหมายและศีลธรรม

ที่เราต้องล้มสถาบัน ก. นี้ ก็เพราะมันซับซ้อนและมีพิษในทุกจุดในตัวมัน จะตัดหัวโดยไม่ตัดแขนขา
หรือถอนฟันทิ้ง หรือตัดจู่ ตัดหู ตัดเครื่องในมันออกมาทำลายไม่ได้ เพราะทิ้งอะไรไว้โดยไม่จัดการ
เผาทำลาย ก็จะเป็นพิษไม่จบสิ้น โดยเฉพาะหัว หากจะเทียบสถาบันนี้ให้ชัด ก็คงต้องนึกถึงอาการ
ของฝี ที่เป็นฝีชนิดรุนแรงตายได้ อาการของฝีคือ จะมีเชื้อร้ายที่กัดทำลายตัวเรา พยายามรุกรานเข้าไป
ในเนื้อหนังของเรา จนเราต้องออกมาต่อต้าน และพอเราต่อต้าน มันก็ไม่ยอมแพ้ จึงเกิดการต่อสู้
และศพและน้ำเลือดน้ำหนองของทั้งสองฝ่าย จะทำร้ายตัวเรา (เปรียบได้กับประเทศชาติ) อย่าง
ไม่จบสิ้น และตัวหัวฝีก็จะเป็นศูนย์กลางของการทำลายล้าง หนองและสิ่งโสโครกรอบหัวฝี ก็จะ
ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด อาการระบม อาการไข้ และอาการอื่น ๆ ตามมา หากมันขยายใหญ่เกิน
ที่ร่างกายจะรับได้ ก็ถึงตายเลยทีเดียว แต่หนองประเทศไทยนี้ มันมีพิษในทุกจุด น้ำเลือดน้ำหนอง
มันเหมือนมีเชื้อเอดส์อยู่ด้วย ดังนั้น หากไม่กำจัดให้สิ้นซาก ก็คงไม่มีทางหาย ผมไม่ใช่หมอ
ที่บรรยายมา อาจจะถูกหรือผิดหลักแพทยศาสตร์บ้าง แต่ก็พอรู้ว่า หากไม่เอาหัวฝีออก
อาการระบมจะไม่หาย ต่อให้เอาเลือดออกไปทิ้ง ก็จะเวียนเกิดหนองและความเจ็บปวดทรมาณ
อย่างไม่จบสิ้น หากในระดับย่อยก็คือ เหมือนสิวบนหน้าน่ะครับ หากหัวสิวไม่ออก ก็ไม่มีทางหาย
หากจะรอก็ต้องใช้เวลานาน ยิ่งมีสิวเต็มหน้า ยิ่งต้องรักษา หรือทำลายมันอย่างเด็ดขาดนั่นเอง

การแก้ปัญหาเมืองไทย ต้องล้มสถาบัน ก. นี้ให้เด็ดขาด แต่จะทำอย่างไรนั้น ก็ต้องดูว่า สถาบันนี้
มันประกอบด้วยสถาบันย่อยอะไรบ้าง ทำหน้าที่อะไร มีรากอยู่ตรงไหน ใช้ยาชนิดไหนดี ที่ต้องล้ม
ก็เพราะสถาบันนี้ อยู่แล้วไม่มีทางปรับตัวง่าย ๆ สถาบันมันมีเป้าหมายที่ขัดกับเสรีประชาธิปไตย
ก็ต้องเปลี่ยนเป้าหมาย มีคณะทำงานที่ไม่ชอบธรรมตามหลักเสรีประชาธิปไตย ก็ต้องเอาออกแล้วจัดใหม่
ใครอยู่ผิดที่ ผิดหน้าที่ ไม่โปร่งใส ทำผิดบทบาท หรือทำผิดกฎหมาย ก็ต้องถูกจัดระเบียบและลงโทษ
เราต้องปัดกวาด ทำลาย และโยกย้าย แล้วจัดระเบียบองค์กรใหม่ สถาบัน ก. ที่ว่านี้ ประชาชนเป็นเจ้านาย
ประชาชนเสียภาษีไปจ่ายเลี้ยงทุกสถาบันในนั้น ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม บางสถาบันมีอภิสิทธิ์มากไป
จนลืมว่าประชาชนคือเจ้าของและผู้มีบุญคุณ ดังนั้น ก็ต้องให้ประชาชนไปล้มสถาบัน ก. นี้เสีย
แล้วจัดระเบียบใหม่ วางกฎเกณฑ์ใหม่ สร้างวัฒนธรรมใหม่ ใครผิดก็ต้องเอาออกและเอามาพิจารณาโทษ

แต่ว่าประชาชนจะทำได้อย่างไร ในเมื่อสถาบัน ก. นี้ มันมีปืน มันมีกฎหมายที่มันอ้างเอามาใช้ ไม่ว่าจะ
ชอบธรรมหรือไม่ มันมีกลไกอำนาจ มันมีเงินทอง มันมีเครือข่าย และอะไรอีกมากมาย ที่หากไม่
ยึดอำนาจหรือใช้กำลังอันมหาศาลไปเจรจากดดัน หรือใช้กำลังหักล้าง มันจะไม่ยอมคลายตัว คลายกล
คำถามก็คือ






จะล้มสถาบันนี้อย่างไร ให้ถูกกฎหมายและศีลธรรม โดยชอบธรรมและประเทศชาติไม่เสียหาย?
จะล้มสถาบันได้อย่างไร โดยให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้?
จะล้มสถาบันได้อย่างไร โดยไม่เกิดสูญญากาศทางการเมือง สังคม และการบริหารบ้านเมือง?
จะล้มสถาบันได้อย่างได้ โดยไม่มีการล้มตายและสงครามกลางเมือง?
จะล้มสถาบันได้อย่างไร ในเมื่อประชาชนยังเสียเปรียบทางเงื่อนไขของอำนาจและทรัพยากร ตลอดจนความเชี่ยวชาญในการแย่งชิงอำนาจ?
เวลานี้ ไม่น่าจะใช้เวลามาคุยกันมาก ว่าปัญหาอยู่ที่ใด
ปัญหาต้องถูกแก้ด้วยการแก้เหตุ ตามหลักของทุกศาสนา
เหตุของปัญหาในสถาบัน ก. นี้ มันเกี่ยวด้วยหลายหน่วยอันตรายและเป็นพิษที่ต้องถูกล้มล้าง
แต่เราจะล้มล้างแบบฆ่าฟันให้สูญหาย หรือเราจะล้มล้างกันด้วยวิถีทางประชาธิปไตย
เราจะเอาแบบสูญพันธุ์ หรือให้อภัยกัน โดยหันหน้ามาพบกัน แล้วให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นก่อน
ใครผิด ก็รับผิดไป ใครเสียหายก็ได้รับการชดใช้
แล้วจะให้อภัยคนผิดแค่ไหน อย่างไร

ทั้งหมดนี้ ประชาชนต้องช่วงชิงอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจศาลมาให้ได้ก่อน
เมื่อให้อำนาจอธิปไตยมาเป็นของประชาชนแล้ว การจะกำหนดให้ทุกหน่วยย่อย หรือสถาบันย่อย
ในสถาบัน ก. นี้ อยู่ใตัอำนาจประชาชน อยู่ในร่องในรอย ไม่กลับมาสร้างวงจรอุบาทว์อีก ก็ถือเป็นเรื่อง
จำเป็นต้องเกิดขึ้น นี่คือการล้มสถาบันนั่นเอง

ณ เวลานี้ ดูเหมือนการเลือกตั้ง สามารถนำมาใช้สำหรับการแย่งอำนาจอธิปไตยเบื้องต้น
เราต้องผ่านวิกฤติสร้างสถานการณ์เพื่อใช้กำลังหรือหลีกการเลือกตั้งให้จงได้ แล้วเอาชนะการเลือกตั้งให้ได้
แต่ขณะเดียวกัน การจะล้มแบบนั้น ไม่ง่าย และอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยในรอบการเลือกตั้งสองครั้งข้างหน้านี้
ประชาชนต้องเตรียมทัพจัดกระบวน สร้างไพร่พล ฝึกเชิงรบและผลิตอาวุธทางปัญญาให้มาก อย่างไม่
ยอมหยุด เกมบนหน้าฉาก อาจจะทำได้จำกัด เพราะสถาบัน ก. ยังกุมอำนาจไว้เกือบทุกทาง แต่ประชาชน
ได้เปรียบเพราะเรายืนอยู่กับธรรม สัจจะ และความดีงามชอบธรรมตามกฎหมายและหลักอารยธรรม
ขอเราอย่ารีบร้อนทำผิดกฎหมาย เร่งสร้างวัฒนธรรมที่ดี เร่งเปิดสมองและพัฒนาคนไทยให้มีอารยะ
ให้รู้สึกถึงความดีงามชอบธรรมของขบวนการคนเสื้อแดง แล้วโดดเดี่ยวเกลียดชังความชั่วร้ายให้มาก
ที่สุดเท่าที่จะมากได้ กิจกรรมของคนเสื้อแดงวันนี้ จึงไม่ควรจำกัดอยู่กับการเคลื่อนไหวที่รุงรังและ
ยุ่งยากของ นปช. อย่างเดียวหรือเป็นหลัก แต่ควรเร่งสร้างขุมกำลังรอรับศึกใหญ่จริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่
การเลือกตั้ง แต่อาจจะเป็นการรัฐประหาร การลงประชามติ หรือแม้แต่การต้องจัดการกับพวกใช้กำลัง
กับประชาชนอีก หรือแม้แต่การลุกมาร้องเพลง “ตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ …” ในที่สุด




