Saturday, October 31, 2015

The God Delusion: Richard Dawkins ศาสนาคือที่มาของความชั่วร้ายในสังคมมนุษย์!!!

The God Delusion: Richard Dawkins ศาสนาคือที่มาของความชั่วร้ายในสังคมมนุษย์!!!

https://youtu.be/9FiHRVb_uE0

The God Delusion: Richard Dawkins ศาสนาคือที่มาของความชั่วร้ายในสังคมมนุษย์!!!    Download

The God Delusion: Richard Dawkins ศาสนาคือที่มาของความชั่วร้ายในสังคมมนุษย์!!!





The God Delusion: Richard Dawkins ศาสนาคือที่มาของความชั่วร้ายในสังคมมนุษย์!!!



The God Delusion: Richard Dawkins ศาสนาคือที่มาของความชั่วร้ายในสังคมมนุษย์!!!    Download

อย่าให้ไทยเหมือนซีเรีย The war in Syria explained in five minutes | Guardian Animations



อย่าให้ไทยเหมือนซีเรีย The war in Syria explained in five minutes | Guardian Animations

 https://youtu.be/K5H5w3_QTG0







Download

อย่าให้ไทยเหมือนซีเรีย The war in Syria explained in five minutes | Guardian Animations

อย่าให้ไทยเหมือนซีเรีย The war in Syria explained in five minutes | Guardian Animations 

 https://youtu.be/K5H5w3_QTG0

 

Download

บทเรียนจากซีเรีย...คนไทยควรศึกษา BBC Syrian Uprising Documentary

https://youtu.be/IF7sRdOJMD0

BBC Syrian Uprising   Documentary

Download

การบินไทย....ทำไมถึงเจ๊ง โดย มติชนทีวี

https://youtu.be/L4Lu75ZMgTE

 การบินไทย....ทำไมถึงเจ๊ง  โดย มติชนทีวี

Download

ส่งตัว"หยอง"กลับเรือนจำ ชี้หมอรักษาจนอาการดีขึ้น | เดลินิวส์

ส่งตัว"หยอง"กลับเรือนจำ ชี้หมอรักษาจนอาการดีขึ้น | เดลินิวส์
„ส่งตัว"หยอง"กลับเรือนจำ ชี้หมอรักษาจนอาการดีขึ้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผย แพทย์ได้วินิจฉัยให้ส่งตัว "หมอหยอง" ผู้ต้องขังคดีความผิด 112 กลับไปควบคุมในเรือนจำชั่วคราวภายใน มทบ.11 แล้ว หลังได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้น วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2558 เวลา 12:12 น."

อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/crime/357870


เครื่องบินรัสเซียตกที่อียิปต์ ผู้โดยสาร-ลูกเรือเสียชีวิตทั้งลำ224ศพ ญาติร่ำไห้ระงม

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15:07:00 น.
เครื่องบินรัสเซียตกที่อียิปต์ ผู้โดยสาร-ลูกเรือเสียชีวิตทั้งลำ224ศพ ญาติร่ำไห้ระงม



มาแล้ว!!! 'เครือข่ายอาจารย์มหาวิทยาลัย' ออกแถลงการณ์ 'มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร'

'เครือข่ายอาจารย์มหาวิทยาลัย' ออกแถลงการณ์ 'มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร'

เครดิต ประชาไท

http://prachatai.org/journal/2015/10/62202

Sat, 2015-10-31 16:24


หลังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการสอนในสถาบันอุดมศึกษาทำให้มีการต่อ ต้านรัฐบาล เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยชี้ การที่จะนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความขัดแย้งเพื่อไปสู่สังคมที่มีสันติภาพนั้น ไม่สามารถข่มขู่ด้วยการใช้อำนาจ
 
31 ต.ค. 2558 เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย ได้ออกแถลงการณ์ "มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร" ระบุว่าหลังมีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนในสถาบัน อุดมศึกษาว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลซึ่งไม่ได้เป็น ประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยรวมนั้น เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัยชี้การที่จะนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความขัดแย้ง เพื่อไปสู่สังคมที่มีสันติภาพไม่สามารถข่มขู่ด้วยการใช้อำนาจ โดยรายละเอียดทั้งหมดมีดังต่อไปนี้
 
แถลงการณ์เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย
เรื่อง มหาวิทยาลัยไม่ใช่ค่ายทหาร
 
จากการที่ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนใน สถาบันอุดมศึกษาว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลซึ่งไม่ได้ เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยโดยรวมนั้น ในฐานะคณาจารย์ในมหาวิทยาลัย ขอแสดงปฏิกิริยาต่อคำวิจารณ์ดังกล่าว ดังต่อไปนี้
 
ประการแรก "เสรีภาพ" เป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความงอกงามในทางความรู้  การแสดงความเห็นจากมุมมองหรือวิธีคิดที่แตกต่างบนพื้นฐานของการใช้เหตุผล และข้อเท็จจริง จะนำไปสู่ความเข้าใจใหม่ในเรื่องต่างๆ ซึ่งทำให้มนุษย์และสังคมมีความรู้และสติปัญญามากขึ้น สามารถจัดการปัญหาและเผชิญหน้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  การจัดการเรียนการสอนของคณาจารย์จำนวนมากในมหาวิทยาลัยจึงไม่ได้เป็นการสอน ให้ท่องจำและยึดมั่นในวิธีคิดและอุดมการณ์แบบใดแบบหนึ่งโดยปราศจากการโต้ แย้ง เพราะบทเรียนจากประวัติศาสตร์ทั้งในสังคมไทยและสังคมอื่นๆ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าการปลูกฝังอุดมการณ์หรือ "ความเชื่อ" หนึ่งๆ เพื่อครอบงำสังคมหมายถึงการทำให้คนในสังคมยอมรับโครงสร้างอำนาจแบบใดแบบ หนึ่งที่คนบางกลุ่มได้ประโยชน์ และอาจส่งผลให้มีการใช้ความรุนแรงหรือแม้กระทั่งการเข่นฆ่าผู้คนร่วมสังคม ที่ปฏิเสธโครงสร้างอำนาจดังกล่าว ดังนั้น คณาจารย์จำนวนมากจึงเห็นว่าการทำให้เกิดทัศนะวิพากษ์หรือมุมมองที่แตกต่าง เป็นเรื่องสำคัญยิ่งในสังคม เพื่อให้ผู้คนในสังคมสามารถคิดได้เอง และมีความเคารพตลอดจนความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจในผู้คนที่มีมุมมองแตก ต่างจากตนเองอย่างแท้จริง 
 
ประการที่สอง ในสังคมไทยยุคโลกาภิวัตน์ที่ชีวิตและความคิดของผู้คนมีความแตกต่างหลากหลาย การใช้อำนาจบังคับให้บุคคลต้องปฏิบัติไปในรูปแบบเดียวกันไม่ว่าจะโดยอำนาจ จากปากกระบอกปืนหรืออำนาจกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม อาจจะทำให้เกิดความสงบราบคาบขึ้นได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำพาสังคมไทยไปสู่ภาวะแห่งสันติสุขได้อย่างแท้จริง  การสร้างความเห็นพ้องต้องกันในเรื่องต่างๆ รวมทั้งความชอบธรรมในการใช้อำนาจจำเป็นต้องมีรากฐานอยู่บนการถกเถียงกันด้วย ความรู้ เหตุผล และข้อเท็จจริง ในบรรยากาศของความเสมอภาคและเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตย 
 
พวกเราในฐานะคณาจารย์จากสถาบันการศึกษาหลายสถาบัน มีความเห็นร่วมกันว่าการที่จะนำพาสังคมไทยให้พ้นจากความขัดแย้งเพื่อไปสู่ สังคมที่มีสันติภาพ ความเสมอภาคและความเป็นธรรมในระยะยาวได้นั้น หลักการพื้นฐานคือต้องสร้างสังคมที่สามารถยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง มีกระบวนการในการจัดการกับปัญหาข้อขัดแย้งต่างๆ ที่เป็นธรรมและโปร่งใส มีระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นกลางและตรวจสอบได้ ซึ่งสังคมในลักษณะดังกล่าวก็คือสังคมที่ปกครองในรูปแบบเสรีประชาธิปไตย โดยมีรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการสร้างความเป็นธรรมและค้ำประกันสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน ทั้งนี้ สถาบันการศึกษาทุกระดับย่อมมีหน้าที่โดยตรงในการสร้างสังคมแบบประชาธิปไตย ดังกล่าวนี้  มิใช่ทำให้ยอมรับการข่มขู่ด้วยอำนาจซึ่งมีแต่จะนำพาสังคมไทยให้จมดิ่งลงไป สู่ความมืดมนทางปัญญาและไม่อาจปรับตัวได้ในโลกปัจจุบันและอนาคต
 
ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อสังคมไทย
เครือข่ายคณาจารย์มหาวิทยาลัย

ข่าวลับกรองแล้ว 1 พฤศจิกายน 2558 "หมอหยอง:วังไทยเครื่องในเน่า ยังจะเอากันตายอีกหลายตลบ"

ข่าวลับกรองแล้ว 1 พฤศจิกายน 2558 

"หมอหยอง:วังไทยเครื่องในเน่ายังจะเอากันตายอีกหลายตลบ"


สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/


*ทำไมหมอหยองและทีมงานจึงถูกกวาดล้างอย่างหฤโหด?ใครเป็นคนทำ?และทำไมจึงต้องทำอย่างนี้?...ไม่ต้องถามเพราะคนที่ทำไม่บอกและก็บอกแล้วว่าห้ามถาม!!เพราะเป็นเรื่องของมือที่มองไม่เห็นที่มีหลายมือ...คำตอบมีเพียงว่า"วังไทยเครื่องในเน่ายังจะเอากันตายอีกหลายตลบ"แต่ก่อนจะถึงมือที่มองไม่เห็นในฐานะคนสั่งการจะตายชาวบ้านทั้งเหลืองทั้งแดงจะต้องตายกันก่อนอย่างที่เห็น


*นามสกุล"วารุณประภา"ก็ไม่ใช่เล็กๆแต่ก็ต้องไปรับศพพ.ต.ต.ปรากรม คนในครอบครัวอย่างโศรกเศร้าและห้ามทุกคนในครอบครัวพูดในเงื่อนไขต้องรีบเอาไปเผาทันทีจึงจะรับไปได้,ส่วนศพพลตรีพิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุทธยา ในฐานะราชองครักษณ์ใกล้ชิด,เห็นนามสกุลก็รู้เป็นสายพันธุ์เจ้าเหลืองก็ยิ่งหนักใหญ่,อ้างว่าฆ่าตัวตายเอง,อย่าว่าแต่ไม่มีใครในครอบครัวที่จะกล้าพูดแม้แต่ข่าวหนังสือพิมพ์ที่เป็นทางการก็ไม่ให้ลงทั้งๆที่ยศและตำแหน่ง,เครื่องราช,สายสกุลต้องได้รับพระราชทานเพลิงศพก็ต้องเผากันอย่างเงียบๆ


*ใกล้ครบรอบปีการกระโดดตึกตายในค่ายทหาร(ตามข่าว)ของพ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ยศสูงระดับผบก.1กองปราบสายตรงของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ เมื่อวันที่ 25พฤศจิกายน2557ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่จับนายแต่ลูกน้องก็ต้องไปกระโดดตึกตายทันทีและก็นำไปเผาในวันนั้นทันทีสูตรเดียวกันกับพ.ต.ต.ปรากรมคือญาติๆไม่กล้าถามและไม่กล้าสงสัย


*ตาสว่างกันหรือยังเสื้อเหลืองเพื่อนหมอหยองและเพื่อนปรากรม?...ยังอยากจะตายตามไปรับใช้เจ้าในชาติหน้ากันอีกใหม?

*สำหรับเสื้อแดงชัดแล้วต้องเปลี่ยนระบอบเท่านั้นชีวิตคนไทยจึงจะดีขึ้น...เสื้อเหลืองส่วนหนึ่งคงตาสว่างแต่อีกส่วนยังแกล้งโง่แต่คงแกล้งโง่ได้อีกไม่นานก็ต้องเห็นความจริงว่าในครอบครัวอลเวงนี้เลวทุกคน"เห็นประชาชนผู้เสียภาษีเลี้ยงตัวเองเป็นข้าทาส"...เห็นข้าทาสที่รับใช้ใกล้ชิดเป็นมดปลวก...ใช้ให้ไปหาเงินมาถวายมีปัญหาก็ฆ่าทิ้ง...แม้แต่คนที่เข้ามาเป็นเมียเป็นผัวก็ไม่เว้นวันนี้ศพหมอเก้งผัวจุฬาภรณ์ยังหาทรากไม่เจอแต่ก็ช่วยกันตอแหลด้วยจงรักภักดีว่า"ยังไม่ตายบวชพระอยู่ที่นั่นอยู่ที่นี่!!"แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยมีข่าวจริงรอดมาให้เห็นเลย

*ถ้าไม่รู้ว่าเขาหาเงินกันอย่างไรให้พลิกไปอ่านข่าวลับกรองแล้วเมื่อ 1ธันวาคม2557 สปท.เคยจำแนกไว้แล้ว(กดลิ้งดูใหม่ยังทันสมัย)

-------------

ข่าวลับกรองแล้ว 1 ธันวาคม 2557


-------------


*สปท.บอกให้เอาบุญสำหรับทหารตำรวจเหลืองที่ยังหน้ามืดตาบอดต้องการจะรับใช้หาเงินถวายแล้วไม่ต้องตาย,แบบนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิตคือ(1)หาส่งส่วยตามระบบคือเก็บส่วยหวย,บ่อน,ซ่องกระหรี่จากสถานีตำรวจระดับอำเภอส่งขึ้นจังหวัด,ภาค,จนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วผบ.ตร.,ผบ.ชน.นำขึ้นถวายทุกพระองค์(หากมีการโกงกันบ้างในเส้นสายข่าวรั่วบ้างแต่ไม่ถึงคนรับสูงสุดก็ไม่เป็นไร)และท่านทุกพระองค์ก็จะช่วยคุ้มครองให้ทุกคนที่ช่วยเก็บส่วยถวายได้มีอยู่มีกินอิ่มหนำสำราญแบ่งส่วนกันไปด้วยการไม่อนุญาติให้ทุกรัฐบาลนำหวยใต้ดินขึ้นบนดินและไม่อนุญาติให้เปิดบ่อนคาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายเหมือนประเทศทั่วไปเพราะจะทำให้ทุกคนขาดรายได้(เจ้ามือหวยขนาดเล็กตามอำเภอต้องจ่ายมือละ30,000-50,000บาทต่อเดือน,ส่วนมือใหญ่ต้องแสนขึ้นอำเภอหนึ่งมีเจ้ามือ5-8ราย)/(2)จัดตีกอล์ฟ,จัดกีฬาต่างๆรายได้ถวายเป็นพระราชกุศล (3)พ่อค้านายทุนแบ่งกำไรที่ตราครุฑหน้าบริษัทช่วยให้เสียภาษีน้อยลงก็จะนำเงินไปถวายแล้วก็ได้ออกข่าวทีวีสองทุ่ม

*การหาเงินที่เป็นอันตรายและต้องระวังและตายมาหลายคนแล้วคือการจัดหาเงินเพียงต่อเดียวแล้วทูลเกล้าถวายเลยเพราะตรวจสอบการอมและเกิดการระแวงได้ง่าย,ก่อนหน้านี้ก็มีตายเซ่นสังเวยให้เห็นแล้วเช่นนายประเสริฐ วงศ์ลาวัลย์ ทั้งๆที่หนีไปบวชแล้วก็ถูกสังหารในผ้าเหลืองทิ้งศพไว้ที่จังหวัดชัยนาทเมื่อ 18 กันยายน 2552(ถามอากู๋เกิลดูได้)หรือล่าสุดการตายของ'เสี่ยอู๊ด'นายสิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระคนดังที่มีผลงานล่าสุดคือสร้าง'พระสมเด็จเหนือหัว'ขายทุกส่วนราชการและทุกรัฐวิสาหกิจ,ก็ต้องติดคุกสังเวยแบบเดียวกับหมอหยองเพราะอมหัวคิวมากไปแต่ถวายทูลเกล้าน้อยและสุดท้ายก็ต้องจบชีวิตอย่างมีปริศนา(หลังออกจากคุก)ในโรงแรมที่จังหวัดพิษณุโลก,หรือแม้แต่ท่านผู้หญิงวิริยา ที่จัดหาเงินถวายเป็นประจำตามสั่งก็ถูกขับไล่ไม่ให้เข้าวังเมื่อไม่พอพระทัยและระแวงตามคำเพ็ดทูลของขี้ข้าด้วยกันเป็นต้น,การหาเงินที่รับจากผู้จ่ายสายตรงต่อเดียวถึงผู้รับเลยนี้อันตรายมากถ้าพลาดหรือผิดอารมณ์เป็นตายหรือติดคุกมืดอย่างทรมานดังเช่นหมอหยองและพรรคพวกวันนี้(แต่สำหรับผู้ที่มีเกราะคุ้มกันชั้นท่านผู้หญิงหรือวรชายาก็อาจจะรอด)

*วิธีหาเงิน"แนวพระราชนิยม"ที่ทำกันทุกคนในครอบครัวอลเวงคือตั้งมูลนิธิสารพัดมูลนิธิเพื่อทำการค้าและรับเงิน(บีบ)บริจาคเพื่อการกุศล(บังหน้า)และการจัดโครงการกิจกรรมตามพระราชประสงค์ซึ่งลักษณะนี้กำลังเป็นที่นิยมของบรรดาไพร่,หมอดูและพวกทรงเจ้าเข้าผีที่เห็นช่องทางเพราะบรรดามรว.,มล.เชื้อพระวงศ์ทั้งหลายส่วนมากจะหน้าบางไม่กล้าเข้าพบเพื่อตบทรัพย์บรรดาเจ้าสัว,ดังนั้นวันนี้รอบๆทุกพระองค์แม้แต่เทพถ่างในส่วนงานหาเงินขึ้นทูลเกล้าก็จะมีพวกนามสกุลไพร่เปลี่ยนใหม่ดึงกันเป็นสายเข้ามารับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทเป็นแถวเป็นทิวซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นละครสมบทบาทตามแต่พระทัยประสงค์(สอพลอ)ถึงขนาดประทับทรงได้ทุกรัชกาล(รัชกาลที่9ถ้าไม่มีการกวาดล้างหมอผีความงมงายคงได้ประทับทรงเร็วๆนี้)


*ก่อนหมอหยองจะโด่งดังถึงขนาดเจ้าสัวซีพีและเบียร์ช้างต้องเอาเงินไปถวายผ่านพร้อมกราบไหว้หมอหยองต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ว่าที่รัชกาลที่10 ก็หากินรับงานประทับทรงตั้งศาลพระพรม,ดูฮวงจุ้ยทั้งในไทยและอาเซี่ยนแม้แต่บริษัทกาแฟดาวเรืองในลาวยังเคยพึ่งบารมี'เทพหยอง',เมื่อไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆถึงขั้นหมอบคลานปัดละอองธุรีที่พระเกือกฟ้าชายได้,มีหรือที่ตำรวจทหารจะไม่หวังพึ่งเทพหยองในการถวายเงินเพื่อเลื่อนยศ

*หมดหมอหยองยังมีอีกหลายหมอทั้งที่อยู่รอบตัวทุกพระองค์และพร้อมจะเดินเข้าไปตายใหม่ๆอีกเพราะความหอมของผลประโยชน์และอำนาจที่อบอวลอยู่ในวัง,และยิ่งได้นายกฯโง่ๆแบบประยุทธ์ที่พร้อมจะปิดประเทศเพื่อปกป้องครอบครัวอลเองก็ยิ่งเป็นหลักประกันในผลประโยชน์ของพวกไพร่ที่สอพลอเพราะหมายถึงเม็ดเงินงบประมาณจำนวนมากที่คสช.จะประเคนไปให้วังเพื่อทำโครงการเหลวไหลต่างๆซึ่งแม้จะเสี่ยงภัยแต่กำไรสูงจึงจูงใจมาก


*อำนาจมาก,ผลประโยชน์มาก,งมงายมากและห้ามตรวจสอบจากสาธารณะคือลักษณะพิเศษของวังไทยซึ่งเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งของแต่ละวังของทุกคนในครอบครัวอลเวงรวมทั้งขี้ข้าที่ต่างวังก็ทะเลาะกัน...รายงานข่าวจากชั้นในว่า..จะมีใบปลิวบัตรสนเท่ห์ของขี้ข้าที่ด่าแทนนายและด่ากันเองว่อนข้ามวังกันทุกวันดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเหตุที่ผิดปกติเช่นการจับกุมและสังหารโหดในราชสำนักซึ่งได้กลายเป็นตัวเร่งให้ประชาชนต่าสว่างอย่างรวดเร็วและอย่างมีประสิทธิภาพ

*ทำไมต้องสังหาร?...เพราะรู้เรื่องเน่าๆในวังมากและเคยไว้วางใจให้ไปทำเรื่องเน่าๆนั้นด้วยเมื่อเกิดปัญหาเจ้าไม่พอใจจะต้องดำเนินคดีก็กลัวว่าพวกนี้จะปากสว่างแล้วไปทำให้ประชาชนตาสว่าง


*เกิดการรัฐประหารเพื่อราชสำนักไม่ถึง6เดือนก็เกิดการกวาดล้างในราชสำนักกรณีศรีรัศมิ์-พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ จนถึง นายบุญธรรม บุญเทพประทาน(ป๋าชื่นไพร่คนดังย่านพระราม9)ต้องติดคุกคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาเทพประทานอ.ปากช่องและพ่วง112ด้วยคงจำกันได้,พอเริ่มขึ้นปีที่2ของคสช.ก็เกิดคดีไพร่หมอหยองและพวกขึ้นอีก...อย่างนี้คสช.จะตอบคำถามสังคมอย่างไรเพราะการรัฐประหารไม่ได้ทำให้ราชสำนักมั่นคงขึ้นเลย

*นับแต่นี้ไปเรื่องเน่าที่หลากหลายแนวจะปรากฎขึ้นเรื่อยๆเพราะการแตกร้าวในวังใกล้ถึงจุดแตกหักและยิ่งคสช.ใช้อำนาจเถื่อนโดยให้ทหารมือสังหารเข้าไปจัดการกับผู้ต้องหาตามความประสงค์ของราชสำนักโดยผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างป่าเถื่อนทั้งตำรวจ,ศาลและทหารร่วมมือกันหมดต่างประเทศก็ยิ่งต่อต้าน,ราชสำนักก็จะยิ่งพังทะลายเพราะกลายเป็นเป้าหมายการโจมตีของนานาชาติ,และเมื่อประธานใหญ่ใกล้สิ้นใจนับแต่นี้เหตุการณ์ต่างๆก็จะถาโถมมากยิ่งขึ้น...ภาวะอาการป่วยที่รักษาไม่ได้เช่นนี้หมอไทยแผนโบราณวินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคน้ำเหลืองเสียเครื่องในเน่าจะมีอาการผุผองเกิดขึ้นตามร่างกายเรื่อยๆจนเน่าตายไป...แต่อีกไม่นานมันจะพุผองที่ตาทั้งสองข้างวันนั้นก็จะเห็นคนชั้นสูงสูงตายและติดตะรางกันแทนไพร่กันบ้างซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ที่มากับการรัฐประหารซ้อนในภาวะที่มีวิกฤติการตายของกษัตริย์ภูมิพล...อีกไม่นานอีกไม่นาน!!


*ข่าวหมอหยองนอกจากจะเป็นอันตรายต่อราชสำนักแต่ก็มีผลดีคือทำให้เปลี่ยนความสนใจลืมเรื่องของประธานคณะกรรมการงมงายแห่งชาติที่นอนหมดสภาพอยู่ที่ศิริราชชั้น16ไปได้ชั่วครู่ใหญ่ๆ...แต่สปท.ไม่เคยลืมเพราะหัวใจของวิกฤติอยู่ที่นั่นและทันทีที่เป่าแตรสังเพลงธรณีกรรแสงจะเห็นการเปลี่ยนฝักเปลี่ยนฝ่ายกันยุ่งเหยิงอินุงตุงนังกันในวันนั้น,การจัดขั้วอำนาจใหม่ใครจะฟัดใครจะหนักหน่วงกว่าที่ฟัดพงศ์พัฒน์กับหมอหยองและปรากรมกันในวันนี้

*ข่าวล่าสุดคุณลุงหมดสภาพแล้วความจำเหลือไม่ถึง10%การลงนามไม่ต้องพูดถึงทำไม่ได้มานานแล้ว,ปรับครม.รอบใหม่ยังจะจับลุงมาตั้งแล้วลืมตาได้หรือไม่ยังเป็นปัญหามาก,ประยุทธ์ประวิทรู้ดีจึงเกิดอาการหงุดหงิดในสภาโดยตีนักการเมืองในสภากระทบทักษิณถึงขั้นขู่จะปิดประเทศเพราะ คสช.ใกล้ชะตาขาดตามชะตาคิง,มีทางเดีที่คสช.จะรอดคือหาเหตุเพื่อจะสืบอำนาจต่อไปด้วยหวังว่าเผื่อจะเกิดช่องลอดทางสว่างที่หวังอย่างลมๆแร้งๆ

*สมคิดรองนายกคงสมประสงค์ที่จะไม่ถูกปลดออกแม้แก้วิกฤติเศรษฐกิจไม่ได้เพราะการโปรดเกล้าเข้าเฝ้าของครม.ใหม่ยากกว่าการแก้วิกฤติเศรษฐกิจเสียอีก


*วิกฤติอาการป่วยของคุณลุงทำให้คณะหมอผู้ถวายการรักษาแบ่งออกเป็น2ฝ่ายตามสายทายาท,สายหนึ่งเกาะนโยบายเทพถ่างบ่างเปรมด้วยพยามยามไม่ให้ออกแถลงการณ์อาการป่วยถ้าจำเป็นต้องมีแถลงการณ์ก็มีให้น้อยที่สุดเพื่อดึงไม่ให้เกิดการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินในเวลาอันใกล้นี้เป็นไปตามครรลองของกฎหมาย/อีกสายหนึ่งเกาะนโยบายเสี่ยโดยต้องการให้มีแถลงการณ์รายงานอาการป่วยเป็นระยะตามปกติโดยไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการยื้อการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน

*สายแรกเป็นคณะแพทย์ที่ไม่ปรากฎตัวแต่สายหลังปรากฎตัวชอบเข็นรถและสายนี้จะรายงานสายตรงไปเยอรมัน

*พบกันใหม่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายไม่หยุดหย่อนของวังที่คสช.ก็ต้องระวังและการแก้วิกฤติเศรษฐกิจของสมคิดก็ต้องพัง

---------จบ----------

ถึงเวลา ต้องล้างสันดานกองทัพไทย!! ภาพสยดสยอง การซ้อมทหารใหม่+!!

http://mr7thai.blogspot.com/2015/10/blog-post_708.html
ตามไปดูเถิดท่าน






Friday, October 30, 2015

ถ่ายทอดสด การสัมนาข้ามโลก รำลึก 9 ปี วีรบุรุษปชต. นวมทอง ไพรวัลย์ 31 ต.ค...

