Thursday, December 31, 2015

ตัวอย่างหลักฐานที่ภูมิพลฆ่าพี่ชาย มีดังนี้

ตัวอย่างหลักฐานที่ภูมิพลฆ่าพี่ชาย มีดังนี้

1. วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกมหาลัยเยล "The United States and the Military Government of Thailand" (1993) Daniel Mark Fineman

หวังว่าคงไม่มีใครแถนะคะว่านี่เป็นเรื่องไม่จริง เพราะวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก มีการเช็คหลักฐานอ้างอิงทุกหลักฐาน ถ้าเขียนอะไรตอแหลลงไปในวิทยานิพนธ์แม้แต่ประโยคเดียว ก็จะต้องถูกปรับตกทันที แล้วทำไมนายโดนัลด์ ที่เขียนว่าภูมิพลทำปืนลั่นใส่หัวพี่ชาย ถึงได้ปริญญาเอกมาจากมหาลัยที่ดีที่สุดอันดับ 2 ของอเมริกาได้? ก็แปลว่ามหาลัยเขาเช็คข้อมูลแล้วไงว่าเรื่องจริง เขาถึงกล้าให้ปริญญาเอก แล้วยังพิมพ์หนังสือเขาเอาไปใช้เป็นหนังสืออ้างอิงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ไทยด้วย วิทยานิพนธ์ของนายโดนัลด์ ได้เอาไปตีพิมพ์เป็นหนังสือ A Special Relationship: The United States and the Military Government in Thailand พิมพ์โดย University of Hawaii Press (1997)

2. หลักฐานลับจากสถานทูตอเมริกา USNA, Memorandum of Conversation by Stanton, March 31, 1948, 892.00/3-3148, RG 59 เป็นไฟล์ลับที่ทูตอเมริกา คุยกับ หลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ว่าเป็นการเล่นปืนกัน แล้วไอ้บอดทำอุบัติเหตุปืนลั่นใส่หัวพี่ชายมัน แต่ว่ารัฐบาลไทยต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ซึ่งสอดคล้องกันกับจดหมายของปรีดี พนมยงค์ ที่เขียนถึง จอมพล ป.พิบูลสงคราม ตอนที่จอมพล ป. คิดจะรื้อฟื้นคดีนี้ขึ้นมาใหม่ ว่า ในวันเกิดเหตุ ตอน 9 โมงเช้า นายบุศย์ ปัทมศริน ที่เฝ้าห้องนอนของ ร 8 อยู่ เห็นภูมิพลเดินเข้าไปในห้องของกษัตริย์อานันท์ และเมื่อเสียงปืนดังขึ้น ทั้งสองจึงวิ่งเข้าไปในห้อง แล้วเห็นภูมิพลนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียง นี่เป็นสิ่งที่นายบุศย์ บอก พล ตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ ในวันที่ตัวเองถูกประหารชีวิต

3. หนังสือ The Revolutionary King โดย William Stevenson หน้า 128 ผู้เขียน เขียนว่า เมื่อรัฐบาลไทยต้องการส่งภูมิพลไปเรียนต่อที่มหาลัย ออกซ์ฟอร์ด และขอเข้าเฝ้า กษัตริย์จอร์จที่ 6 ตอนไปถึงอังกฤษ กษัตริย์จอร์จตอบรัฐบาลไทยมาว่า วังบัคกิงแฮมของเรา ไม่ต้อนรับฆาตกร และไม่ยอมช่วยให้ภูมิพลเข้าเรียนออกซฟอร์ดได้ ภูมิพลจึงต้องไปเรียนที่สวิสแทน ถ้าคนเขียน เขียนเรื่องโกหกลงไป ขอถามว่า จนป่านนี้ ทำไมรัฐบาลไทย ไม่เคยไปฟ้องร้องสำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือเล่มนี้?? ถ้าสิ่งที่เขาเขียนเป็นเรื่องไม่จริง สามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ ทำไมถึงไม่ยอมไปฟ้อง??

Thailand: Enforced disappearance is not a crime

FOR IMMEDIATE RELEASE
AHRC-STM-208-2015
December 31, 2015

A Statement by the Asian Human Rights Commission

Thailand: Enforced disappearance is not a crime

On Tuesday, the Supreme Court affirmed the appellate court verdict of not guilty in relation to the five police officers accused in relation to the disappearance of Mr. Neelapaijit 11 years ago. The Supreme Court further held that the family could not be co-plaintiff as there was no conclusive evidence that Mr. Neelapaijit was dead or seriously injured.