ภูมิพลมหาราช พระองค์ควรสดับเสียงเหล่านี้ แล้วสั่งสอนนายกที่ท่านมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้สำนึก

ภูมิพลมหาราช พระองค์ควรสดับเสียงเหล่านี้ แล้วสั่งสอนนายกที่ท่านมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้สำนึก โพสต์โดย : piangdin ID # 802329 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:10:19 _ ปิดข้อความ แก้ไข http://www.prachatai.com/special/video20090505.php เสียงออกปากจากใจใครสั่งหรือ คำรักคือคำใจไม่หลอกปั้น ใครหรือสอนป้อนทรัพย์จับคำปัน โง่หรือนั่นคำแน่นแสนหลักการ ประชาชนบนทางที่ห่างศักดิ์ ยังยึดหลักนิติธรรมนำเมืองบ้าน ประชาชนสนรักปักใจวาน สอดใจสานรักสู้กู้ธรรมเมือง จงโน้มทรวงล่วงโมหะละกิเลส มองเห็นเหตุหาธรรมนำจิตเนื่อง ฟังเสียงสัจจ์ชัดคำย้ำรุ่งเรือง เพื่อนำเมืองพ้นมารที่ผลาญย้ำ มหาบพิตร… คำลิขิตเขียนไหนไม่ลึกหนำ สดับเถิดเปิดพระทัยให้หัดจำ แล้วยกธรรมเคียงแท่นให้แม่นตรอง เสียงประชาท่วมท้น……… ทางธรรม ถูกเหล่ามารเหยียบยำ……. ย่ำร้าย ประชาเมื่อถูกทำ…………. เกินกว่า ทนนา เขาย่อมยืนลุกย้าย………. มุ่งหน้าหาธรรม อภิสิทธิ์ เอาไปฟังแล้วตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูหน้าตัวเองบ้าง หิริโอตัปปะ พอมีบ้างไหม? โพสต์โดย : piangdin ID # 1761807 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:14:15 _ ปิดข้อความ แก้ไข อย่าทรงกลัวประชาชน อันคนไทยใจดีมีธรรมซ่อน กตัญญูในตอน ธ วอนหวัง ธ ทำดีมีธรรมนำไทยยัง ไทยย่อมรั้งรอเคียงเบื้องพระองค์ ไทยที่รักทักษิณถวิลหา เพราะคุณค่าความดีที่ทำส่ง แต่มิหมายคลายภักดิ์รักในองค์ คือความตรงตามสัจจ์ที่จัดรู้ อันราชาว่าไว้เรือใหญ่กว้าง รอบระวางห่างตาจรดฟ้าลู่ มีประชาหน้าใสใจเอ็นดู คอยหนุนอยู่มิยั้งพลังเคียง หากลำเรือเจือจุนไม่วุ่นคว้าง นทีกว้างกระแสลึกไม่สึกเสี่ยง หากหันเรือเจือใส่หินไหลเรียง อาจเพราะเพียงหลงไหลไกลร่องน้ำ หินโสโครกโยกไหวให้มองเห็น มิใช่เป็นเรือนเรือจุนเจือหนำ เพราะคมซ่อนตอนซบเรือจบลำ ขอเน้นคำคงค่าอย่ากลัวเรา โพสต์โดย : piangdin ID # 1761822 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:18:03 _ ปิดข้อความ แก้ไข ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า… ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า เกินประชาชนช่วยด้วยใจหนุน อันกษัตริย์ชัดเรือเมื่อน้ำจุน มิเห็นคุณเรือล่มจักจมวาย อันบุญคุณหนุนข้าประชาไพร่ มากเพียงใดด่ำนึกลองตรึกหมาย ก็ย่อมรู้อยู่ชัดขัดความราย คุณสลึงขึงหลายกลายบาทล้าน อันคำความลามหล้าว่าทรงเด่น คำต่อคำเลยเป็นศักดิ์สถาน อันกรรมเก่ากลั้วใหม่คงไม่นาน ก็ถึงกาลวัดกลับนับความจริง จะก่อกรรมนำเกินบนเนินร่าง เอาภาพสางซ่อนใส่ในทองนิ่ง เอาภาพหมามาว่อนซ่อนภาพลิง แล้วความจริงจักหายไปได้ฤา? โพสต์โดย : Real Gr\’ ID # 1761831 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:21:51 _ ปิดข้อความ ……… เหอๆ ……… ท่านpiangdin เครื่องร้อนจังเลยครับ …….. โพสต์โดย : piangdin ID # 1761840 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:26:34 _ ปิดข้อความ แก้ไข ตอนนี้ ทั่วแผ่นดินไทย ร้อนยิ่งกว่าบทกวีหน่อมแน้มข้างบนด้วยซ้ำ ท่าน Real GR\’ เมื่อท่านฟังเสียงประชา เมื่อนั้นท่านจักได้ยินเสียงธรรม… ที่แท้จริง โพสต์โดย : ดอ-เด็ก ID # 1761846 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:28:21 _ ปิดข้อความ อิอิ ท่านคฑาวุฑบอกว่า คนอยู่สูงดันนอนหงาย มักมองอะไรไม่เห็น ควรเปลี่ยนท่านอนใหม่ โพสต์โดย : piangdin ID # 1761860 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:33:01 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณคฑาวุธออกหมัดคมมากครับ เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณดอ-เด็ก หากเราจะเอาความจริงมาแก้ปัญหาบ้านเมือง เราก็ต้องพูดความจริงกันให้หมดครับ และก็ต้องให้ทุกคนที่เข้าใจความจริง ช่วยกันแก้ครับ ราช-ประชาสมาศัยเท่านั้น ที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ในยามนี้ ไม่ใช่ราชา ขุนศึกและกลุ่มผลประโยชน์ส่วนน้อยของบ้านเมือง โพสต์โดย : kroo-it ID # 1761879 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:44:11 _ ปิดข้อความ โอ้โฮ นี่ชาวบ้านพูดหรือนี่ เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้วค่ะ คนกรุงเทพ ลองมาฟัง เผื่อจะอายคนบ้านนอกบ้าง ขอคารวะจริงๆ ค่ะ คุณเพียงดิน กระทู้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อ่านไม่ทัน เพื่อนเล่าให้ฟัง หายจ้อยเลย โพสต์โดย : piangdin ID # 1761884 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:50:18 _ ปิดข้อความ แก้ไข สวัสดีครับ คุณkroo-it ผมเคยปะทะความคิดกับเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งนิดหน่อยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพราะผมคิดว่า แกนนำเรา ต้องเรียนรู้และก้าวให้ทันประชาชนให้ได้ อย่าคิดว่าเป็นแกนนำแล้วจะทำอะไรตามใจ หรือเคลื่อนไหวตามที่ ตนเองคิดว่าเหมาะสม โดยไม่ไปตามสอบถามให้รู้ว่า ชาวบ้านไปถึงไหน รู้อะไร คิดยังไง และอยากจะให้เกิดอะไรขึ้น… เพราะหากแกนนำตามชาวบ้านไม่ทัน การนำมันจะมีปัญหา และจะห้าม คนที่รู้มากแล้วไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า หรือไปย่ำกับที่ฟังปราศรัยและ การร้องเพลงแบบไม่เห็นผลในเชิงยุทธวิธี มันก็จะไม่สมเหตุสมผล และในที่สุดก็จะขาดความชอบธรรมในการนำพลังประชาชนไปแบบ น่าเสียดาย… และที่สำคัญนะ ผมว่าคนที่ไปย่ำโคลนเมื่อวันก่อนน่ะ… หรือคนที่ไปทนแดดทนร้อน หน้าทำเนียบเป็นสัปดาห์น่ะ เกินครึ่งก็เป็นพวกใจเด็ดจากท้อง ไร่ท้องนานี่แหละ… โพสต์โดย : Reddish ID # 1761892 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:56:14 _ ปิดข้อความ Where else should be?? and which strategies do you think we would rather use? โพสต์โดย : piangdin ID # 1761897 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:57:06 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณครูครับ กระทู้นี้กระมังครับ ผมย้ายไปไว้ที่นี่ครับ http://worldwhywebbbb.blogspot.com/ โพสต์โดย : piangdin ID # 1761903 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:02:12 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณReddish Avatar น่ารักครับ ส่วนเรื่องทางออกใครทำอะไร คงมีรายละเอียดมากมาย ผมยังไม่มีสมาธิ นั่่งคิดและเขียนอะไรแบบเป็นระบบซักที แต่ผมคิดว่า ใครทำอะไรได้ต้องทำ จับเป้าให้ชัดแล้วก็รวมกลุ่มกันเป็นคณะปฎิวัติสังคมย่อย ๆ คำตอบสำคัญ ผมคิดว่าอยู่ในรูปนี้ครับ การต่อต้านธนาคารกรุงเทพ และสินค้าที่สนับสนุนสีเหลือง การบอยค็อตรัฐบาลทรราษฎร์ การแสดงอาการเดียดฉันท์ทหารที่แตกแถว การชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ การจัดเสวนาหลาย ๆ เวที การรวมกลุ่มกันร่างรัฐธรรมนูญล่วงหน้า การเรียกร้องให้จัดการกับพันธมิตร การเรียกร้องให้คืนดีสเตชั่น การทำหน้งสือพิมพ์สีแดง เหล่านี้คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแล้วครับ ฯลฯ โพสต์โดย : khongwan ID # 1761921 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:08:30 _ ปิดข้อความ [size=2]นึกถึงการเล่นตนตรีไทยประเภทเครื่องสายเช่น ……….”สีซอ”…….[/size=] โพสต์โดย : กูละเบื่อ ID # 1761923 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:09:15 _ ปิดข้อความ ขอโทษที่มาขัดนะครับ แล้วแน่ใจหรือครับว่าแกนนำไม่รู้เรื่องหรือตามประชาชนไม่ทัน แต่มันต้องมีหลักมีเชิง มีรูปแบบการต่อสู้ที่ต้องไม่เปิดช่องให้ฝ่ายสัตว์ตรูจัดการได้แบบตรงๆ คิดหรือว่าสัตว์ตรูทั้งหลายมันไม่รู้ว่าเรารู้และมันเองก้อรู้ว่าใคร เพียงแต่เราต้องกระชากมันบ้างบนดินและห่างถาโถมทางใต้ดิน ส่วนประชาชนที่รู้ก้อลุยเลยไม่ต้องรอ ไม่ต้องยั้ง เพราะแกนนำไม่สามารถ ที่จะทำได้ถนัด ใครถนัดอันไหนลุยไม่ต้องรอแกนนำ แกนนำมีหน้าที่หลักคือตรึงมวลชนและระดมมวลชนให้มากขึ้นโดยเฉพาะพวกกลางๆ ยังไม่ตาสว่าง และพวกเพิ่งตาสว่าง ส่วนพวกตาสว่างใสปิ้งก้อต้องช่วยแกนนำในการเบิกพระเนตรคนให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้มีมวลชนรู้จริง เข้าใจจริง พร้อมจริง กล้าจริง และเอาจริง เพื่อวันนึงแกนนำจะได้มีโอกาสพูดแบบเต็มตัว มีหลายกลุ่มมากที่กระทำทางใต้ดินอยู่แต่บนดินก้อต้องสู้ตามกระบวนการบนดิน จะให้กดหมาๆมาทำให้เสียกระบวนไม่ได้ ก้อรู้อยู่ใครกุมอำนาจและอยู่เบื้องหลัง ขออภัยที่ขัดอารมณ์ โพสต์โดย : khongwan ID # 1761924 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:10:27 _ ปิดข้อความ นึกถึงการเล่นตนตรีไทยประเภทเครื่องสายเช่น …………..”สีซอ”…… โพสต์โดย : piangdin ID # 1761938 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:19:41 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณกูละเบื่อครับ ผมค่อนข้างแน่ใจว่า แกนนำเรียนรู้จาก ข้อผิดพลาดที่ผ่านมาแล้ว และคงพยายามปรับเปลี่ยน ยุทธวิธีอยู่ แต่จะตามทันหรือไม่ ตามทันแล้ววางกลยุทธ ดีขนาดไหน อันนี้ก็ต้องดูผลงานกันต่อไป ผมเองโดยส่วนตัว ไม่คิดว่าแกนนำบนเวที คือแกนนำ ฝ่ายเดียวหรอกครับ พวกเขาดึงมวลชนและสร้างกระแส ที่เป็นกำลังและภาพหลักได้ แต่ต้องไม่ลืมกระแสที่ ชาวบ้านเขาจับหัวนินทากันเอง แล้วตั้งหัวหน้ากลุ่ม หรือกลุ่มคุณคฑาวุธที่ทั้งสร้างมวลชน เช่น ผลิตซีดี ให้ข้อมูลทางสถานีวิทยุ และต้องไม่ลืมคุณูปการ ของอาจารย์ชูพงษ์ ถี่ถ้วนด้วย อย่าเข้าใจผิดว่าผมดูถูกแกนนำนะครับ ผมเชื่อว่าพวกเขา เรียนรู้และปรับตัวอยู่ แต่ยังต้องดูกันต่อว่า จะปรับแผน ได้ดีขนาดไหน และจะได้ผลยังไงบ้าง แต่เช่ื่อว่าดีขึ้น สรุปได้ว่า ผมไม่รู้สึกขัดใจแต่อย่างใดครับ คุณอย่าเบื่อ การแสดงความเห็นที่ไม่ยกยอแกนนำเสียก่อนล่ะ เพราะ คนที่รักกันจริง ต้องติติงกันได้ ต้องให้ข้อคิดกัน ต้องขัดใจกัน ผมไม่ได้ขัดใจหรือติติงแบบไร้ทางสร้างสรรค์ดอกครับ ให้กำลังใจแกนนำเสมอ แต่ต้องติงไว้ว่า แกนนำต้อง นำให้เด็ดขาดกว่าที่ผ่านมา…แค่นั้นเอง เชิญตามสบายครับ มีสิทธิแสดงความเห็นต่างได้เสมอ เพราะนั่นคือทางแห่งการแตกหน่อทางปัญญาครับ โพสต์โดย : piangdin ID # 1761944 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:22:40 _ ปิดข้อความ แก้ไข สิ่งที่คุณกูละเบื่อเสนอ คล้าย ๆ กับที่ผมเขียนไว้ที่กระทู้คุณเสรีชน ดังนี้ครับ สิ่งที่สีแดงควรต้องคิดทำกันให้มาก นอกจากการช่วยกันต่อสู้ กันในเชิงข้อมูลความคิดในทุกระดับแล้ว เราควรหาทางเพิ่ม จำนวนคนที่มีคุณภาพความรู้และความคิดมากในระดับที่อยู่ไม่ได้ เมื่อเห็นสิ่งไม่ยุติธรรม หรือทนไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งเลวร้ายต่อหน้าต่อตา และทนไม่ได้ที่จะต้องลุกขึ้นมาร่วมการชุมนุมเคลื้อนไหว หรือถึงขนาด ต้องลุกมาปลุกมวลชนและเป็นแกนนำระดับท้องถิ่นเอง ชัยชนะที่แท้จริงไม่ใช่อยู่แค่ภาพคนแน่นเวทีทุกครั้งที่พูด โดยเป็นคนกลุ่ม เดิมที่อุดมการณ์เติบโตถาวรแล้ว แต่อยู่ที่การขยายจำนวนของคนที่ เปลี่ยนความคิดและทัศนคติเป็นแดงแท้ แดงคุณภาพต่างหาก ไม่ทราบเรามีการเก็บสถิติหรือไม่ว่า ทุนที่ลงไป แรงที่ใส่เข้าไป และทุกวัน ที่ผ่านไป เราคุยกันไปปลอบใจตัวเองด้วยภาพเดิม ๆ หรือเราได้มวลชน เพิ่มขึ้นทุกวันกันแน่ ด้วยสภาพความไม่เป็นธรรมในบ้านเมือง และด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ เลวร้าย ตลอดจนฝีมือและทัศนคติการบริหารบ้านเมืองที่ห่วยเข้าขั้นบรมห่วย ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ผมเชื่อว่ามีคนกลายเป็นสีแดงเพิ่มขึ้น แต่หากจะให้ ได้ผลในเชิงปฎิวัติมวลชน เราต้องคิดเหมือนท่านทักษิณเชื่อ คือ การ เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือการพัฒนานั้น เราปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ แต่เราต้องเข้าไปวางแผนและจัดการในรายละเอียด โพสต์โดย : piangdin ID # 1761952 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:25:52 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณkhongwan ครับ no comment ครับ แต่ก็เชื่อลึก ๆ ว่า ถึงเวลาแล้ว คันฉ่องมันจะช่วยได้ครับ หากภาพยังไม่ชัด เวลาจะช่วย แต่หากคันฉ่องและเวลาไม่ช่วย ใครเล่าจะช่วยสถาบันฯ ที่คนไทยแหนหวงนี้ได้