"จตุพร"ทุบโต๊ะ เคลียร์ข้อกล่าวหา "ทิ้งมวลชนให้ติดคุก-จำนนเผด็จการ คสช."



นายจตุพร พรหมพันธ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแ­ห่งชาติ หรือ นปช. ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia กรณีข้อวิพากษ์วิจารณ์ แกนนำนปช.ในกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงและในโลกโ­ซเชียลมีเดียว่า คนที่วิจารณ์ไม่อยู่ในฐานะที่ต้องรับผิดชอ­บต่อขบวนการ และที่ผ่่านมาคนเหล่านี้เคลื่อนไหวเป็นอิส­ระไม่ได้ร่วมใน นปช.อยู่แล้ว แต่ยืนยัน แกนนำ นปช.ทุกคนซึ่งถูกดำเนินคดีในหลายข้อหาขณะน­ี้ ยังไม่ยอมจำนน หรือ สงบยอมกับเผด็จการคสช.แต่ด้วยเงื่อนไขที่อ­ยู่
ระหว่างการประกันตัวของศาลหรือ เงือนไข คสช.ทุกคนจึงยังมีข้อจำกัดอยู่
แต่ทุกคนก็สู้ไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งการออกสื่อผ่านทาง พีชทีวี.หรือ
ยูทูป และข้อวิจารณ์ที่ว่า ทิ้งคนเสื้อแดงให้ติดคุกนั้น
นปช.ก็มอบหมายส่งตัวแทนไปให้กำลังใจและช่ว­ยเหลือเท่าที่กำลังจะช่วยได้ และไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้­ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำด้วย สถานการณ์ตอนนี้ สิ่งที่ทำได้คือการอดทน รอคอย ซึ่งอีกไม่นานหนังเรื่องนี้ก็จะถึงตอนจบแล­้ว เพราะปรอทกำลังจะถึงจุดแตกหักแล้ว แต่จะเป็นอย่างไร เมื่อไหร่นั้นยังตอบไม่ได้


Download











Download

เกม ยุประชาชนออกมาฆ่ากัน.. ยิงชัดขึ้นทุกวัน

กลุ่มเสื้อเหลือง นัดรวมญาติมิตรกันอีกครั้งแล้ว ม้อบ กกปส.ม้อบพันธมิตร ม้อบเสื้อหลากสี ม้อบหน้ากากขาว ให้ใ่ส่เหลืองไปเจอกันได้ที่ลานหน้า CTW เป็นการรณรงค์ให้สนับสนุนนายกตู่อยู่ต่อ อีก 3 ปี ตามคำทำนายของหมอวารินทร์ หรืออยู่ยาวถึง 5 ปีตามคำเชียร์ของนายสุเทพ โดยการนัดเจอกันครั้งนี้มีนายทหาร คสช.หนุนหลังอย่างลับๆ เพื่อจัดให้มีม้อบขนคนมาแสดงพลังการสนับสนุน รัฐบาล คสช.โดยชิงจัดตัดหน้าก่อนคนเสื้อแดงนัดใส่เสื้อแดงเพียง 1 วัน



Thursday, October 29, 2015

เบื้องหลัง ก่อนมาร่วมแก็งค์ ของ สารวัตรเอี๊ยดและหมอหยอง


เมื่อได้ฟังจากปากพระในวัดบวรนิเวศน์รูปหนึ่ง ท่านได้เผยเส้นทางการรู้จักกันของหมอหยองและสารวัตรเอี๊ยด หมอหยองเป็นหมอดูอยู่ในช่วงรุ่งๆ ชนชั้นสูงศรัทธามาก จนหมอหยองสมัครใจบวชถวายเป็นพระราชกุศลที่วัดบวรนิเวศน์ โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าฯเป็นโยมอุปภัมภ์บวชให้หมอหยอง ขณะนั้นสารวัตรเอี๊ยดเป็นนายตำรวจติดตามสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรอยู่ ต่อมาสารวัตรเอี๊ยดได้โดนคดีปลอมลายเซ็นต์พระสังฆราช จนโดนออกจากราชการ หมอหยองก็เลยไปเรียนที่อังกฤษพร้อมสารวัตรเอี๊ยด พอจบทั้งคู่ได้ใช้ความรู้ทำคุณประโยชน์จนชนชั้นสูงกลับมาเชื่อมั่น ได้ออกปากขอร้องไปยังพลเอกประวิตรให้สนับสนุนสารวัตรเอี๊ยดได้กลับเข้ารับราชการตำรวจตามเดิม พล.ต.อ.สมยศต้องจำใจรับสารวัตรเอี๊ยดตามพลเอกประวิตรสั่ง ส่งไปช่วยงานของพล.ต.อ.ประวุฒิ จนกลายเป็นที่มาของแก็งค์แอบอ้างสถาบันเบื้อง ซื้อ-ขายตำแหน่งตำรวจ โดยมีหมอหยองเป็นจุดเชื่อมกับทางชนชั้นสูงผ่านความเชื่อส่วนบุคคล

คนซ้ายเพิ่งตาย คนขวาเพิ่งถูกจับ (ปลากรม และศุกร์โข ตามเสรี)

 

คุมตัว"ศุกร์โข ตามเสรี" คนสนิท"สารวัตรเอี๊ยด" ส่งกองปราบ
เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวนายศุกร์โข ตามเสรี อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.714 / 2558 ลงวันที่ 29 ตุลาคม 2558 ในข้อกล่าวหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง มาส่งมอบตัวให้พนักงงานสอบสวน ที่กองบังคับการปราบปราม



ภายหลังจากวันที่ 28 ตุลาคม ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แถลงข่าวกรณีกลุ่มบุคคลได้กระทำความผิดคดีหมิ่นเบื้องสูงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 จำนวน 13 คดี โดยในคดีที่ 5 คดีอาญาที่ 101/58 ประจำวันข้อ 6 เวลา 16.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม 2558 สถานที่กองปราบปราม ผู้ต้องหา นายศุกร์โข ตามเสรี (ผู้กล่าวหาคือ พ.ต.ท.มนชัยต์ วงษ์ชาตรี) ข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองฯ สถานที่เกิดเหตุ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม พฤติการณ์ วันที่ 23 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบอาวุธปืนขนาด .380 จากบ้านพักผู้ต้องหา
ทั้งนี้ นายศุกร์โข มีความเกี่ยวข้องของกับผู้ต้องหาทั้ง3คน
-นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง 
-พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด อดีตสารวัตรกองกำกับการ1กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) 
-นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาร์ต คนสนิทหมอหยอง
ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ พบว่าอยู่ในขบวนการเดียวกัน
#‎ชั่วโมงที่26 ทุกคืนวันจันทร์ - พฤหัสบดี 22.30 น. ทางช่อง #‎NOW26


คุณจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ชวนแต่งแดง เพื่อ....

ดูภาพข้างล่างข้อความครับ...

ถ่ายรูปใส่เสื้อแดงวีนคุณนวมทอง และสนันสนุนคนรักปชต.ท่ีแสดงพลังสนับสนุนนายกยิ่งลักษณ์ ท่ีทำนโยบายจำนำข้าว15,000/ตันช่วยชาวนะ. มันจะดิ้นตายกดหัว ปชช ชาวนา ช่วยพ่อค้า นายทุน. ทำลายโอกาสของชาวนาเกษตรกร. เราต้องรุกขึ้นสู้ครับ. "กูไม่กลัวมึง" เชิญปิดประเทศเลยจะล้มทั้งระบบเลยคอยดูก็แล้วกันไม่ช้านี้จะได้รู้สึก

ทุกคนต้องคิดว่าเราต้องสู้ทวงคืนสิทธิศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเราคืนมา ความกลัวกับความกล้า. อยู่ใกล้กันมีเส้นกั้นบางๆครับต้องบังคับใจตัวเองให้เปลี่ยนความกลัวเป็นความกล้าให้ได้ครับ
ไม่มีอะไรน่ากลัว. เว้นแต่เรากลัวไปเอง คนเราเกิดมาตายครั้งเดียว. เลือกตายอย่าให้เสียชาติเกิดครับ. และเรารุกขึ้นสู้ติองแน่ใจมั่นใจว่าเราต้องไม่ตายเราต้องชนะเพราะเราเป็นฝ่ายถูกครับ








Wednesday, October 28, 2015

องค์กรสิทธิฯจี้ เอาผิด"แก๊งหมอหยอง"ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส



Download

"ทำไมต้องฟังคุณ..คุณประยุทธ์พูดเรายังไม่ฟังเลย" มวลชนแดงย้อนถาม"จตุพร"



Download

ดร.เพียงดิน ชวนคิดชวนลุย ตอน "สรุปย่อ หลักฐานการมุ่งยึดประเทศไทย ใต้เข็มมุ่งสร้างรัฐอิสลาม"

ดร.เพียงดิน ชวนคิดชวนลุย ตอน "สรุปย่อ หลักฐานการมุ่งยึดประเทศไทย ใต้เข็มมุ่งสร้างรัฐอิสลาม"

 

Download

ไขปมบริษัทลับ!บนเกาะบริติชเวอร์จิน “หุ้นใหญ่”ซื้อที่ดิน 600 ล. พ่อ“ประยุทธ์”

ไขปมบริษัทลับ!บนเกาะบริติชเวอร์จิน "หุ้นใหญ่"ซื้อที่ดิน 600 ล. พ่อ"ประยุทธ์"

Tuesday, October 27, 2015

สามสิบกลุ่มคำถาม เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ไทย สำหรับคนไทยทุกหมู่เหล่า


 

ขอเดชะ ประชาชนไทยที่รักทุกท่าน

 

ผม จะเขียนบทความชิ้นนี้ ในรูปคำถามทั้งหมด เพื่อให้พี่น้องคนไทยทุกหมู่เหล่า ได้คิดตาม คำถามผม อาจจะเหมือนมีอคติอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นโอกาสให้คนที่รักสถาบันกษัตริย์ได้คิดหาคำตอบ หาหลักฐานมาหักล้าง และอธิบายความให้สังคมไทยได้เช่นกัน

 

หวังว่า คำตอบ จะทำให้ท่านเดินหน้าไปอีกหลายก้าวในเชิงการเมือง เพื่อจะได้ตาสว่างกันยิ่งขึ้น

และ กลายเป็นผู้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ชาติเราต้องการในที่สุดในเวลานี้  หรือท่านอาจจะรักสถาบันกษัตริย์ และระบอบการปกครองอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ต่อไปหรืออาจจะมากขึ้นด้วย ซ้ำ.... ผมไม่ได้คิดเรียบเรียงอย่างรอบคอบนักนะครับ  ลองคิดไปด้วย และหากมีคำถามชวนคิดมากกว่านี้  ก็กรุณาช่วยกันเติมได้นะครับ เชื่อว่ามีอีกมากมาย และการได้เกิดสัมมาทิฏฐิ ไม่อยู่บนความลุ่มหลง หรือถูกผลักดันด้วยความโกรธแค้น หรือรักแบบงมงาย แล้วทำลายแบ่งแยกกันเอง แล้วให้ชนชั้นปกครองหลอกใช้

  1. ประเทศไทย เป็นของประชาชนทุกคนโดยเท่าเทียมกัน หรือเป็นของกษัตริย์คนเดียว หรือเป็นของชนชั้นสูงส่วนน้อยที่เขาอ้างว่ามีอำนาจ มีคุณธรรม และมีบุญบารมีมากกว่าประชาชนทั่วไป?
  2. กษัตริย์ภูมิพลและบรรพบุรุษท่านใด เคยรบข้าศึก เคยปกป้องประเทศ เคยก่อตั้งประเทศอย่างแท้จริง? ในการรบแต่ละครั้ง กษัตริย์ได้รบจริงกี่ครั้ง ในกองทัพมีครอบครัวกษัตริย์กี่คน มีลูกหลานชาวบ้านกี่คน? การอ้างว่ากษัตริย์รักษาบ้านเมือง ทำให้ชาติอยู่รอด เป็นวาทกรรมโดยใคร? เพื่ออะไร
  3. พฤติกรรมใดของกษัตริย์ คือพฤติกรรมที่เหมือนพ่อของท่านจริง ๆ? สิ่งใดที่ทำให้ประชาชน สมควรต้องเคารพรักและเทิดทูนไว้เหนือหัว เสมือนบิดามารดา หรือดั่งเทวดา? พฤติกรรมใดของกษัตริย์และครอบครัวที่ทำให้เราสมควรอยู่ใต้ฝุ่นที่อยู่ ใต้เท้าของพวกเขา?
  4. กษัตริย์ภูมิพลและครอบครัว แสดงอาการใดบ้าง ที่สรุปได้ชัดว่า รักประชาชน ห่วงใยประชาชน และทำประโยชน์ให้ประชาชน? ท่านมีหลักฐานใดชัดเจนที่ไมใช่แค่เขาเล่ามา?
  5. ในบรรดาพระราชกรณียกิจ และโครงการพระราชดำริที่ออกอากาศแทบทุกวัน ท่านได้รับประโยชน์โดยตรงใด ๆ บ้าง  ทำให้ชีวิตท่านดีขึ้นอย่างไรบ้าง มีหลักฐานใด? ทำไมต้องมีการนำเสนอกันแบบสม่ำเสมอ? หากให้เลือกดูข่าวสารความรู้เกี่ยวกับโลก วิชาชีพ และองค์ความรู้อันเป็นประโยชน์ต่าง ๆ ในช่วงสองทุ่มทุก ๆ วัน วันนี้ความรู้ของท่านจะก้าวไกลไปแค่ไหน?  และการโฆษณาเรื่องผลงานครอบครัวกษัตริย์ ทำขึ้นเพื่อสิ่งใด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนจริงหรือ?
  6. กษัตริย์ภูมิพลเหาะมาจากฟ้าพร้อม กับวงศ์ตระกูลหรือไม่? ทราบได้อย่างไรว่าท่านมีบุญบารมีเหนือมนุษย์? ก่อนเป็นกษัตริย์ ฐานะท่านและครอบครัวเป็นอย่างไร? วันนี้ฐานะท่านเป็นอย่างไร?
  7. ทำไมพิธีกรรมต่าง ๆ จึงเป็นการชูกษัตริย์เป็นเทวดา ตามลัทธิพราหมณ์  ทั้ง ๆ ที่กษัตริย์เป็นผู้ที่นับถือพุทธ และต้องพระราชทาน พระบรมราชูปถัมน์ให้กับศาสนานี้
  8. การที่กษัตริย์ยกตัวเหนือสงฆ์ ด้วยการแต่งตั้งและให้ลาภยศแก่พระสงฆ์นั้น ส่งเสริมหรือทำลายศาสนาพุทธ ที่สอนให้ลด ละ และเลิก ความเป็นตัวตน การครอบครองสิ่งต่าง ๆ อันรวมถึงลาภ ยศ สรรเสริญ เพื่อเข้าสู่การก้าวไปสู่นิพพาน?
  9. ทำไมท่านต้องจงรักภักดีกับกษัตริย์? การจงรักภักดีนั้น ชูกันขึ้นมาเพื่อชาติ หรือเพื่อใคร
  10. ใคร เป็นคนสร้างความคิดว่า คนทั้งหลายต้องรัก ต้องภักดี แบบไม่ต้องคิดถึงเหตุผล เขาทำเพื่ออะไร? ท่านสมควรเชื่อตามนั้นหรือไม่? เพราะเหตุใด?
  11. กษัตริย์ ไทยร่ำรวยที่สุดในโลก ในบรรดาราชาทั่วโลก แล้วทำไมจึงทรงสอนให้ประชาชนอยู่อย่างพอเพียง? กษัตริย์ไทยทำตัวอย่างไรที่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าอยู่อย่างพอเพียง?  การบีบหลอดยาสีฟัน เป็นภาพความจริง หรือแค่ภาพเล็ก ๆ ท่ามกลางภาพความหรูหรา เช่น เครื่องบิน รถ ปราสาท อาหารการกิน ฯลฯ ของคนในราชสำนัก?
  12. ทำไมประเทศที่กษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก จึงมีโสเภณีเต็มทั่วทุกจังหวัด มีนักท่องเที่ยวเพื่อกิจกรรมทางเพศ เข้าประเทศไทยเพื่อเสวยสุขจากเด็กหญิง เด็กชาย และหนุ่มสาวของประเทศอย่างคับคั่ง? ท่านรวยได้อย่างไร ทำมาหากินอะไร รับเงินภาษีประชาชนไปใช้ทางตรงและทางอ้อมเท่าได้ และได้ช่วยเหลือประชาชนแค่ไหน?  ท่านมีหลักฐานในประเด็นเหล่านี้เพียงใด? ท่านได้พยายามหาเพิ่มหรือไม่?
  13. ทำไมมีการฆ่าประชาชนในประเทศไทยในช่วง รัชกาลที่เก้า จนมีคนตายมากมาย หลายครั้ง นับตั้งแต่ตุลาคม 251425-16, พฤษภาคม 2535, เมษายน 2552 และเมษา-พฤษภา 2553 โดยคนสั่งและคนปฏิบัติการฆ่าไม่ได้ถูกพิจารณาและลงโทษเลย แถมผู้เกี่ยวข้องจำนวนหลายคน โดยเฉพาะในกลุ่มทหารและผู้ใกล้ชิดกับวัง ต่างได้ดิบได้ดีหลังความรุนแรงแทบทุกครั้ง?
  14. ทำไมเราบอกว่า ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งอำนาจเป็นของประชาชน แต่รัฐบาลที่ประชาชนเลือกเข้าไปหลายครั้ง ถูกทหารแย่งอำนาจแบบหน้าตาเฉย แล้วก็มีความชอบธรรม เพียงแค่กษัตริย์ลงนาม? ทำไมความผิดใด ๆ ที่หนักหน่วงขนาดถึงกับต้องโทษประหารชีวิต ก็ได้รับการพระราชทานอภัยโทษหมด?  แปลว่ากษัตริย์ร่วมกับทหารและนักการเมืองมักง่าย ปล้นอำนาจประชาชน ใช่หรือไม่ใช่? เพราะเหตุใด? ทำไมเวลามีการรัฐประหาร การทำม็อบล้มรัฐบาลฝั่งปชต. หรือเวลามีทหารหรือกองกำลังพลเรือนออกมาฆ่าประชาชนหัวก้าวหน้าหรือเอียงซ้าย จึงต้องมีการใช้สัญลักษณ์ของกษัตริย์หรืออ้างความจงรักภักดี โดยกษัตริย์เองก็ไม่ได้คัดค้านหรือห้าม?
  15. กษัตริย์อยู่เหนือการเมือง เป็นวาทกรรมที่หลอกลวง หรือเป็นจริง?  อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ต้องผ่านด้วยลายเซ็นต์ของกษัตริย์ทุกครั้ง ใช่หรือไม่?
  16. ทำไมทหารที่อยู่ ใกล้ชิดกับสถาบันกษัตริย์ คือกษัตริย์และพระราชินี จึงออกมามีส่วนในกิจกรรมการเมือง จนทำให้มีการยิงหัวประชาชนมือเปล่านับร้อยคน  และกษัตริย์ไม่ได้แสดงความเสียพระทัยหรือให้ข้อคิด เตือนสติ หรือห้ามปรามใด ๆ เลย?  นี่ใช่ครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ไทยหรือไม่ใช่? ทำไมจึงไม่มีการลงสัตยาบันรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ? ทำไมจึงมีการปิดปากประชาชนไม่ให้วิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์และสถาบันด้วยมาตรา 112?
  17. กษัตริย์ภูมิพล ถือศีลห้า ครบหรือไม่?  ท่านทราบได้อย่างไร
  18. ใน ทศพิธราชธรรม สิบข้อนั้น มีสิ่งใดบ้าง ท่านทราบหรือไม่ว่าเหตุใดคนถึงอ้างว่ากษัตริย์ไทยเป็นธรรมราชา?  ประเทศที่มีธรรมราชา ควรมีคุณลักษณะอย่างประเทศไทยหรือ?
  19. เอาล่ะ ช่วยทบทวนความจำให้นะครับ ทศพิธราชธรรมประกอบด้วย ๑. ทาน l . ศีล l . บริจาค l . ความซื่อตรง l . ความอ่อนโยน l . ความเพียร ๗. ความไม่โกรธ l . ความไม่เบียดเบียน l . ความอดทน l ๑๐. ความเที่ยงธรรม   ท่านคิดว่า กษัตริย์ภูมิพล ถือครบสิบข้อนี้หรือไม่ ดีเพียงใด? ทราบได้อย่างไร? ครอบครัวของท่านปฏิบัติศีลและธรรมเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาจริงหรือ? ท่านมีหลักฐานเต็มหูเต็มตาหรือไม่?
  20. มีคนกล่าวว่า รัฐธรรมนูญการปกครองประเทศไทย มีพัฒนาการเชิงเป็นประชาธิปไตยน้อยลง หรือหมกเม็ดเพื่อริดรอนเสรีภาพ และความเสมอภาค แล้วก็สร้างความแตกแยกรุนแรงในชาติไทยเพิ่มยิ่งขึ้นในระยะหลังนี้ เพราะอะไร?  บางคนบอกว่า เพราะประชาชนรู้ความจริง และความกลัวก็ทำให้คนสำคัญ ๆ ของชาติต้องออกมาใช้อำนาจเผด็จการ ผ่านการสุมหัวกันของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ทหาร ศาลที่คณะรัฐประหารตั้ง สื่อที่เอียงขวาและอิงกับพ่อค้าและผู้ดีที่ได้ประโยชน์จากการทำธุรกิจเคียง ข้างหรือได้ผลประโยชน์ร่วมกับเจ้า ถึงกับต้องสั่งฆ่าประชาชน   ท่านเห็นด้วยหรือไม่? เพราะอะไร?
  21. เกิดมาชาตินี้ ท่านเคยเจอกษัตริย์ตัวเป็น ๆ กี่ครั้ง?  พระองค์และครอบครัวได้ทำอะไรที่ให้ประโยชน์กับท่านหรือครอบครัว หรือคนในชุมชนท่านบ้าง? คิดเป็นเงินได้กี่บาท? คิดเป็นความเจริญได้กี่กิโลกรัม?
  22. การมีกษัตริย์อยู่ ให้คุณประโยชน์อะไรแก่ประเทศชาติ ที่จับต้องได้ อยู่บนหลักเหตุผลมากกว่าอารมณ์ และมีหลักฐานชัดเจนที่ท่านเห็นและรับรู้กับหู กับตา?
  23. หากสถาบันกษัตริย์ หมดไปจากสังคมไทย หรือไม่มีอำนาจใด ๆ ให้ใครไปอ้างใช้ได้อีก จะมีอะไรเกิดขึ้นที่เป็นผลร้ายที่แก้ไขไม่ได้?  คนไทยขาดกษัตริย์ไม่ได้จริง ๆ หรือ? ให้คิดทั้งทางการปกครอง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา และแม้แต่วิถีชีวิตประจำวันของท่าน และระบบราชการในบ้านในเมืองระดับต่าง ๆ?
  24. หากกษัตริย์หมดไป หรืออำนาจกษัตริย์หมดไป ประเทศไทยจะได้อะไรเพิ่มขึ้นบ้าง?  ใครจะได้ประโยชน์สูงสุด? ใครจะเสียประโยชน์สูงสุด
  25. ที่ บอกว่ากษัตริย์ไทยทรงพระปรีชาสามารถด้านดนตรี กีฬา เรื่องน้ำ เรื่องเขื่อนฝายกั้นน้ำ เรื่องการพัฒนา เรื่องเทคโนโลยี ฯลฯ  ท่านเห็นด้วยหรือไม่? มีหลักฐานและการตรวจสอบใด ๆ หรือไม่? ท่านทราบได้อย่างไร? ทำไมกษัตริย์และราชวงศ์จึงไม่ได้เรียนจบอะไรมากมาย? ทำไมกษัตริย์ภูมิพลและพระราชินีจึงไม่จบปริญญาตรี และลูก ๆ ไม่มีใครเรียนจบปริญญาเอกเหมือนลูกชาวบ้านสักคน?  
  26. ทำไมคนบางกลุ่มถึง อ้างว่าเขาจงรักภักดีกษัตริย์นักหนาและมากกว่าคนอื่น เขารู้ได้อย่างไร เรารู้ได้อย่างไร   และพวกเหล่านั้น ได้ประโยชน์มากกว่าพวกเราหรือไม่ อย่างไร?  
  27. ท่านทราบไหมว่ากษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกของพระราชา เสียภาษีเท่าไหร่  เอาเงินภาษีประชาชนเข้าไปใช้ปีละเท่าไหร่  และเงินบริจาคแต่ละปีเป็นเงินเท่าไหร่ กษัตริย์และราชวงศ์บริจาคเงินและทรัพย์สินในยามชาวบ้านเดือดร้อนเท่าไหร่?  พฤติกรรมของพ่อของแผ่นดิน สรุปได้จากความรักความใสใจตรงนี้ ได้มากน้อยแค่ไหน?
  28. กษัตริย์ไทยดีจริงแค่ไหน  ทำไมต้องมีการบังคับให้ยืนเคารพในโรงหนัง ทำไมต้องมีซุ้มเต็มบ้านเมือง ทำไมต้องจัดงานต่าง ๆ อย่างยิ่งใหญ่เพื่อเชิดชู ทำไมต้องแสดงภาพการมีคนบริจาคเงินแทบทุกวัน และทำไมจึงต้องห้ามประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ หรือละเมิดไม่ได้เลย?
  29. ความดี ของกษัตริย์ภูมิพล วัดได้จากตรงไหน? ท่านมีเหตุผลและหลักฐานใดบ้าง? คนดี ของระบอบการปกครองปัจจุบัน ทำไมต้องจงรักภักดีและมียศตำแหน่งใกล้ชิดและรับใช้วังด้วย?  
  30. เมื่อมี กษัตริย์ ก็มีชนชั้น และการแบ่งชนชั้น  ทำให้คนเหยียดหยามคนที่ตนมองว่าต่ำกว่า  ซึ่งไม่ใช่สิ่งดี  หากไม่มีกษัตริย์ ปัญหาใด ๆ ของชาติจะลดหรือหายไปได้ง่ายหรือเร็วขึ้น? เสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ (ความเป็นพี่น้องและกลมเกลียว) ถูกส่งเสริมหรือบั่นทอนโดยสถาบันกษัตริย์ไทย??? กษัตริย์ไทยส่งเสริมประชาธิปไตยหรือบ่อนทำลาย? ท่านมีเรื่องราวและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ใดสนับสนุนคำตอบของท่าน?

แช่แข็งประเทศยังไม่พอ จะหยุดบริการประชาชนเพื่อพ่อ อีกแล้วหรือไง ประเทศไทย???

ครม. มีมติให้ วันศุกร์ที่ 11 ธ.ค. 58  เป็นวันหยุดราชการ กรณีพิเศษ
bike for dad
5-6      ส. อา.  วันพ่อ 
7          ชดเชยวันพ่อ 
10        วันรัฐธรรมนูญ
11        bike for dad
12-13  ส. อา.



ภัยคุกคามพระพุทธศาสนา002


ภัยคุกคามพระพุทธศาสนา002

Download


พระพรหมคุณาภรณ์ ภัยแห่งพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

พระพรหมคุณาภรณ์ ภัยแห่งพระพุทธศาสนาในประเทศไทย 

 

Download

ชวนใส่เสื้อแดง ผิดตรงไหน ทำไมเอาแกนนำแดงพะเยา เข้าค่ายทหาร????