ภูมิพลมหาราช พระองค์ควรสดับเสียงเหล่านี้ แล้วสั่งสอนนายกที่ท่านมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้สำนึก

ภูมิพลมหาราช พระองค์ควรสดับเสียงเหล่านี้ แล้วสั่งสอนนายกที่ท่านมีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้สำนึก โพสต์โดย : piangdin ID # 802329 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:10:19 _ ปิดข้อความ แก้ไข http://www.prachatai.com/special/video20090505.php เสียงออกปากจากใจใครสั่งหรือ คำรักคือคำใจไม่หลอกปั้น ใครหรือสอนป้อนทรัพย์จับคำปัน โง่หรือนั่นคำแน่นแสนหลักการ ประชาชนบนทางที่ห่างศักดิ์ ยังยึดหลักนิติธรรมนำเมืองบ้าน ประชาชนสนรักปักใจวาน สอดใจสานรักสู้กู้ธรรมเมือง จงโน้มทรวงล่วงโมหะละกิเลส มองเห็นเหตุหาธรรมนำจิตเนื่อง ฟังเสียงสัจจ์ชัดคำย้ำรุ่งเรือง เพื่อนำเมืองพ้นมารที่ผลาญย้ำ มหาบพิตร… คำลิขิตเขียนไหนไม่ลึกหนำ สดับเถิดเปิดพระทัยให้หัดจำ แล้วยกธรรมเคียงแท่นให้แม่นตรอง เสียงประชาท่วมท้น……… ทางธรรม ถูกเหล่ามารเหยียบยำ……. ย่ำร้าย ประชาเมื่อถูกทำ…………. เกินกว่า ทนนา เขาย่อมยืนลุกย้าย………. มุ่งหน้าหาธรรม อภิสิทธิ์ เอาไปฟังแล้วตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูหน้าตัวเองบ้าง หิริโอตัปปะ พอมีบ้างไหม? โพสต์โดย : piangdin ID # 1761807 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:14:15 _ ปิดข้อความ แก้ไข อย่าทรงกลัวประชาชน อันคนไทยใจดีมีธรรมซ่อน กตัญญูในตอน ธ วอนหวัง ธ ทำดีมีธรรมนำไทยยัง ไทยย่อมรั้งรอเคียงเบื้องพระองค์ ไทยที่รักทักษิณถวิลหา เพราะคุณค่าความดีที่ทำส่ง แต่มิหมายคลายภักดิ์รักในองค์ คือความตรงตามสัจจ์ที่จัดรู้ อันราชาว่าไว้เรือใหญ่กว้าง รอบระวางห่างตาจรดฟ้าลู่ มีประชาหน้าใสใจเอ็นดู คอยหนุนอยู่มิยั้งพลังเคียง หากลำเรือเจือจุนไม่วุ่นคว้าง นทีกว้างกระแสลึกไม่สึกเสี่ยง หากหันเรือเจือใส่หินไหลเรียง อาจเพราะเพียงหลงไหลไกลร่องน้ำ หินโสโครกโยกไหวให้มองเห็น มิใช่เป็นเรือนเรือจุนเจือหนำ เพราะคมซ่อนตอนซบเรือจบลำ ขอเน้นคำคงค่าอย่ากลัวเรา โพสต์โดย : piangdin ID # 1761822 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:18:03 _ ปิดข้อความ แก้ไข ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า… ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า เกินประชาชนช่วยด้วยใจหนุน อันกษัตริย์ชัดเรือเมื่อน้ำจุน มิเห็นคุณเรือล่มจักจมวาย อันบุญคุณหนุนข้าประชาไพร่ มากเพียงใดด่ำนึกลองตรึกหมาย ก็ย่อมรู้อยู่ชัดขัดความราย คุณสลึงขึงหลายกลายบาทล้าน อันคำความลามหล้าว่าทรงเด่น คำต่อคำเลยเป็นศักดิ์สถาน อันกรรมเก่ากลั้วใหม่คงไม่นาน ก็ถึงกาลวัดกลับนับความจริง จะก่อกรรมนำเกินบนเนินร่าง เอาภาพสางซ่อนใส่ในทองนิ่ง เอาภาพหมามาว่อนซ่อนภาพลิง แล้วความจริงจักหายไปได้ฤา? โพสต์โดย : Real Gr\’ ID # 1761831 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:21:51 _ ปิดข้อความ ……… เหอๆ ……… ท่านpiangdin เครื่องร้อนจังเลยครับ …….. โพสต์โดย : piangdin ID # 1761840 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:26:34 _ ปิดข้อความ แก้ไข ตอนนี้ ทั่วแผ่นดินไทย ร้อนยิ่งกว่าบทกวีหน่อมแน้มข้างบนด้วยซ้ำ ท่าน Real GR\’ เมื่อท่านฟังเสียงประชา เมื่อนั้นท่านจักได้ยินเสียงธรรม… ที่แท้จริง โพสต์โดย : ดอ-เด็ก ID # 1761846 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:28:21 _ ปิดข้อความ อิอิ ท่านคฑาวุฑบอกว่า คนอยู่สูงดันนอนหงาย มักมองอะไรไม่เห็น ควรเปลี่ยนท่านอนใหม่ โพสต์โดย : piangdin ID # 1761860 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:33:01 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณคฑาวุธออกหมัดคมมากครับ เมื่อคืนที่ผ่านมา คุณดอ-เด็ก หากเราจะเอาความจริงมาแก้ปัญหาบ้านเมือง เราก็ต้องพูดความจริงกันให้หมดครับ และก็ต้องให้ทุกคนที่เข้าใจความจริง ช่วยกันแก้ครับ ราช-ประชาสมาศัยเท่านั้น ที่จะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ในยามนี้ ไม่ใช่ราชา ขุนศึกและกลุ่มผลประโยชน์ส่วนน้อยของบ้านเมือง โพสต์โดย : kroo-it ID # 1761879 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:44:11 _ ปิดข้อความ โอ้โฮ นี่ชาวบ้านพูดหรือนี่ เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้วค่ะ คนกรุงเทพ ลองมาฟัง เผื่อจะอายคนบ้านนอกบ้าง ขอคารวะจริงๆ ค่ะ คุณเพียงดิน กระทู้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อ่านไม่ทัน เพื่อนเล่าให้ฟัง หายจ้อยเลย โพสต์โดย : piangdin ID # 1761884 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:50:18 _ ปิดข้อความ แก้ไข สวัสดีครับ คุณkroo-it ผมเคยปะทะความคิดกับเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งนิดหน่อยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เพราะผมคิดว่า แกนนำเรา ต้องเรียนรู้และก้าวให้ทันประชาชนให้ได้ อย่าคิดว่าเป็นแกนนำแล้วจะทำอะไรตามใจ หรือเคลื่อนไหวตามที่ ตนเองคิดว่าเหมาะสม โดยไม่ไปตามสอบถามให้รู้ว่า ชาวบ้านไปถึงไหน รู้อะไร คิดยังไง และอยากจะให้เกิดอะไรขึ้น… เพราะหากแกนนำตามชาวบ้านไม่ทัน การนำมันจะมีปัญหา และจะห้าม คนที่รู้มากแล้วไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า หรือไปย่ำกับที่ฟังปราศรัยและ การร้องเพลงแบบไม่เห็นผลในเชิงยุทธวิธี มันก็จะไม่สมเหตุสมผล และในที่สุดก็จะขาดความชอบธรรมในการนำพลังประชาชนไปแบบ น่าเสียดาย… และที่สำคัญนะ ผมว่าคนที่ไปย่ำโคลนเมื่อวันก่อนน่ะ… หรือคนที่ไปทนแดดทนร้อน หน้าทำเนียบเป็นสัปดาห์น่ะ เกินครึ่งก็เป็นพวกใจเด็ดจากท้อง ไร่ท้องนานี่แหละ… โพสต์โดย : Reddish ID # 1761892 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:56:14 _ ปิดข้อความ Where else should be?? and which strategies do you think we would rather use? โพสต์โดย : piangdin ID # 1761897 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 13:57:06 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณครูครับ กระทู้นี้กระมังครับ ผมย้ายไปไว้ที่นี่ครับ http://worldwhywebbbb.blogspot.com/ โพสต์โดย : piangdin ID # 1761903 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:02:12 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณReddish Avatar น่ารักครับ ส่วนเรื่องทางออกใครทำอะไร คงมีรายละเอียดมากมาย ผมยังไม่มีสมาธิ นั่่งคิดและเขียนอะไรแบบเป็นระบบซักที แต่ผมคิดว่า ใครทำอะไรได้ต้องทำ จับเป้าให้ชัดแล้วก็รวมกลุ่มกันเป็นคณะปฎิวัติสังคมย่อย ๆ คำตอบสำคัญ ผมคิดว่าอยู่ในรูปนี้ครับ การต่อต้านธนาคารกรุงเทพ และสินค้าที่สนับสนุนสีเหลือง การบอยค็อตรัฐบาลทรราษฎร์ การแสดงอาการเดียดฉันท์ทหารที่แตกแถว การชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ การจัดเสวนาหลาย ๆ เวที การรวมกลุ่มกันร่างรัฐธรรมนูญล่วงหน้า การเรียกร้องให้จัดการกับพันธมิตร การเรียกร้องให้คืนดีสเตชั่น การทำหน้งสือพิมพ์สีแดง เหล่านี้คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแล้วครับ ฯลฯ โพสต์โดย : khongwan ID # 1761921 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:08:30 _ ปิดข้อความ [size=2]นึกถึงการเล่นตนตรีไทยประเภทเครื่องสายเช่น ……….”สีซอ”…….[/size=] โพสต์โดย : กูละเบื่อ ID # 1761923 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:09:15 _ ปิดข้อความ ขอโทษที่มาขัดนะครับ แล้วแน่ใจหรือครับว่าแกนนำไม่รู้เรื่องหรือตามประชาชนไม่ทัน แต่มันต้องมีหลักมีเชิง มีรูปแบบการต่อสู้ที่ต้องไม่เปิดช่องให้ฝ่ายสัตว์ตรูจัดการได้แบบตรงๆ คิดหรือว่าสัตว์ตรูทั้งหลายมันไม่รู้ว่าเรารู้และมันเองก้อรู้ว่าใคร เพียงแต่เราต้องกระชากมันบ้างบนดินและห่างถาโถมทางใต้ดิน ส่วนประชาชนที่รู้ก้อลุยเลยไม่ต้องรอ ไม่ต้องยั้ง เพราะแกนนำไม่สามารถ ที่จะทำได้ถนัด ใครถนัดอันไหนลุยไม่ต้องรอแกนนำ แกนนำมีหน้าที่หลักคือตรึงมวลชนและระดมมวลชนให้มากขึ้นโดยเฉพาะพวกกลางๆ ยังไม่ตาสว่าง และพวกเพิ่งตาสว่าง ส่วนพวกตาสว่างใสปิ้งก้อต้องช่วยแกนนำในการเบิกพระเนตรคนให้ได้เร็วที่สุด เพื่อให้มีมวลชนรู้จริง เข้าใจจริง พร้อมจริง กล้าจริง และเอาจริง เพื่อวันนึงแกนนำจะได้มีโอกาสพูดแบบเต็มตัว มีหลายกลุ่มมากที่กระทำทางใต้ดินอยู่แต่บนดินก้อต้องสู้ตามกระบวนการบนดิน จะให้กดหมาๆมาทำให้เสียกระบวนไม่ได้ ก้อรู้อยู่ใครกุมอำนาจและอยู่เบื้องหลัง ขออภัยที่ขัดอารมณ์ โพสต์โดย : khongwan ID # 1761924 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:10:27 _ ปิดข้อความ นึกถึงการเล่นตนตรีไทยประเภทเครื่องสายเช่น …………..”สีซอ”…… โพสต์โดย : piangdin ID # 1761938 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:19:41 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณกูละเบื่อครับ ผมค่อนข้างแน่ใจว่า แกนนำเรียนรู้จาก ข้อผิดพลาดที่ผ่านมาแล้ว และคงพยายามปรับเปลี่ยน ยุทธวิธีอยู่ แต่จะตามทันหรือไม่ ตามทันแล้ววางกลยุทธ ดีขนาดไหน อันนี้ก็ต้องดูผลงานกันต่อไป ผมเองโดยส่วนตัว ไม่คิดว่าแกนนำบนเวที คือแกนนำ ฝ่ายเดียวหรอกครับ พวกเขาดึงมวลชนและสร้างกระแส ที่เป็นกำลังและภาพหลักได้ แต่ต้องไม่ลืมกระแสที่ ชาวบ้านเขาจับหัวนินทากันเอง แล้วตั้งหัวหน้ากลุ่ม หรือกลุ่มคุณคฑาวุธที่ทั้งสร้างมวลชน เช่น ผลิตซีดี ให้ข้อมูลทางสถานีวิทยุ และต้องไม่ลืมคุณูปการ ของอาจารย์ชูพงษ์ ถี่ถ้วนด้วย อย่าเข้าใจผิดว่าผมดูถูกแกนนำนะครับ ผมเชื่อว่าพวกเขา เรียนรู้และปรับตัวอยู่ แต่ยังต้องดูกันต่อว่า จะปรับแผน ได้ดีขนาดไหน และจะได้ผลยังไงบ้าง แต่เช่ื่อว่าดีขึ้น สรุปได้ว่า ผมไม่รู้สึกขัดใจแต่อย่างใดครับ คุณอย่าเบื่อ การแสดงความเห็นที่ไม่ยกยอแกนนำเสียก่อนล่ะ เพราะ คนที่รักกันจริง ต้องติติงกันได้ ต้องให้ข้อคิดกัน ต้องขัดใจกัน ผมไม่ได้ขัดใจหรือติติงแบบไร้ทางสร้างสรรค์ดอกครับ ให้กำลังใจแกนนำเสมอ แต่ต้องติงไว้ว่า แกนนำต้อง นำให้เด็ดขาดกว่าที่ผ่านมา…แค่นั้นเอง เชิญตามสบายครับ มีสิทธิแสดงความเห็นต่างได้เสมอ เพราะนั่นคือทางแห่งการแตกหน่อทางปัญญาครับ โพสต์โดย : piangdin ID # 1761944 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:22:40 _ ปิดข้อความ แก้ไข สิ่งที่คุณกูละเบื่อเสนอ คล้าย ๆ กับที่ผมเขียนไว้ที่กระทู้คุณเสรีชน ดังนี้ครับ สิ่งที่สีแดงควรต้องคิดทำกันให้มาก นอกจากการช่วยกันต่อสู้ กันในเชิงข้อมูลความคิดในทุกระดับแล้ว เราควรหาทางเพิ่ม จำนวนคนที่มีคุณภาพความรู้และความคิดมากในระดับที่อยู่ไม่ได้ เมื่อเห็นสิ่งไม่ยุติธรรม หรือทนไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งเลวร้ายต่อหน้าต่อตา และทนไม่ได้ที่จะต้องลุกขึ้นมาร่วมการชุมนุมเคลื้อนไหว หรือถึงขนาด ต้องลุกมาปลุกมวลชนและเป็นแกนนำระดับท้องถิ่นเอง ชัยชนะที่แท้จริงไม่ใช่อยู่แค่ภาพคนแน่นเวทีทุกครั้งที่พูด โดยเป็นคนกลุ่ม เดิมที่อุดมการณ์เติบโตถาวรแล้ว แต่อยู่ที่การขยายจำนวนของคนที่ เปลี่ยนความคิดและทัศนคติเป็นแดงแท้ แดงคุณภาพต่างหาก ไม่ทราบเรามีการเก็บสถิติหรือไม่ว่า ทุนที่ลงไป แรงที่ใส่เข้าไป และทุกวัน ที่ผ่านไป เราคุยกันไปปลอบใจตัวเองด้วยภาพเดิม ๆ หรือเราได้มวลชน เพิ่มขึ้นทุกวันกันแน่ ด้วยสภาพความไม่เป็นธรรมในบ้านเมือง และด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ เลวร้าย ตลอดจนฝีมือและทัศนคติการบริหารบ้านเมืองที่ห่วยเข้าขั้นบรมห่วย ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ผมเชื่อว่ามีคนกลายเป็นสีแดงเพิ่มขึ้น แต่หากจะให้ ได้ผลในเชิงปฎิวัติมวลชน เราต้องคิดเหมือนท่านทักษิณเชื่อ คือ การ เติบโต เปลี่ยนแปลง หรือการพัฒนานั้น เราปล่อยเลยตามเลยไม่ได้ แต่เราต้องเข้าไปวางแผนและจัดการในรายละเอียด โพสต์โดย : piangdin ID # 1761952 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-12 14:25:52 _ ปิดข้อความ แก้ไข คุณkhongwan ครับ no comment ครับ แต่ก็เชื่อลึก ๆ ว่า ถึงเวลาแล้ว คันฉ่องมันจะช่วยได้ครับ หากภาพยังไม่ชัด เวลาจะช่วย แต่หากคันฉ่องและเวลาไม่ช่วย ใครเล่าจะช่วยสถาบันฯ ที่คนไทยแหนหวงนี้ได้