มทบ.34 เชิญ 'แกนนำแดงพะเยา' เข้าคุยในค่าย หลังโพสต์ชวนใส่แดง 1 พ.ย.
วานนี้ (26 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 34 ได้เชิญตัวนายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงาน นปช.แดงพะเยา ไปยังค่ายขุนเจืองธรรมิกราช เพื่อพูดคุยกับผู้บัญชาการ มทบ.34 โดยมีการขอความร่วมมือไม่ให้ใส่เสื้อแดง ตามที่มีการนัดหมายกันวันที่ 1 พ.ย.นี้

นายศิริวัฒน์ระบุว่าตั้งแต่ในช่วงเช้าราว 8.00 น.ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบสองนายมารออยู่ที่คอนโดมิเนียม ซึ่งตนทำงานเป็นผู้ดูแลอยู่ โดยที่ตนได้เดินทางไปถึงที่ทำงานในเวลาราว 9.00 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งว่าทางผู้บังคับบัญชาอยากเชิญตนไปพูดคุยกินกาแฟที่ค่ายขุนเจืองธรรมิกราช ตนจึงได้นำรถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปที่ค่าย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารนั่งไปด้วยหนึ่งนาย เมื่อไปถึงที่ค่าย จึงได้ถูกเชิญไปยังห้องทำงานของ พล.ต.วิรัช ปัญจานนท์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 34

นายศิริวัฒน์เล่าว่าทางพล.ต.วิรัชได้พูดคุยกับตนเพียงลำพัง โดยประเด็นหลักที่มีการพูดคุยคือเรื่องการนัดหมายใส่เสื้อแดงในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เพื่อให้กำลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีโครงการรับจำนำข้าว และเรื่องการโพสต์เฟซบุ๊คในประเด็นทางการเมือง

ผบ.มทบ.34 ได้ขอความร่วมมือไม่ให้ใส่เสื้อสีแดงในวันดังกล่าว โดยให้ใส่เสื้อสีอื่นๆ แทน เพราะไม่อยากให้ประเทศไทยแบ่งเป็นสี ทั้งการโพสต์เชิญชวนเรื่องนี้ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และจะทำให้คนในชาติขัดแย้งกัน นอกจากนั้นยังขอให้นายศิริวัฒน์งดโพสต์แสดงความเห็นเรื่องการเมืองในช่วงนี้ด้วย

นายศิริวัฒน์ระบุว่าไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ริเริ่มให้มีการร่วมกันใส่เสื้อแดงวันที่ 1 พ.ย.นี้ แต่ตนก็ได้โพสต์เฟซบุ๊คเชิญชวนในเรื่องนี้ด้วย เนื่องจากเห็นว่าปกติก็มีการใส่เสื้อแดงอยู่แล้ว ขณะที่ผ่านมาได้มีการปิดกั้นพื้นที่ในการแสดงออกต่างๆ ไปหมด จึงเห็นว่าการใส่เสื้อแดงเฉยๆ ไม่ได้เป็นการนัดไปชุมนุม หรือกระทำความผิดตรงไหน เป็นแค่การใส่ไปทำงานหรือทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ และยังไม่เข้าใจว่าจะส่งผลต่อความมั่นคงได้อย่างไร

การพูดคุยกับผบ.มทบ.34 ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง โดยไม่ได้มีการให้เซ็นเอกสารข้อตกลงใดๆ แต่มีการขอความร่วมมือในเรื่องการไปแสดงความคิดเห็นออกสื่อ อยากให้ขออนุญาตจากทางเจ้าหน้าที่ทหารก่อน

สำหรับนายศิริวัฒน์ มีบทบาทในการเคลื่อนไหวกับคนเสื้อแดงในจังหวัดพะเยาช่วงก่อนการรัฐประหาร เคยเป็นดีเจในสถานีวิทยุชุมชนภายในท้องถิ่น ก่อนต้องหยุดงานดังกล่าวลงภายหลังเกิดการรัฐประหาร
ที่มา https://tlhr2014.wordpress.com/2015/10/27/siriwat_phayao3/ โดย ปะป๋า

เรื่องราวของพระเยซู - ภาษาไทย / The Story of Jesus - ภาษาไทย

เรื่องราวของพระเยซู - ภาษาไทย / The Story of Jesus - ภาษาไทย

Download

Sunday, October 25, 2015

Annunaki - Dont Watch this Film เรื่องลึกลับ มนุษย์ต่างดาวสร้างมนุษย์และอื่น ๆ

Annunaki - Dont Watch this Film เรื่องลึกลับ มนุษย์ต่างดาวสร้างมนุษย์และอื่น ๆ 

 

Download

แผนบันได 7 ขั้น ยึดประเทศไทยขององค์กรกู้ชาติรัฐปัตตานี

แผนปฏิวัติ 7 ขั้นตอน (บันได 7 ขั้น)

แผนปฏิวัติ 7 ขั้นตอนได้กำหนดมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.1992 (พ.ศ.2535) โดยมุ่งหวังยึดกุมเยาวชนเป็นกลุ่มปฏิบัติการ ทั้งทางการทหาร ประชาสัมพันธ์ และการโฆษณาชวนเชื่อ อันเป็นจุดเด่นที่สำคัญของแผนงานนี้

กลยุทธ์ที่ 1 ทำอะไรก็ได้ ทำให้พี่น้องมุสลิมเกลียดคนไทยเอาให้เกลียดถึงกระดูกดำ ดังนั้น การฆ่าชาวบ้านในหลายพื้นที่ มันเป็น ฝีมือของพวกโจรฆ่าแล้วโยนความผิดให้ตำรวจถ้าโยนไม่ได้ ก็จะกล่าวโทษคนที่ถูกฆ่าตายว่าทรยศต่อพวกเดียวกัน สมควรตาย!!!!
กลยุทธ์ที่ 2 โจรพูโล วางแผนสร้างนักรบมายาวนาน พวกอุสตาส(ครูสอนศาสนา) รับหน้าที่อบรมสั่งสอนจิตสำนึก แล้วคัดเลือกคนส่งต่อให้หน่วยเหนือของเขา หาทางส่งไปฝึกอบรมที่ต่างประเทศ ทั้งโดยเปิดเผยภายใต้การสนับสนุนของรัฐ และแอบไปรับการ ฝึกแบบใต้ดินหลักสูตรให้เก่งภาษาอาหรับ จบแล้วให้ทางการ (ไทย) รับรองปริญญาตรี เมื่อกลับถึงประเทศไทยจะได้รับราชการบริหาร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนักรบหนุ่ม และสาว กำลังฝึกอบรมอยู่ต่างประเทศ พ่อแม่จะได้รับเงินจากกองทุนช่วยเหลือครอบครัวจะไม่ให้ได้รับความลำบาก
กลยุทธ์ที่ 3 สร้างนักการเมืองในทุกระดับ ส่งลงเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองทั้งใน 3 จังหวัดภาคใต้และทั่วประเทศกระจาย" นักการเมือง " ออกไปทุกตำบล ทุกอำเภอทุกจังหวัด เพื่อการยึดหัวหาดเบ็ดเสร็จสร้างอำนาจต่อรองให้มีกำลังมากขึ้น
กลยุทธ์ที่ 4 ประสานงานกับองค์กรมุสลิมโลก มีการเดินทางไปมาหาสู่เชื่อมสัมพันธไมตรี ผูกมิตร แล้วถือโอกาสเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ กล่าวหาประเทศไทยของตัวเองโดยบอกให้สังคมภายนอกเข้าใจผิด คิดว่า ปัตตานีตกเป็นเมืองขึ้นของไทย!!!!
ใน กลยุทธ์ตัวนี้โจรพูโลไม่ได้รับความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะทะเบียนเมืองขึ้นของโลกไม่มีรายชื่อของประเทศปัตตานี โจรปัตตานีจึงหันไปให้ข้อมูลเท็จ ฆ่ากันเองแล้วหาว่าถูกอุ้ม ไม่มีใครรังแกก็หาว่าถูกรังแก ไม่ยอมทำงานอะไรเลยก็หาว่ารัฐบาลเอาใจใส่แต่พวกพุทธ ปล่อยทิ้งมุสลิมไม่ใยดี!!!!
กลยุทธ์ที่ 5 สร้างสุเหร่าให้มากเข้าไว้ แม้ว่าบางหมู่บ้านจะมีอิสลามเพียงครอบครัวเดียวก็สามารถ "หาเงินมาสร้างสุเหร่าได้" แล้วก็ออกข่าวเสมอว่า จำนวนประชากรของมุสลิมในประเทศไทยมีมากเป็นอันดับสองของประเทศพูดให้มากเข้า ไว้
กลยุทธ์ที่ 6 ออกวารสารและนิตยสาร ภายในที่ไหนก็ตาม เนื้อหาจะต้องสะท้อนปัญหาของอิสลามทั่วโลกแล้วดึงมาลงว่าประเทศไทยก็มี ปัญหาไม่หย่อนกว่ากัน พร้อมกับได้สนับสนุนให้ปัญญาชนออกมาทำสื่อให้มากขึ้นสร้างองค์กรประชาชนด้าน นี้เพื่อการเผยแพร่ให้กว้างขวาง

กลยุทธ์ที่ 7 ได้รับผลกระทบอะไรเล็กน้อยก็ตาม ให้โวยวายทันที!!!
กลยุทธ์ที่ 8 จัดตั้งกองกำลังส่วนหน้า กองหนุน และจัดตั้งแนวร่วมให้กระจายครบ 5 จังหวัด แต่ให้เน้นที่ 3 จังหวัดก่อนถ้าได้ยินเสียงบอกกล่าวให้ระดมผู้คนไม่ว่ากรณีใด ๆ ให้จัดการระดมได้ภายใน 3 ชั่วโมง เฉพาะหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ต้องระดมได้ทันที หมู่บ้านไหนไม่ให้ความร่วมมือจะถูกขึ้นบัญชีดำ!!!
กลยุทธ์ที่ 9 เป้าหมายคือแบ่งแยกดินแดน !!! แต่เวลาแสดงความคิดเห็นไม่ว่าที่ไหนก็ตาม จะไม่บอกแม้แต่ประโยคเดียวว่าต้องการแบ่งแยก สิ่งที่พวกเขาเรียกร้องคือ " ขอปกครองตนเอง" โดยยินดีที่จะให้รัฐบาลกลางเป็นผู้บริหารกลยุทธ์ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจ เพราะว่าถ้าได้ปกครองตนเอง.....จะเป็นเงื่อนไขไปสู่การ " ปกครองตนเอง " จะทำให้การแยกตัวเองอย่างแท้จริงง่ายขึ้น
กลยุทธ์ที่ 10 เรียกร้องให้ใช้ภาษายาวีเป็นภาษากลาง ประดาผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. และข้าราชการทั้งหลายร้อยละ 80 ต้องเป็นอิสลาม!!!!
กลยุทธ์ที่ 11 กองกำลังทั้งหมด แม้จะจบวิชาฆ่ามาจากต่างประเทศ!!!มีความชำนาญในการใช้อาวุธ แต่ให้เริ่มต่อสู้ด้วยอาวุธโบราณ เช่นมีดสปาต้า กริช การฆ่าให้เชือดคอ!!เชือดลูกกระเดือก หรือไม่ก็ตัดหัวหิ้วเอาไปประจานแสดงออกประหนึ่งเป็นการระบายความแค้น!!!
กลยุทธ์ที่ 12 หลอกล่อ.......ยั่วยุให้ฝ่ายราชการใช้กำลังปราบปรามเพื่อจะได้เป็นข้ออ้างว่าถูกปราบอย่างทารุณ ไม่มีความยุติธรรม
กลยุทธ์ที่ 13 โปรยใบปลิว ปลุกระดมชาวบ้านให้เข้าร่วม พวกอุสตาสออกไปพบกับชาวบ้านแจ้งให้ทราบว่า..... " อีกไม่นานก็จะชนะ........."
กลยุทธ์ที่ 14 เริ่มปฎิบัติการกับสัญลักษณ์ทางพระพุทธศาสนาและชาวพุทธ ขับไล่ให้ออกไปจากดินแดน ถ้าใครไม่กลัวตาย ให้ฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม ไม่เลือกลูกเล็กเด็กแดง
กลยุทธ์ที่ 15 ให้คอยฟังสัญญาณปลดปล่อยปัตตานี!!!........
เมื่อ ได้รับสัญญาณให้ทุกคนออกไปยึดที่ทำการของรัฐบาลทุกแห่ง เอาเด็กและผู้หญิงเป็นเกราะกำบังกะว่าจะใช้คน 5 แสน หรือ 2 ล้านคน ก็จะสามารถยึดได้ภายในวันเดียว!!! แล้วประกาศเอกราช และวันนั้นชาวปัตตานีจะได้เห็นว่า..........ใคร คือสุลต่านหรือประธานาธิบดีคนแรกของชาวปัตตานีที่รอคอยมานาน 100 ปี
กลยุทธ์ที่ 16 เป็นกลยุทธ์พลิกผันไปตามสถานการณ์จะมี " คำสั่งพิเศษ" ออกมาเป็นระยะโดยจะปรับเข้ากับกลยุทธ์เก่าหรือกลยุทธ์ใดกลยุทธ์หนึ่ง
หมายเหตุ : โจรปัตตานีไม่ใช่โจรกระจอกอย่างแน่นอน




ขั้นตอนการแบ่งแยกดินแดนของภาคใต้ ( รัฐปัตตานี )