อ.ชูพงศ์ ทางออกประเทศไทย 2 มีนาคม 2557 ตอน คสช.​ช่วยใครไม่ได้ หากไม่เปลี่ยนระบอบ http://youtu.be/WbyFV9xJf5o

 
คสช.​ช่วยใครไม่ได้ หากไม่เปลี่ยนระบอบ
อ.ชูพงศ์ อ.ชูพงศ์ ทางออกประเทศไทย 2 มีนาคม  2557
http://youtu.be/WbyFV9xJf5o





อ.ชูพงศ์ ทางออกประเทศไทย 2 มีนาคม 2557 ตอน คสช.​ช่วยใครไม่ได้ หากไม่เปลี่ยนระบอบ http://youtu.be/WbyFV9xJf5o

 
คสช.​ช่วยใครไม่ได้ หากไม่เปลี่ยนระบอบ
อ.ชูพงศ์ อ.ชูพงศ์ ทางออกประเทศไทย 2 มีนาคม  2557
http://youtu.be/WbyFV9xJf5o





วัฒนธรรมที่ทำลายชาติและสถาบันกษัตริย์ไทย

Posted on by

วัฒนธรรมที่ทำลายชาติและสถาบันกษัตริย์ไทย
โพสต์โดย : piangdin
ID # 803635 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-18 18:19:17 _ ปิดข้อความ แก้ไข

ประธานาธิบดีโอบามา ผู้ซึ่งมีนโยบายค่อนข้างเป็นมิตรกับการออกกฎหมายให้ทำแท้งโดยเสรี
ภาย ใตักรอบอันควร ได้ถูกเชิญไปรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ที่มหาวิทยาลัย Notre Dame ซึ่งเป็นมหาวิทยาล้ยที่ดำเนินการบนความเชื่อ Catholic ที่เคร่งครัด จึงต่อต้านการทำ
แท้งทุกกรณี โดยมหาวิทยาลัยนี้ตั้งอยู่ที่เมืองSouthbend มลรัฐ Indiana อันเป็นหนึ่งใน
รัฐที่อยู่แถว Midwest ซึ่งได้ชื่อว่าค่อนข้างมีผู้คนมีความคิดเคร่งศาสนาและอนุรักษ์นิยม
ไม่ใช่งานง่ายเลยที่จะถูกเชิญให้ไปรับเกียรติพูดในที่ ๆ ต่อต้านนโยบายของตน แต่ประธานาธิบดี
โอบามาก็ไม่ถอย และได้ก้าวเข้าไปเสนอความคิดที่น่าฟังอย่างยิ่ง กล่าวคือ โอบามากล่าวว่า
มนุษย์เราไม่มีทางเห็นตรงกันในรายละเอียด และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะจัดการได้ง่าย แม้ว่าในเรื่อง
ที่ดูเหมือนมีความถูกผิดชัดเจน แต่เมื่อเรามองเหตุผลจากมุมมองหลาย ๆ ด้าน เราก็จะพบว่า
ทุกฝ่ายมีเหตุผล มีความเชื่อ มีความจำเป็นที่ฟังขึ้นในความคิดของพวกเขาทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่
โอบามาคิดว่าควรต้องเกิดขึ้นในภาวะแห่งความขัดแย้งนี้ คือ การพยายามเข้าใจ ให้เกียรติกัน
และไม่พยายาม “demonize” หรือป้ายภาพมารร้ายให้กับฝ่ายอื่น

สิ่งที่ผมได้เห็นมาตั้งแต่ปี 47-48 ในประเทศไทย ก็คือ วัฒนธรรมการป้ายสี และสร้างภาพมาร
ร้ายให้แก่กันและกัน เริ่มตั้งแต่สนธิ ลิ้มฯ เป็นต้นเหตุ การรับจ้างแลกผลประโยชน์และการใช้
ความเกลียดชัง อิจฉา โกรธแค้นเป็นทุน สนธิลิ้มจึงสร้างวัฒนธรรมอันน่ากลัวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
การใช้ศัพท์ที่ทำให้เกิดภาพน่ากลัว น่าชัง น่าขยะแขยง โดยไม่มีคำอธิบายบนข้อเท็จจริง
หรือเราเรียกว่า labeling

การใช้สัญลักษณ์มือตบ อันเป็นการสร้างความรุนแรงเชิงสัญลักษณ์
การใช้สีเพื่อแบ่งข้างและทำให้กลุ่มตนมีพลังทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม
และเมื่อทำนาน ๆ เข้า ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ มักก็เกิดผลอย่างน่ากลัว และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ
มันได้ลามไปทั่วสังคมไทย ผ่านสื่อที่ไม่เป็นกลางและขาดความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
โดยมีทั้งภาพจริงและภาพตัดต่อ จนทุกวันนี้เราเชื่อสิ่งที่เห็นและได้ยินมาง่าย ๆ ไม่ได้แล้ว
เราไว้ใจกันและกันไม่ค่อยสนิทแล้ว

วัฒนธรรมอย่างว่านี้ ผมและพวกเราเองก็เลี่ยงลำบาก เพราะบนความคับแค้น บนความอยุติธรรม
บนความขยะแขยง และบนความเกลียดชังที่มันได้เกิดขึ้นจริง ๆ เราก็ไม่อยากจะข่มใจ
ไม่อยากยั้งคิด เพราะเราเห็นเต็มตา ได้ยินเต็มหู และรับรู้เต็มหัวใจว่า อีกฝ่ายมันเลวร้าย
เราก็เลยเริ่มทำตามบ้าง… วัฒนธรรม มันเป็นสิ่งที่ได้รับการปฎิบัติหรือเชื่อถือในสังคมวงกว้าง
การที่เราเริ่มเข้าไปร่วมวงสร้างวัฒนธรรม จึงทำให้มันเกิดเป็นวัฒนธรรมขึ้นมา
วัฒนธรรมอันเลวร้ายนี้ จะแก้ได้ก็ด้วยความเป็นอารยะ ความเข้าใจภาพที่กว้างและลึกกว่าแค่
ความโกรธแค้นหรือสะใจจะพาเราไปถึง แต่จะโทษใครล่ะครับ เพราะคนที่ควรจะห้ามไม่ให้เกิด
วัฒนธรรมนี้ เช่นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง กลับทำให้เกิดเชื้อไฟเสียเอง กลับเป็นคนอยู่
เบื้องหลังการสร้างเชื้อโรคเสียเอง!!! เราไม่มีโอบามา แต่เรากลับมีคนที่คุณภาพตรงข้ามสิ่ง
ดี ๆ ของโอบามา อย่างโอบามาร์ค และคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งทั้งหลาย ก็มิเคยมีสำนึก
ในการปกครองดูแลทิศทางของประเทศเอาเสียเลย หากในตระกูลใดมีพี่น้องลูกหลานใส่ร้าย
ป้ายสี ว่าร้ายและรุนแรงต่อกัน คนที่เป็นผู้ใหญ่ก็ควรลงมาให้ข้อคิดและตักเตือน ดังที่โอบามาทำอยู่

วันนี้ สถาบันกษัตริย์ถูกกล่าวถึงในเชิงร้ายอยู่มาก มีคนทำภาพราชวงศ์ให้ตกต่ำสุด ๆ
มีการใช้คำ วิดีโอ และรูปภาพสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้ภาพเทพ เป็นภาพ demon ขึ้นมากเรื่อย ๆ
วันนี้ วัฒนธรรมนี้กำลังทำร้ายคนไทย ประเทศไทย และแม้แต่สถาบันที่คนไทยเคยเคารพเชิดชูกันทั่วหน้า

จะโทษใคร จะคิดปรึกษากันยังไง หรือจะทำอย่างไรต่อ ก็ให้ท่านผู้เจริญด้วยปัญญาคิดและทำกันให้รอบคอบเองเถิด

โพสต์โดย : piangdin

ID # 1773257 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-18 18:31:02 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ผมต้องออกไปธุระนอกบ้าน อาจจะไม่มีเวลาตอบกระทู้ในสามสี่ชั่วโมงนี้
แต่เป็นห่วงว่า วัฒนธรรม demonizing นี้มันแก้ยาก ตราบใดที่คนของเรา
ยังไม่มีการพัฒนาหัวใจให้กว้างและยุติธรรม และใหญ่เหนือกว่าอคติและ
อวิชชาทั้งปวง
และที่สำคัญที่สุด ตราบใดที่ผู้ปกครองที่ไร้ความเป็นธรรม ไม่คืนธรรมให้กับ
คนในสังคมที่เรียกร้องหาความเป็นธรรม
สังคมไทยเรา มาถึงทางที่เล็ก จนเกือบตัน โดยมีคนไม่กี่คนยืนเหยียบช่อง
นั้นอยู่…
ทางแก้ที่เร็วและง่ายที่สุด ก็คือ การยกขาออกไป ก่อนที่ชาวบ้านจะเอา
มีดพร้ามาเฉาะให้ล้ม….
สวัสดีครับ
โพสต์โดย : piangdin
ID # 1773273 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-18 18:40:18 _ ปิดข้อความ แก้ไข
อ้อ ลืมเอาลิ้งค์มาฝากครับ