ในขบวนการแบ่งแยกดินแดนหนึ่งๆ จะกำหนดแผนการเป็นขั้นบันไดไว้ เมื่อหมดทุกขั้นบันไดแล้ว ก็จะต้องบรรลุผล ถ้าไม่บรรลุผล ก็จะถือว่า หมดรอบ (Cycle) นั้น (หมดแผน..เงินหมด..กระสุนหมด..เบี้ยชีวิตพลทหารหมด) ผู้ก่อการทั้งหมดก็จะสลายตัวชั่วคราว เอาความผิดพลาดและชีวิตของผู้พลีชีพมาเป็นตำนานเล่าขาน เพื่อรอวันที่จะสร้างรอบ (Cycle) ของการยึดดินแดนใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นอีก ๓ ปี ๕ ปี ๑๐ปี หรืออีก ๒๐ ปี ก็ได้ แต่..มันจะไม่มีวันสิ้นสุดเพียงแค่รอบนี้แน่นอน เหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นที่หน้าสถานีตำรวจอำเภอเมืองตากใบ เป็นพัฒนาการของขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดนตามลำดับขั้นที่กำลังจะดำเนินไปสู่ จุดสุดท้ายของรอบ (Cycle) นี้..
ผมจะลำดับขั้นตอนโดยลำดับของขบวนการนี้ตั้งแต่ต้นมานะครับ..
๑/ จุดเริ่มต้นของแผนการ คาดว่าเกิดขึ้นมาไม่น้อยกว่า ๕ ปีแล้ว ผ่านครูสอนศาสนาหัวรุนแรงจำนวนหนึ่ง ใน ๓ จังหวัดภาคใต้ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ มิได้ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้กฎหมายไทยมานานแล้ว ตั้งแต่ภาษาพูด วัฒนธรรม ความคิดอ่าน ตลอดจนวิถีชีวิตในครอบครัว มิได้มีความเป็นไทยมานานแล้วครับ การชุมนุมกันเพื่อแสดงความคิดอ่านของคนในหมู่เดียวกันกระทำได้โดยง่าย เพราะองค์กร สถาบันทางศาสนาที่พวกเขาตั้งขึ้น เป็นเกราะกำบังที่ดีจากการตรวจสอบของฝ่ายการเมืองและข้าราชการในรัฐบาล
๒/ หาแนวร่วมผู้ทรงอิทธิพล แผนขั้นนี้ คือ หาแนวร่วมของคนในอุดมการณ์เดียวกันซึ่งทรงอิทธิพลในแง่ใดแง่หนึ่งมา สนับสนุนการก่อการ ซึ่งได้แก่.. นักการเมืองในภาคใต้ ..ผู้นำมุสลิม ที่นิยมการใช้ความรุนแรงในการตอบโต้จากต่างประเทศ ผ่านเครือข่ายมุสลิมในภูมิภาคนี้ และสุดท้าย ผู้นำชุมชนมุสลิมใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นครูสอนศาสนา
๓/ เริ่มต้นดำเนินการแผนปฏิบัติการมวลชน นักการเมือง...หว่านล้อมให้คลายมาตรการควบคุมดูแลปัญหาภาคใต้ลง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี เพราะนายกรัฐมนตรีมิได้ระแวงพวกเดียวกันเอง
เครือ ข่ายมุสลิมที่นิยมความรุนแรงในภูมิภาค....ส่งคนเข้ามาฝึกอาวุธให้..ให้เงิน สนับสนุนการก่อการ พวกนี้เดินทางเข้าออกผ่านชายแดนไทย-มาเลย์ ไม่นิยมโดยสารโดยเครื่องบิน เพราะหลักฐานและเอกสารส่วนบุคคลจะทำให้สืบทราบได้
ผู้นำศาสนาและครู สอนศาสนาบางส่วน เริ่มต้นระดมไพร่พล และล้างสมองเยาวชนในโรงเรียนให้เห็นอนาคตของชาวมุสลิม อ้างความรุนแรง และความเจ็บแค้นที่ศาสนาอื่นกระทำต่อมุสลิม ทั่วโลก และประวัติศาสตร์ของรัฐปัตตานีที่เคยเป็นรัฐอิสระของอิสลามมาก่อนที่จะถูก กลืนหายไป ทำความเชื่อว่านี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหมือนเช่นที่ตะวันออกกลาง รัฐบาลไทยคือผู้รุกรานที่มายึดพื้นที่ไปครอบครองในระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น และไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ การสร้างเรื่องล้างสมอง รวมไปถึงปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้น ความสำเร็จในการแยกตัวของชาวติมอร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินโดมาช้านาน การตายเพื่อรับใช้พระเจ้าบนสวรรค์ และวีรกรรมพลีชีพที่ยังไม่บรรลุผลของชาวรัฐปัตตานีในอดีต
๔/ จุดชนวนความรุนแรง ด้วยแนวความคิดที่สอดคล้องกับมุสลิมผู้นิยมลัทธิก่อความรุนแรงทั่วโลกว่า ถ้าไม่ใช้ความรุนแรงไม่มีทางที่จะชนะได้ ไม่มีทางที่จะได้รัฐปัตตานีคืนด้วยการเจรจา (เช่นเดียวกับการเจรจาบนโต๊ะเพื่อขอคืนดินแดนปาเลสไตน์) การปล้นปืนที่ค่ายทหารและการเผาโรงเรียนเป็นบททดสอบแรกที่นำมาพิเคราะห์ แล้วว่า ..แผนการสำเร็จได้ เป็นไปได้ เพราะสร้างความมืดมนให้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง วิเคราะห์สาเหตุกันไปต่างๆ นานา ถูกๆ ผิดๆ และเกิดความไม่ไว้วางใจพวกเดียวกันเอง ขบวนการได้นำผลสำเร็จจากการปฏิบัติการมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาวกเพื่อ การวางรากฐานแผนขั้นต่อไป
๕/ สร้างเกราะป้องกันตัว หลังจากความพยายามสืบหาตัวการก่อการร้าย และอาวุธปืนที่ถูกปล้น เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเริ่มแตกกันเป็นหลายความคิดเห็นในการแก้ไขปัญหา การพยายามหยิบยกให้เห็นผลร้ายของการแตะต้องคนในศาสนามุสลิมและสถานที่อัน ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะทำให้เกิดการแบ่งแยกชาวไทยออกเป็นสองส่วน และนำไปสู่สงครามศาสนาได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ลังเล และเห็นด้วยที่จะใช้มาตรการโอนอ่อน และหลีกเลี่ยงความขัดแย้งของคนสองศาสนาในพื้นที่
จะเห็นได้จากการ ออกมาโวยวายอย่างเกินเหตุ ถึงขั้นไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ทั้งสิ้นของผู้นำชุมชนมุสลิม เพียงเพราะเจ้าหน้าที่ไปตามจับผู้ต้องสงสัยที่หลบเข้าไปในโรงเรียนสอนศาสนา การสร้างเกราะป้องกันเข้มงวดกับโรงเรียนและมัสยิด มิให้ผู้อื่นย่างกรายเข้าไปโดยง่าย เป็นแผนสร้างเกราะกำบังส่วนหนึ่ง คงเป็นไปไม่ได้ หากจะติดตามจับคนร้ายอย่างกระชั้นชิด แล้วเจ้าหน้าที่ต้องขอหนังสือตรวจค้นเป็นลายลักษณ์อักษร ต้องไม่ถืออาวุธ ไม่ใส่หมวกทหาร ไม่สวมรองเท้า (ให้ถอดบู๊ทออก กว่าจะถอดได้.. แผนการขั้นนี้ ถือว่าสำเร็จตามวัตถุประสงค์ เพราะคนเป็นใหญ่เป็นโตในรัฐบาลออกมาตำหนิเจ้าหน้าที่ของทางการว่า ดำเนินการโดยไม่ให้เกียรติ


๖/ ฆ่า..เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง การฆ่าเจ้าหน้าที่ พระภิกษุ และชาวไทยพุทธทั้งหลายที่ เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เพื่อสร้างความหวาดกลัวในการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคม ทางการจับตัวคนร้ายได้บ้างไม่ได้บ้าง จับได้ก็ถูกกดดันให้ระมัดระวังในการตั้งข้อกล่าวหา และหลักฐานโยงใยไม่ชัดเจน สร้างอานุภาพให้กับผู้ก่อการอย่างไม่คาดคิด เพราะนี่เป็นจุดอ่อนที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่กล้าที่จะใช้ความเด็ดขาดลงไป บ้านเมืองใดก็ตาม หากกฎหมายไม่หย่อนยานแต่ควบคุมการใช้อย่างหย่อนยาน ก็จะทำให้โจรผู้ร้ายเกิดความเหิมเกริม นี่เป็นสัจธรรมของการปกครอง ยิ่งฆ่ามาก และลอยนวลได้เท่าไร ก็จะยิ่งสร้างอำนาจการต่อรองในสังคมได้มากขึ้น
เพื่อยุติปัญหาก่อ ความไม่สงบ รัฐบาลจะเริ่มมองหามาตรการ "เจรจา" กับตัวแทน ก่อการร้าย นั่นคือ เป้าหมายที่มุ่งหวัง จะเห็นได้ว่า ในเวลาหนึ่งของแผนการนี้ ได้มีการพบปะพูดคุยและต่อรองกันอย่างลับๆ ของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของไทยกับหัวหน้าโจร แต่ทั้งสองฝ่ายรั้งรอที่จะเปิดเผยตัวจริง จึงกระทำผ่านตัวแทนที่ได้รับมอบหมาย
แผนนี้ถือว่าประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งแน่ชัดแล้ว เพราะมีการเจรจาทางลับ และ มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากขอย้ายตัวเองออกนอกพื้นที่ แสดงว่าหวาดกลัวจนไม่เป็นอันทำมา หากิน
๗/ สร้างเงื่อนไขยึดชุมชน การรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนก่อความรุนแรงอย่างแสนสาหัสในอาณาบริเวณกว้าง เป็นความมุ่งหมายที่จะสร้างเงื่อนไขยึดชุมชน การเข้าไปรวมตัวกันในมัสยิดกรือเซะ ก็เพื่อสร้างเงื่อนไขต่อรองกับเจ้าหน้าที่ทางการ ซึ่งก็เกือบที่จะสำเร็จตามแผนการอยู่แล้ว หากสามารถถ่วงเวลาให้ยืดเยื้อไปได้ถึงวันรุ่งขึ้น การระดมพลเพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่กระทำการรุนแรง และประณามการใช้ความรุนแรงของไทย

ให้เจ้าหน้าที่จากองค์กรมุสลิมทุกเครือข่ายทั้งใน และนอกประเทศจะกรูกันเข้ามากดดันมิให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการใดๆ ได้ทั้งสิ้น เว้นแต่จะมีการเจรจาผ่านตัวแทน การปล่อยตัวมุสลิมที่ยึดกรือเซะจะเกิดขึ้นในลำดับถัดมา และจะมีการเผยแพร่ภาพคนพวกนี้เป็นวีรบุรุษของชาวมุสลิม ตรงนี้จะสร้างเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น และระดมอิทธิพลทั้งกำลังคนและกำลังทุนได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
น่า เสียดายที่แผนมาพังทลายไป เพราะพลเอกพัภลภ ปิ่นมณี ไม่ยอมหารือกับผู้ใหญ่ในคณะรัฐบาล และดำเนินการไปอย่างที่เห็นสมควรตามแผนยุทธศาสตร์ (ตรงนี้วิเคราะห์ได้สองกรณี คือ ผู้ใหญ่ไม่สั่ง หรือ ผู้ใหญ่สั่ง แต่จำต้องใช้พลเอกพัลลภออกมารับหน้า) นี่เป็นการทำลายแผนการยึดชุมชนให้เหลือเพียง การประณามจากนานาองค์กรเรื่อง ความไม่เหมาะสม
เหตุการณ์ที่หน้าสถานีตำรวจอำเภอตากใบ ก็เป็นการดัดแปลงแผนการในลำดับนี้ โดยยึดเหตุการณ์ที่กรือเซะเป็นบทเรียน การเดินทางมาชุมนุมกันเพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษเป็นจำนวนนับพันๆ คน ต้องมีการนัดหมายและวางแผนกันมาเป็นอย่างดีเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีแผนการอยู่เบื้องหลัง และเป็นที่น่าสังเกต คือ เลือกเอาวันหยุดราชการ ๓ วัน ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนเดินทางออกไปพักผ่อนนอกพื้นที่ หรือ กลับภูมิลำเนา
ทำเลที่ตั้งของสถานี ตร.อำเภอตากใบ เหมาะแก่ยุทธภูมิในการปิดล้อม และเปิดให้มีทางหนีทีไล่ได้อย่างไม่ยาก ปมสำคัญ คือ รัฐจะต้องปฏิเสธไม่ปล่อยผู้ต้องหา เป็นเหตุให้เกิดการลุกฮือ และเผาที่ทำการสถานี เกิดจราจลจนไม่อาจควบคุมได้ แผนการนี้ล้มเหลวเพราะเหตุใด?
บทเรียนที่กรือเซะ คือ พยายามถ่วงเวลาเพื่อให้แนวร่วมที่ประสานงานไว้เข้ามาช่วยเหลือ แต่ความช่วยเหลือยังไม่ทันมาถึงก็โดนสอยร่วงไปก่อน งานนี้ทางการคงไม่กล้าสอยทีเดียวเป็นพันๆ คน ประเมินแล้วจึงคิดว่าจะใช้การกดดัน แล้วเพิ่มชุมนุมชน จาก ๗๐๐ เป็น ๑๐๐๐ ในตอนค่ำ และทวีเป็นจำนวนหลายพันจากมุสลิมทุกภูมิภาคในเวลาต่อมา