วัฒนธรรมที่ทำลายชาติและสถาบันกษัตริย์ไทย

Posted on by

วัฒนธรรมที่ทำลายชาติและสถาบันกษัตริย์ไทย
โพสต์โดย : piangdin
ID # 803635 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-18 18:19:17 _ ปิดข้อความ แก้ไข

ประธานาธิบดีโอบามา ผู้ซึ่งมีนโยบายค่อนข้างเป็นมิตรกับการออกกฎหมายให้ทำแท้งโดยเสรี
ภาย ใตักรอบอันควร ได้ถูกเชิญไปรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ที่มหาวิทยาลัย Notre Dame ซึ่งเป็นมหาวิทยาล้ยที่ดำเนินการบนความเชื่อ Catholic ที่เคร่งครัด จึงต่อต้านการทำ
แท้งทุกกรณี โดยมหาวิทยาลัยนี้ตั้งอยู่ที่เมืองSouthbend มลรัฐ Indiana อันเป็นหนึ่งใน
รัฐที่อยู่แถว Midwest ซึ่งได้ชื่อว่าค่อนข้างมีผู้คนมีความคิดเคร่งศาสนาและอนุรักษ์นิยม
ไม่ใช่งานง่ายเลยที่จะถูกเชิญให้ไปรับเกียรติพูดในที่ ๆ ต่อต้านนโยบายของตน แต่ประธานาธิบดี
โอบามาก็ไม่ถอย และได้ก้าวเข้าไปเสนอความคิดที่น่าฟังอย่างยิ่ง กล่าวคือ โอบามากล่าวว่า
มนุษย์เราไม่มีทางเห็นตรงกันในรายละเอียด และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะจัดการได้ง่าย แม้ว่าในเรื่อง
ที่ดูเหมือนมีความถูกผิดชัดเจน แต่เมื่อเรามองเหตุผลจากมุมมองหลาย ๆ ด้าน เราก็จะพบว่า
ทุกฝ่ายมีเหตุผล มีความเชื่อ มีความจำเป็นที่ฟังขึ้นในความคิดของพวกเขาทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่
โอบามาคิดว่าควรต้องเกิดขึ้นในภาวะแห่งความขัดแย้งนี้ คือ การพยายามเข้าใจ ให้เกียรติกัน
และไม่พยายาม “demonize” หรือป้ายภาพมารร้ายให้กับฝ่ายอื่น

สิ่งที่ผมได้เห็นมาตั้งแต่ปี 47-48 ในประเทศไทย ก็คือ วัฒนธรรมการป้ายสี และสร้างภาพมาร
ร้ายให้แก่กันและกัน เริ่มตั้งแต่สนธิ ลิ้มฯ เป็นต้นเหตุ การรับจ้างแลกผลประโยชน์และการใช้
ความเกลียดชัง อิจฉา โกรธแค้นเป็นทุน สนธิลิ้มจึงสร้างวัฒนธรรมอันน่ากลัวเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
การใช้ศัพท์ที่ทำให้เกิดภาพน่ากลัว น่าชัง น่าขยะแขยง โดยไม่มีคำอธิบายบนข้อเท็จจริง
หรือเราเรียกว่า labeling

การใช้สัญลักษณ์มือตบ อันเป็นการสร้างความรุนแรงเชิงสัญลักษณ์
การใช้สีเพื่อแบ่งข้างและทำให้กลุ่มตนมีพลังทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม
และเมื่อทำนาน ๆ เข้า ย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ มักก็เกิดผลอย่างน่ากลัว และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ
มันได้ลามไปทั่วสังคมไทย ผ่านสื่อที่ไม่เป็นกลางและขาดความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
โดยมีทั้งภาพจริงและภาพตัดต่อ จนทุกวันนี้เราเชื่อสิ่งที่เห็นและได้ยินมาง่าย ๆ ไม่ได้แล้ว
เราไว้ใจกันและกันไม่ค่อยสนิทแล้ว

วัฒนธรรมอย่างว่านี้ ผมและพวกเราเองก็เลี่ยงลำบาก เพราะบนความคับแค้น บนความอยุติธรรม
บนความขยะแขยง และบนความเกลียดชังที่มันได้เกิดขึ้นจริง ๆ เราก็ไม่อยากจะข่มใจ
ไม่อยากยั้งคิด เพราะเราเห็นเต็มตา ได้ยินเต็มหู และรับรู้เต็มหัวใจว่า อีกฝ่ายมันเลวร้าย
เราก็เลยเริ่มทำตามบ้าง… วัฒนธรรม มันเป็นสิ่งที่ได้รับการปฎิบัติหรือเชื่อถือในสังคมวงกว้าง
การที่เราเริ่มเข้าไปร่วมวงสร้างวัฒนธรรม จึงทำให้มันเกิดเป็นวัฒนธรรมขึ้นมา
วัฒนธรรมอันเลวร้ายนี้ จะแก้ได้ก็ด้วยความเป็นอารยะ ความเข้าใจภาพที่กว้างและลึกกว่าแค่
ความโกรธแค้นหรือสะใจจะพาเราไปถึง แต่จะโทษใครล่ะครับ เพราะคนที่ควรจะห้ามไม่ให้เกิด
วัฒนธรรมนี้ เช่นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง กลับทำให้เกิดเชื้อไฟเสียเอง กลับเป็นคนอยู่
เบื้องหลังการสร้างเชื้อโรคเสียเอง!!! เราไม่มีโอบามา แต่เรากลับมีคนที่คุณภาพตรงข้ามสิ่ง
ดี ๆ ของโอบามา อย่างโอบามาร์ค และคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่งทั้งหลาย ก็มิเคยมีสำนึก
ในการปกครองดูแลทิศทางของประเทศเอาเสียเลย หากในตระกูลใดมีพี่น้องลูกหลานใส่ร้าย
ป้ายสี ว่าร้ายและรุนแรงต่อกัน คนที่เป็นผู้ใหญ่ก็ควรลงมาให้ข้อคิดและตักเตือน ดังที่โอบามาทำอยู่

วันนี้ สถาบันกษัตริย์ถูกกล่าวถึงในเชิงร้ายอยู่มาก มีคนทำภาพราชวงศ์ให้ตกต่ำสุด ๆ
มีการใช้คำ วิดีโอ และรูปภาพสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ทำให้ภาพเทพ เป็นภาพ demon ขึ้นมากเรื่อย ๆ
วันนี้ วัฒนธรรมนี้กำลังทำร้ายคนไทย ประเทศไทย และแม้แต่สถาบันที่คนไทยเคยเคารพเชิดชูกันทั่วหน้า

จะโทษใคร จะคิดปรึกษากันยังไง หรือจะทำอย่างไรต่อ ก็ให้ท่านผู้เจริญด้วยปัญญาคิดและทำกันให้รอบคอบเองเถิด

โพสต์โดย : piangdin

ID # 1773257 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-18 18:31:02 _ ปิดข้อความ แก้ไข
ผมต้องออกไปธุระนอกบ้าน อาจจะไม่มีเวลาตอบกระทู้ในสามสี่ชั่วโมงนี้
แต่เป็นห่วงว่า วัฒนธรรม demonizing นี้มันแก้ยาก ตราบใดที่คนของเรา
ยังไม่มีการพัฒนาหัวใจให้กว้างและยุติธรรม และใหญ่เหนือกว่าอคติและ
อวิชชาทั้งปวง
และที่สำคัญที่สุด ตราบใดที่ผู้ปกครองที่ไร้ความเป็นธรรม ไม่คืนธรรมให้กับ
คนในสังคมที่เรียกร้องหาความเป็นธรรม
สังคมไทยเรา มาถึงทางที่เล็ก จนเกือบตัน โดยมีคนไม่กี่คนยืนเหยียบช่อง
นั้นอยู่…
ทางแก้ที่เร็วและง่ายที่สุด ก็คือ การยกขาออกไป ก่อนที่ชาวบ้านจะเอา
มีดพร้ามาเฉาะให้ล้ม….
สวัสดีครับ
โพสต์โดย : piangdin
ID # 1773273 – โพสต์เมื่อ : 2009-05-18 18:40:18 _ ปิดข้อความ แก้ไข
อ้อ ลืมเอาลิ้งค์มาฝากครับ