ถึงเวลา นั้น การใช้กำลังเข้าสลาย "ไม่มีวันเป็นไปได้" แต่แผนมาแตกเสีย เพราะมีคนกลัวตาย มากกว่า ไม่กลัวตาย เมื่อเจ้าหน้าที่มีเวลาเตรียมตัวและได้กำลังเสริม ระดมยิงปืนแบบบ้าระห่ำ (มิได้เล็งเป้าหมายไปที่ม็อบ) เกิดเหตุการณ์ "ผึ้งแตกรัง" ที่ไม่ได้นัดหมายกันมาก่อน กระเจิด กระเจิงไปคนละทิศละทาง เพราะเข้าใจว่า กระสุนปืนมุ่งเด็ดชีพอย่างเด็ดขาด แทนที่จะตะโกนโห่ร้อง โดยผู้นำม็อบบอกว่า อย่าเคลื่อนไหว เป็นแผนลวง ให้เกาะมือกันไว้เป็นโล่ห์ป้องกันให้กันและกัน (ดั่งที่วีรบุรุษ ๑๔ ตุลา เคยทำได้)
ถ้าเช่นนั้น ก็คงมีโอกาสสำเร็จลุล่วงแผนการนี้ไปได้ไม่ยาก เพราะเมื่อมีการตีข่าวออกไปทั่วโลกแล้ว ลำดับต่อไปก็จะเข้าล็อกในทันที ดูท่าว่า คงจะต้องวางแผนกันใหม่ครับ เตี๊ยมกันให้เหมาะๆ ถ้าทางการทำอย่างนี้ เราจะทำอย่างไร จำลองทุกสถานการณ์ไม่ให้พลาด โดยยึดเอากรือเซะและตากใบ เป็นอุทาหรณ์..
..ในเมื่อแผนลำดับที่๗ ยังไม่บรรลุ ก็ยังไม่ถึงแผนขั้นที่๘ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะถึงลำดับสุดท้ายของการตั้งรัฐปัตตานีแล้ว

โจรก่อการร้ายได้ซ่องสุมกำลังผู้คนเอาไว้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
กำหนดดีเดยก่อนสิ้นปี 2549 หรือ อย่างช้าต้นปี 2550
กลุ่มที่ 1 เป็นหน่วยกล้าตาย จบวิทยายุทธ์มาจากต่างประเทศภายใต้การนำของหัวหน้าโจร ใช้ชื่อจัดตั้งว่า "ดอเยา" ดอเยาะรับบัญชามาจาก "สะแปอิง" เจ้าของโรงเรียนธรรมวิทยา คนของดอเยาะส่วนหนึ่งมาจาก "อาเจาะห์" เป็นนักรบชั้นแนวหน้า ทั้งสองกำลังมีการเตรียมพร้อมที่จะก่อความไม่สงบขั้นรุนแรง
กลุ่มที่ 2 มีหัวหน้าโจรชื่อ " มะแซ อุเซ็ง " ค่าหัว 5 ล้านบาทมะแซ อุเซ็ง มีอำนาจใหญ่โตมาก ถ้าพวกโจรปัตตานีได้รับชัยชนะ มะแซ อุเซ็ง จะได้รับตำแหน่งเป็นผบ.ทบ.และจะได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กลุ่มที่ 3 มีหัวหน้ามากมาย รวบรวมกองกำลังหญิง และเด็กเอาไว้ขึ้นยึดที่ทำการ ของรัฐ เช่นสถานีตำรวจ สถานีอนามัย โรงพยาบาล สำนักงาน อบต. ที่ว่าการอำเภอ ศาลากลางจังหวัด ศาล วัด ศาลาประชาคม
มีเป้าหมายจะปิดล้อมค่ายทหาร!!! และตำรวจบังคับให้ยอมจำนน บุกเข้ายึดพระราชวังทักษิณราชนิเวศน์ แล้วจะใช้เป็นที่ประกาศเอกราช !!!!
วิธีการของโจรปัตตานี จะอ้างอยู่ 2 ประการคือ
1. อ้างว่าประเทศไทยปกครองปัตตานีด้วยความไม่เป็นธรรม กดขี่ข่มเหง
2. รัฐบาลไทยข่มเหงรังแกอิสลาม!!
โจรปัตตานี ได้ใช้วิธีการหลายรูปแบบ อบรมบ่มนิสัยสร้างนักรบ สร้างความกล้าหาญ ทำให้ผู้ที่ได้รับการอบรม จะยินยอมพร้อมใจ มอบตัวเองเข้าไปให้ใช้โดยไม่ได้นึกแม้แต่นิดว่าแผ่นดินที่อ้างว่าจะปลด ปล่อยให้เป็นแผ่นดินของพระเจ้านั้น ที่แท้ก็คือจังหวัดปัตตานีที่เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยแต่ไหนแต่ไร มา!!!!
โจรปัตตานีบิดเบือนข้อเท็จจริง ปลอมประวัติศาสตร์ทำ ให้เชื่อว่าปัตตานีและอีกหลายจังหวัดเป็นส่วนหนึ่งของมลายู!!! แต่ต้องเสียดินแดนให้ไทยเพราะอังกฤษมารุกราน แล้วอังกฤษก็แบ่งส่วนนี้ให้ประเทศไทยยึดครอง เมื่อประเทศมลายูทั้งหมดได้รับเอกราชจากอังกฤษประเทศไทยไม่ยอมให้เอกราชแก่ ปัตตานีแม้แต่ตารางนิ้วเดียว สิ่งเหล่านี้คือการบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
ความจริงในประวัติศาสตร์นั้น
ปัตตานีและอีกหลายจังหวัดในแหลมมลายู... เป็นของไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เช่นไทรบุรีเป็นต้น ปัจจุบันนี้ก็มีหมู่บ้านไทยตั้งอยู่ในรัฐกลันตันรัฐเปอร์ลิส และเมือง อะโรสตาร์ หมู่บ้านบางหมู่บ้านยังมีชื่อเป็นไทย เช่นหมู่บ้านนาคา คนไทยในมาเลเซีย พูดไทยสำเนียงกรุงเทพฯ ยังไงยังงั้นเหมือนคนบางกอกไม่มีเพื้ยน
ประเทศไทยต่างหากเสียดินแดนให้อังกฤษ เมื่ออังกฤษปล่อยมลายูให้ได้รับเอกราช แทนที่ประเทศไทยจะได้ดินแดนคืน กลับสูญเสียไปเลยรวมแล้วหลายจังหวัดเช่น จังหวัดปีนัง เป็นต้น
ดินแดนปัตตานี.......เป็นของประเทศไทยตั้งแต่โบราณกาล แต่เนื่องด้วยคนมลายูได้อพพยเข้ามามาก กอปรกับนับถือศาสนาอิสลาม จึงอ้างไปส่งเดชว่าไทยปกครองปัตตานีมายาวนาน ไม่ยอมให้เอกราช
เรื่อง ง่าย ๆ ในประวัติศาสตร์โดยแท้ แต่กลายเป็นเรื่องยุกยาก ถูกโจรปัตตานีแหกตา เอาไปโฆษณาชวนเชื่อตั้งแต่เมื่อ 500 ปีก่อน ถึงปัจจุบันยังไม่เลิก!!!
วิธีการที่พวกโจรเอามาใช้อย่างได้ผลนั้น.......
เรื่องแรกก็คือการ " บิดเบือน" แล้วก็สร้างสิ่งที่บิดเบือนให้น่าเชื่อถือว่าเป็นเรื่องจริง โจรปัตตานีได้อาศัยสถาบันศาสนา แล้วอ้างเอาพระเจ้าหรือ " องค์อัลเลาห์ " มาเรียกร้องความสามัคคีจากชาวบ้าน ซึ่งเป็นอิสลามด้วยกัน
พี่น้องอิสลามผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อของโจรอิสลามขยายวงกว้างออกไปทุกที
โจรปัตตานีชี้ให้เห็นว่าการปกครองที่จะเป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติที่แท้จริงต้องเป็นรัฐอิสลามเท่านั้น
ผู้นำของประเทศ ต้องใช้หลักการของพระศาสนาบริหารประเทศชาติบ้านเมือง เมื่อปัตตานีได้รับการปลดปล่อยคณะกรรมการจะทำการเลือกเฟ้นอย่างสำคัญที่สุด เพื่อจะสรรหาผู้นำของประเทศ
รู้กันในหมู่ชาวปัตตานี ยะลา นราธิวาส ว่ามีทางสองแพร่งที่จะต้องเลือกเดินในอนาคต
แพร่งที่หนึ่ง......... ผู้นำสูงสุดเลือกมาจากสายสุลต่านเก่า หรือ
แพร่งที่สอง......... เลือกมาจากผู้นำสูงสุดของศาสนาอิสลาม
โจรปัตตานี.....จึงขมวดปมตรงนี้เอาไว้ชัดว่า......สายเลือดนักต่อสู้ของ ปัตตานีเท่านั้น จะได้ถูกเชื้อเชิญให้ขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง หรือจะได้รับการสถาปนาเป็นสุลต่านองค์แรก

ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้
จากการที่ทุกฝ่ายต้องการเห็นความสงบเกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ไม่มีหน่วยงานใดของรัฐบาลสามารถแก้ไขได้นั้น แสดงให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาไม่ได้ง่าย เสียแล้วในเวลาปัจจุบัน
จึงขอเสนอแนะวิธีการแก้ไขให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เพื่อความสงบของพี่น้อง คนไทยตามปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
1. ข้อสมมุติฐาน การต่อสู้ด้วยอาวุธสงครามและระเบิดของกลุ่มคนร้ายในสามจังหวัดภาคใต้ ต้องการที่จะให้เห็นพลังของกลุ่มผู้ก่อการร้ายว่าสามารถที่จะควบคุมประชาชน ในพื้นที่ได้พร้อมทั้ง ต้องการให้การแยกดินแดนเป็นความจริงโดยให้ประชาชนในหมู่บ้านเข้ามาเป็นพวก คอยสนับสนุน
2. จากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความมี เอกภาพและมีประสิทธิภาพของผู้ก่อการร้าย ดังนั้นต้องอาศัยความอ่อนแอของฝ่ายบริหารกระทำการให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด
วิธีการแก้ไขปัญหา
1. ตามสมมุติฐานที่ได้ตั้งไว้ทำให้รู้ขีดความสามารถของผู้ก่อการร้ายว่ามีความ พร้อมเต็มขั้นสูงและสามารถทำลายมวลชนได้สำเร็จ พิจารณาจากการให้ผู้หญิงและเด็กมากดดันเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จับกุมผู้กระทำ ความผิดได้
ต้องดำเนินการโดยฝ่ายบริหารซึ่งมีรัฐบาลเป็นแกนหลัก เพื่อให้ประชาชนรู้ว่า ผืนแผ่นดินที่อาศัยอยู่เป็นของไทยไม่ใช่ของกลุ่มโจร ก่อการร้าย
2. ต้องให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีบัตรประชาชนสองสัญชาติ ให้เลือกเอาว่าจะอยู่ประเทศไหน พร้อมทั้งให้ยกเลิกบัตรดังกล่าวเสีย เพื่อเป็นแนวทางที่จะกำหนดว่าใครคือคนไทยหรือใครคือคนต่างด้าว
3. กำหนดยุทธศาสตร์การสู้รบของฝ่ายบริหารเสียใหม่ ด้วยการส่งกองกำลังติดอาวุธเข้าไปในพื้นที่เต็มกำลังขยายผลไปตลอดทั้ง พื้นที่โดยเฉพาะในป่า ภูเขาทุกลูกจะต้องใช้กำลังเสริมคอยสนับสนุนการสู้รบเต็มอัตรากำลัง
4. ปิดพรมแดนสามจังหวัดในภาคใต้ทั้งหมดห้ามมีการติดต่อกับประเทศมาเลเซีย โดยอ้าง ว่าต้องการแก้ไขปัญหาภายในประเทศ พร้อมทั้งประสานการปฏิบัติกับฝ่ายบริหารของประเทศมาเลเซียทางการทูต
5. จากการปิดพรมแดนและการให้ประชาชนในพื้นที่เลือกว่าจะเป็นคนไทยหรือคนประเทศ อื่น ทำให้เจ้าหน้าของรัฐสามารถกำหนดเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และทำการด้านยุทธศาสตร์ได้เต็มที่ พร้อมทั้งตัดการช่วยเหลือของฝ่ายผู้ก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนโดยผ่าน มาทางพรมแดนไทย-มาเลเซียไม่ว่าจะเป็นอาวุธ วัตถุระเบิดเพราะส่วนใหญ่ได้รับการขนส่งมาจากด้านมาเลเซียเป็นหลักโดยผ่าน ทางรถไฟ
หากสามารถทำตามข้อเสนอแนะได้จะสามารถแก้ไขปัญหาภาคใต้ได้สำเร็จอย่างถาวรต่อไป
ปัญหา ที่ต้องแก้ตอนนี้ก็คือรัฐบาลขิงแก่ หรือรัฐบาลขมิ้นอ่อนจะทำได้หรือไม่ หรือ ไม่อยากทำทั้งๆที่รู้ดีไปทุกอย่างแล้ว หากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่ารัฐบาลพยายามที่จะมี ส่วนร่วมในการแบ่งแยกดินแดน ของผู้ก่อการร้ายด้วย
และต้องถูกประณามจากพี่น้องคนไทยทั้งประเทศด้วยว่าเป็นโจรปล้นแผ่นดินแล้วสนับสนุนผู้ก่อการร้ายให้ฆ่าคนไทยอีก

ขอบคุณ
http://newweb.bpct.org/component/option,com_fireboard/Itemid,0/func,view/id,387/catid,1/

“แผนร้ายมุสลิมจ้องยึดรัฐไทย เพื่อแปลงเป็นรัฐอิสลาม” จริงหรือ? โปรดพิจารณา


พบแผนร้ายสะเทือนขวัญชาวไทยทั้งชาติ มุสลิมมิได้มุ่งยึดครอง ๓ จังหวัดภาคใต้เท่านั้น แต่วางแผนยึดไทยทั้งประเทศอย่างลึกซึ้งแยบยล และได้ดำเนินงานตามแผนมาตามลำดับจนใกล้บรรลุผลสำเร็จแล้ว ดังนี้

๑. วางแผนยึดสถาบันพระมหากษัตริย์เปลี่ยนให้เป็นกษัตริย์มุสลิม

ได้มีการส่งลูกสาวของแกนนำ มุส ลิมระดับสูงซึ่งมีตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งมี
หน้า ตาดีเข้าไปถวายตัวกับ"เจี่ย" เรียบร้อยแล้ว ถ้ามีลูกเมื่อใด พระราชวงศ์ทุกพระองค์ที่มีศักดิ์สูงกว่าจะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต และเด็กคนนี้จะถูกอบรมเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นเป็นกษัตริย์มุสลิมที่เคร่งครัด แม้จะบัญญัติในรัฐธรรมนูญว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ แต่เมื่อองค์กษัตริย์เป็นชาวมุสลิมทั้งตัวและหัวใจแล้ว การจะแก้เรื่องนี้ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก และเมื่อยึดสถา
บันพระมหากษัตริย์ได้ การจะเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นประเทศมุสลิมก็ทำได้ง่ายเหมือนที่เคยเกิด ขึ้นมาแล้วในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเคยเป็นเมืองพุทธมาก่อน

๒. วางแผนเปลี่ยนกองทัพไทยให้เป็นกองทัพมุสลิม

เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ทหารมุสลิมขึ้นมาเป็นผบ.ทบ.และเป็นหัวหน้า
คณะ ปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน มีอำนาจควบคุมกองทัพอย่างเบ็ดเสร็จ นายทหารที่เป็นชาวมุสลิมจึงได้รับการโปรโมทเลื่อนตำแหน่งกันขนานใหญ่ และขณะนี้กำลังมีการวางแผนลับสืบทอดอำนาจระยะยาวเปลี่ยนกองทัพ ไทยให้เป็นกองทัพมุสลิม โดยพลเอกสนธิ ผบ.ทบ.ซึ่งมีอำนาจเด็ดขาดในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับพันเอกพิเศษลงไป ได้วางตัวนายทหารมุสลิมเตรียมไว้แล้ว และเมื่อถึงจังหวะเหมาะก็จะเซ็นแต่งตั้งนายทหารมุสลิมเหล่านี้เข้ามาเป็น ผู้บังคับการกรม ผู้บังคับกองพันที่สำคัญกุมจุดยุทธศาสตร์ อาทิ กรมทหารราบที่ ๑ รักษาพระองค์ มีกำลังทหาร ๘,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์มีกำลัง ๖,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๓๑ มีกำลัง ๑๐,๐๐๐ นาย กรมทหารราบที่ ๒๑ และหน่วยกำล
ังสำคัญในกองพลทหารม้าที่ ๒ สนามเป้า เป็นต้น นายทหารมุสลิมเหล่านี้จะจงรักภักดีและเชื่อฟังพลเอกสนธิยิ่งกว่าผู้บังคับ บัญชาตามลำดับชั้นของตน ดังนั้น ผู้บังคับการกรมมุสลิมเพียง ๑๐ – ๒๐ กรม คุมกำลังทหารประมาณ ๕๐,๐๐๐ – ๑๐๐,๐๐๐ นาย จะทำให้ดุลอำนาจในกองทัพเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แม้พลเอกสนธิจะเกษียณอายุจากตำแหน่งผบ.ทบ. เข้าไปรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็จะสามารถควบคุมกองทัพได้เช่นเดิม ผ่านนายทหารมุสลิมเหล่านี้ และสามารถขยายการควบคุมออกไปจนเปลี่ยนกองทัพไทยเป็นกองทัพมุสลิมทั้งหมด เพราะแม้ทหารส่วนใหญ่เป็นพุทธ แต่เมื่อผู้บังคับบัญชาเป็นมุสลิม ทุก คนก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่ง ดังที่เคยเกิดในประเทศเวียดนามมาแล้ว ที่แม้ประชาชนเป็นพุทธกว่า ๙๐% แต่ประธานาธิบดีเหงียนเกากี เป็นคริสต์ และตั้งทหารคริสต์คุมกองทัพ คุมกระทรวงมหาดไทย และปราบปรามกดขี่ชาวพุทธอย่างรุนแรง จนพระภิกษุต้องประท้วงโดยการเผาตัวตาย และเวียดนามต้องสิ้นชาติในที่สุด

๓. เข้ายึดกุมอำนาจการบริหารราชการแผ่นดิน

เมื่อพลเอกสนธิปฏิวัติเสร็จ ได้ตั้งพลเอกสุรยุทธ์ เป็นนายก
ฯ ขัดตาทัพก่อน เพราะบารมีของตนในขณะนั้นยังไม่เพียงพอ จากนั้นเร่งสร้างฐานอำนาจทั้งในกองทัพ องค์กรอิสระ และวงการเมืองอย่างเต็มที่ เมื่อพร้อมก็กดดันอย่างหนักให้พลเอกสุรยุทธ์ลาออก เพื่อตนจะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเอง จัดตั้งรัฐบาลมุสลิมชุดแรกในประวัติศาสตร์ ปกครองประเทศไทย ต่อไป
ข้า ราชการคนไหนเป็นชาวมุสลิม หรือเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว นักธุรกิจคนไหนเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามก็จะได้รับความสะดวก ได้การสนับสนุนจากรัฐ การเป็นชาวมุสลิมเป็นสิ่งมีเกียรติ ใครเป็นชาวพุทธ เป็นเรื่องต่ำ ต้อย ถูกดูถูกเหยียดหยาม วัฒนธรรมชาวมุสลิมจะได้รับการส่งเสริมเผยแพร่ตามสื่อมวลชนทุกแขนง และผ่านระบบการศึกษา สังคมไทยจะถูกดูดกลืนปรับเปลี่ยนเป็นสังคมมุสลิม สอดประสานกับการเปลี่ยนสถาบันกษัตริย์ให้เป็นกษัตริย์มุสลิม

๔. สร้างรัฐอิสลามซ้อนขึ้นในรัฐไทยและขยายตัวกลืนรัฐไทยทั้งหมดให้กลายเป็นสาธารณรัฐอิสลาม

ขณะนี้คณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนาฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ร่าง
พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรอิสลามเรียบร้อยแล้วเตรียมเสนอเข้าพิจารณาใน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และจะออกมามีผลบังคับใช้ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๐ นี้ พ.ร.บ.กลืนชาติไทยฉบับนี้ เป็นการแก้ไขจากฉบับปี ๒๕๔๐ และมีการหมกเม็ดสาระสำคัญที่จะพลิกฟ้า คว่ำแผ่นดินไทยทั้งมวล ๓ ประเด็นหลัก คือ
๔.๑ มาตรา ๘ "จุฬาราชมนตรีมีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นต่อทางราชการเกี่ยว กับศาสนาอิสลาม" ที่ร้ายกาจอย่างยิ่งยวดก็คือ ได้เพิ่มข้อความในวรรคท้ายว่า
"คำปรึกษา ความเห็น และข้อวินิจฉัยของจุฬาราชมนตรีตามควา มในวรรคหนึ่งให้เป็นที่สุด ส่วนราชการและมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติตาม"
นี่ไม่ใช่คำปรึกษาหรือความเห็นแล้ว แต่มันคือคำประกาศิตที่เป็นที่สุดใครจะโต้แย้งใดๆ
ไม่ ได้ทั้งสิ้น และบังคับให้ส่วนราชการไทย คือ ทั้งศาล อำนาจบริหาร และนิติบัญญัติ จะต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อแม้ ดังนั้นจุฬาราชมนตรี ก็จะกลายเป็นเจ้าชีวิตของมุสลิมทุกคน และบังคับรัฐไทยจะต้องปฏิบัติตามคำประกาศิตของจุฬาราชมนตรีในทุกเรื่องที่ เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ซึ่งจะตีความให้กว้างเชื่อมโยงไปมากเท่
าใดก็ได้ รัฐไทยก็จะเปรียบเสมือนเป็นอาณานิคมของรัฐอิสลามที่เกิดซ้อนขึ้นมาในรัฐไทยนั่นเอง
๔.๒ มาตรา ๑๓ เมื่อเห็นสมควร กระทรวงศึกษาธิการอาจจัดตั้ง "อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย และอิสลามวิทยาลัยประจำจังหวัด"ขึ้น เพื่อให้การศึกษาและอบรมทางวิชาการศาสนา วิชาการทั่วไป และวิชาชีพได้
เพียงแค่โรงเรียนปอเนาะ ตาดีกา ที่เป็นแหล่งเพาะผู้ก่อการร้ายในปัจจุบัน เราก็รับมือกันแทบไม่ไหวอยู่แล้ว นี่จะขยายขึ้นมาถึงระดับเป็นอิสลามวิทยาลัยและจะตั้งทุกจังหวัด ถามว่า ทั้งผู้เรียน ทั้งครู เป็นม ุสลิมทั้งหมด แล้วใครจะเข้าไปตรวจสอบการเรียนการสอนการอบรมในอิสลามวิทยาลัยเหล่านี้ มีอะไรเป็นหลักประกันว่า อิสลามวิทยาลัยนี่จะไม่กลายเป็นสถาบันบ่มเพาะมุสลิมหัวรุนแรงอย่างถูกต้อง ตามกฎหมาย สามารถให้ปริญญาตรี โท เอก โดยดูดเอาทรัพยากรจากภาษีอากรของชาวพุทธไปหล่อเลี้ยง
๔.๓ มาตรา ๒๙ ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด มีอำนาจหน้าที่ ให้คำปรึกษาและเสนอความเห็นเกี่ยวกับกิจการศาสนาอิสลามต่อผู้ว่าราชการ จังหวัด และส่วนราชการภายในจังหวัด

ฉบับเดิมเมื่อปี ๒๕๔๐ ระบุเพียงให้คำปรึกษาต่อผู้ว่าฯ เท่านั้น แต่ฉบับใหม่นี้ เพิ่มว่า "และส่วนราชการภายในจังหวัด" ด้วย นั่นคือ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด สามารถเข้าไปแทรกแซงสั่งการการทำงานของทุกส่วนราชการในจังหวัด ทั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นและหน่วยราชการต่างๆ ได้ทั้งหมด ถ้าสั่งแล้วใครไม่เชื่อก็บอกจุฬาราชมนตรีประกาศิตลงมาบังคับได้ทันที คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดจะทำหน้าที่ชี้นำ ดำเนินการกลืนสังคมไทยให้กลายเป็นสังคมมุสลิมอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม เป็นระบบ

เราจะเห็นการเตรียมการวาง แผนเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่พลเอกสนธิ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๙ โดยสมาชิกในส่วนตัวแทนทางศาสนาจำนวน ๑๑ คน มีรายนามดังนี้
๑. นายกีรติ บุญเจือ (คริสต์)
๒. นายวรเดช อมรวรพิพัฒน์ (พุทธ)
๓. นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก &nbs
p; (พุทธ)
๔. นายวินัย สะมะอุน (อิสลาม)
๕. นายแว ดือ ราแม มะมิงจิ (อิสลาม)
๖. นายดำรง สุมาลยศักดิ์ (อิสลาม)
๗. นายแวมาฮาดี แวดาโอะ (อิสลาม)
๘. นายอับดุลเราะแม เจะแซ&am p;nb sp; (อิสลาม)
๙. นายอับดุล รอซัค อาลี (อิสลาม)
๑๐. นายอิสมาแอล อาลี (อิสลาม)
๑๑. นายอิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา (อิสลาม)

ในประเทศไทยที่ประชากรร้อยละ ๙๔ เป็นพุทธ มีมุสลิมอยู่เพียงร้อยละ ๕ แต่พลเอกสนธิ กล้าที่จะแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เป็น
ตัวแทนศาสนาเป็นชาวพุทธเพียง ๒ คน แต่เป็นชาวมุสลิมถึง ๘ คน นี่คือการไม่เป็นหัวชาวพุทธเลย และเป็นการเตรียมคนไว้รองรับการออกพระราชบัญญัติฉบับ "กลืนชาติไทย" นี้นี่เอง 

พี่น้องชาวไทยทุกท่าน ท่านจะนั่งเงียบเฉยมองดูประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ล่มสลายลงไปต่อหน้าต่อตา หรือจะลุกขึ้นมาสู้ ช่วยกันปกปักรักษาประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราไว้ 

ทหารหาญแห่งกองทัพไทยทุกท่าน ท่านตอบตัวเองได้หรือยังว่า ท่านเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือเป็นทหารของผู้ นำมุสลิม ท่านจะยอมตนลงเป็นทาส หรือจะปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ด้วยชีวิตตามคำสัตย์ปฏิญาณ
ขณะนี้ประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรากำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตที่ร้ายแรง ที่สุด เหมือนยืนอยู่ที่ปากเหวแห่งความล่มสลาย แต่ถ้าพี่น้องชาวไทยทุกหมู่เหล่าร่วมรวมพลังไม่เพิกเฉยดูดาย ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะกอบกู้แก้ไขสถานการณ์ร้ายนี้

"ชะตาของชาติไทยอยู่ที่การตัดสินใจสู้ของท่าน"
(โปรดช่วยกันทำสำเนาส่งข่าวนี้ให้รู้โดยทั่วกันให้กว้างขวางที่สุด)

แก้ไขครั้งล่าสุดเมื่อ : วันที่ 7 ตุลาคม 2555 เวลา 22:11 น.