ทำอะไรเสียที ก่อนไพร่จะฆ่ากันเองจนเป็นธรรมเนียม



Posted on by


เมื่อก่อนเห็น สส. ไต้หวันหรือเกาหลีต่อยกัน
ยังเคยนึกขำและสมเพชพวกนั้นว่า ไร้อารยธรรม
แต่วันนี้ขำไม่ออก เมื่อมันเกิดเรื่องทำนองเดียวกันในสภาอันทรงเกียรติของไทย!
วันนี้ ชาวบ้านเริ่มอาฆาตนายกหน้าด้านว่า “สักวันหนึ่งเถอะ ฯลฯ”
วันนี้นายก รองนายก และนักการเมืองฝ่ายกุมอำนาจรัฐ นั่งรถเกราะ และมีขบวนคุ้มกัน
วันนี้ วัฒนธรรมการสร้างความเกลียดชังถูกทำให้ถูกกฎหมายและเป็นกิจวัตรหน้าจอทีวีและจอคอมฯ
วันนี้ ปากของนักการเมืองทำให้คนผิดศีลข้อหนึ่งในเชิงมโนกรรมค่อนประเทศ
ปัญหาของเมืองไทยนี้ จะเลวร้ายลง หากผู้นำเราถูกฆ่า
แม้ว่าในใจผมอยากแช่งชักหักกระดูกให้มันตายตกไปตามกัน…
แต่เมื่อนึกว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายยิ่งกว่านี้
และนึกว่า ประเทศไทยจะก้าวไปสู่อนาคตที่ดีได้ เราต้องเลือกทางอหิงสา…
เราต้องเอาอารยธรรมและหลักการเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ไม่ใช่ความรุนแรง
ใจลึก ๆ ผมเองก็อยากฆ่าฟัน เตะต่อย และเหยียบย่ำไอ้พวกปากดีแต่ย่ำยีประเทศชาติเป็นแก๊งค์
แต่เมื่อนึกถึงอนาคตของชาติแล้ว ก็ต้องขอให้พวกเราฟังเสียงแห่งสันติครับ เสียงที่มีวุฒิภาวะ
ท่านทักษิณ คุณจาตุรนต์ หรือแม้แต่คุณชูพงศ์ ต่างคิดเหมือนที่ผมคิด… คือเราจะก้าวไปสู่
ทางแห่งความเสื่อมอย่างสูงสุดไม่ได้ เราจะเอาบาปมาสร้างบุญไม่ได้….
แต่มนุษย์มันก็คือมนุษย์ที่อยู่ในวังวนกิเลส มีความรู้สึก มีความผิดพลาด
และพร้อมจะให้สันดานธรรมชาติออกมาทำงานเสมอ
ในเมื่อไม่มีความเสมอภาค ก็ไม่มีสันติสุข
ในเมื่อไม่มีความจริงใจ ก็ไม่มีการสมานฉันท์
ในเมื่อไม่มีความชอบธรรม ก็ไม่มีการยอมรับ
ในเมื่อไม่มีการเสียสละ ก็ไม่มีการยินยอมพร้อมน้ำใจ
ในเมื่อไม่มีทศพิธราชธรรม ก็ไม่มีการจงรักภักดี
ในเมื่อไม่มีความเป็นธรรม ก็จะไม่มีการให้เกียรติเชื่อฟัง
วันนี้ เราอยู่บนทางแยกสองทาง ทางหนึ่งต้องปีนขึ้นหน้าผา เหนื่อยและงานหนัก และใช้
ความพยายามและการเสียสละมากมาย
และอีกทางหนึง คือปล่อยให้แรงดึงดูดโลกพาร่างตกเหวลึก…
เราต้องเลือกทางสันติ… คนสีแดงได้เลือกมาตลอด
แต่เราเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถยอมแกล้งโง่ ยอมทนไปได้ตลอด
การแก้ปัญหาสังคมไทยวันนี้… มันอยู่ที่ความเสียสละและการมองบ้านเมืองเหนือกว่าประโยชน์
ส่วนตัวของชนชั้นศักดินาอภิสิทธิ์ครับ…
หากไม่ยอมเสียสละ และคิดแต่จะปกป้องประโยชน์ส่วนตน คนที่จะถูกผลักตกเหวตาม
รัฐบาลทรราช ไม่ใช่ใครอื่นหรอก… ท่านนั่นเอง…
(เอ แล้วใครหว่า?)

ทำอะไรเสียที ก่อนไพร่จะฆ่ากันเองจนเป็นธรรมเนียม



Posted on by


เมื่อก่อนเห็น สส. ไต้หวันหรือเกาหลีต่อยกัน
ยังเคยนึกขำและสมเพชพวกนั้นว่า ไร้อารยธรรม
แต่วันนี้ขำไม่ออก เมื่อมันเกิดเรื่องทำนองเดียวกันในสภาอันทรงเกียรติของไทย!
วันนี้ ชาวบ้านเริ่มอาฆาตนายกหน้าด้านว่า “สักวันหนึ่งเถอะ ฯลฯ”
วันนี้นายก รองนายก และนักการเมืองฝ่ายกุมอำนาจรัฐ นั่งรถเกราะ และมีขบวนคุ้มกัน
วันนี้ วัฒนธรรมการสร้างความเกลียดชังถูกทำให้ถูกกฎหมายและเป็นกิจวัตรหน้าจอทีวีและจอคอมฯ
วันนี้ ปากของนักการเมืองทำให้คนผิดศีลข้อหนึ่งในเชิงมโนกรรมค่อนประเทศ
ปัญหาของเมืองไทยนี้ จะเลวร้ายลง หากผู้นำเราถูกฆ่า
แม้ว่าในใจผมอยากแช่งชักหักกระดูกให้มันตายตกไปตามกัน…
แต่เมื่อนึกว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายยิ่งกว่านี้
และนึกว่า ประเทศไทยจะก้าวไปสู่อนาคตที่ดีได้ เราต้องเลือกทางอหิงสา…
เราต้องเอาอารยธรรมและหลักการเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ไม่ใช่ความรุนแรง
ใจลึก ๆ ผมเองก็อยากฆ่าฟัน เตะต่อย และเหยียบย่ำไอ้พวกปากดีแต่ย่ำยีประเทศชาติเป็นแก๊งค์
แต่เมื่อนึกถึงอนาคตของชาติแล้ว ก็ต้องขอให้พวกเราฟังเสียงแห่งสันติครับ เสียงที่มีวุฒิภาวะ
ท่านทักษิณ คุณจาตุรนต์ หรือแม้แต่คุณชูพงศ์ ต่างคิดเหมือนที่ผมคิด… คือเราจะก้าวไปสู่
ทางแห่งความเสื่อมอย่างสูงสุดไม่ได้ เราจะเอาบาปมาสร้างบุญไม่ได้….
แต่มนุษย์มันก็คือมนุษย์ที่อยู่ในวังวนกิเลส มีความรู้สึก มีความผิดพลาด
และพร้อมจะให้สันดานธรรมชาติออกมาทำงานเสมอ
ในเมื่อไม่มีความเสมอภาค ก็ไม่มีสันติสุข
ในเมื่อไม่มีความจริงใจ ก็ไม่มีการสมานฉันท์
ในเมื่อไม่มีความชอบธรรม ก็ไม่มีการยอมรับ
ในเมื่อไม่มีการเสียสละ ก็ไม่มีการยินยอมพร้อมน้ำใจ
ในเมื่อไม่มีทศพิธราชธรรม ก็ไม่มีการจงรักภักดี
ในเมื่อไม่มีความเป็นธรรม ก็จะไม่มีการให้เกียรติเชื่อฟัง
วันนี้ เราอยู่บนทางแยกสองทาง ทางหนึ่งต้องปีนขึ้นหน้าผา เหนื่อยและงานหนัก และใช้
ความพยายามและการเสียสละมากมาย
และอีกทางหนึง คือปล่อยให้แรงดึงดูดโลกพาร่างตกเหวลึก…
เราต้องเลือกทางสันติ… คนสีแดงได้เลือกมาตลอด
แต่เราเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถยอมแกล้งโง่ ยอมทนไปได้ตลอด
การแก้ปัญหาสังคมไทยวันนี้… มันอยู่ที่ความเสียสละและการมองบ้านเมืองเหนือกว่าประโยชน์
ส่วนตัวของชนชั้นศักดินาอภิสิทธิ์ครับ…
หากไม่ยอมเสียสละ และคิดแต่จะปกป้องประโยชน์ส่วนตน คนที่จะถูกผลักตกเหวตาม
รัฐบาลทรราช ไม่ใช่ใครอื่นหรอก… ท่านนั่นเอง…
(เอ แล้วใครหว่า?)