11 years after the abduction and disappearance of Mr. Neelapaijit, the Supreme Court of Thailand refuses to accept the claim of the family that he has disappeared. During these long years, Thailand's investigating agencies have continuously conducted inquiries and have failed to find any trace of the lawyer Mr. Neelapaijit. The burden of accounting for a disappeared person is with the state. The state of Thailand has failed to establish what has happened to Mr. Neelapaijit. The Thai Supreme Court failed to fix the responsibility for accounting for the whereabouts of Mr. Neelapaijit on the Thai government. By doing so, the Supreme Court also denied the right of the family to hold the government responsible for its failure to account for what happened to Mr. Neelapaijit.

There are sinister implications to the Supreme Court's verdict. If a group of state agents succeeds not only in killing a victim but also in making them disappear, they have a greater chance of escaping liability for their crime on the basis of the verdict of the Supreme Court in this case. The burden of proving an enforced disappearance is thereby cast on the disappeared person himself.

The basic failure lies with the law of Thailand, which failed to recognize an enforced disappearance as a crime.

International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance defines the crime as follows: '"enforced disappearance" is considered to be the arrest, detention, abduction or any other form of deprivation of liberty by agents of the State or by persons or groups of persons acting with the authorization, support or acquiescence of the State, followed by a refusal to acknowledge the deprivation of liberty or by concealment of the fate or whereabouts of the disappeared person, which place such a person outside the protection of the law.'

The implication of the Supreme Court judgment is that such concealment of the fate or whereabouts of a disappeared person is considered to be a matter that does not come within the purview of the authority of the highest court in Thailand. This will only assure the state authorities that they may continue to cause such enforced disappearances, untroubled by the law.

In the recent decades, there have been large numbers of cases of enforced disappearances in Thailand. This means that there may be thousands of other families like the Neelapaijit family who seek to find legal redress for one of the most heinous crimes recognized under international law. In reply to them, what the Thai courts would say is that it may be an international crime under international law, but it is not a crime in Thailand. Such a message naturally encourages those who wish to engage in such crimes, and the state of impunity has been strengthened by the verdict of the Thai Supreme Court. Under these circumstances, the United Nations and other international bodies have a serious duty to bring sanctions against Thailand for the continuous protection it provides for perpetrators of the heinous crime of enforced disappearances.

# # #

About AHRC:The Asian Human Rights Commission is a regional non-governmental organisation that monitors human rights in Asia, documents violations and advocates for justice and institutional reform to ensure the protection and promotion of these rights. The Hong Kong-based group was founded in 1984.

Read this Statement online

 



Visit our website with more features at www.humanrights.asia.



You can make a difference. Please support our work and make a donation here
.

-----------------------------

Asian Human Rights Commission

G/F

52 Princess Margaret Road

Ho Man Tin, Kowloon

Hongkong S.A.R.

Tel: +(852) 2698-6339 Fax: +(852) 2698-6367

Web: www.humanrights.asia

twitter/youtube/facebook: humanrightsasia

คนรวยแห่งแดนใต้ ทำสถิติเข้าโรงจำนำเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ.

คนรวยแห่งแดนใต้ ทำสถิติเข้าโรงจำนำเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ. http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451369203

กฏหมาย ชารียะฮ์ ที่ บันดา อาเจห์

กฏหมาย ชารียะฮ์ ที่ บันดา อาเจห์ https://www.facebook.com/BBCThai/posts/1724910034396696


นักศึกษาหญิงที่อาเจะห์ถูกโบย โทษฐานอยู่กับเพื่อนชายสองต่อสอง

นูร์ เอลิตา นักศึกษาหญิงวัย 20 ปี ถูกลงโทษด้วยการโบยหลังต่อหน้าสาธารณชนที่เมืองบันดา อาเจะห์ของอินโดนีเซีย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โทษฐานกระทำความผิดตามกฎหมายอิสลาม หรือ ชารีอะฮ์ โดยการอยู่ใกล้ชิดกับชายที่มิใช่ญาติหรือสามีสองต่อสอง

การลงโทษครั้งนี้ มีขึ้นที่ในสนามหน้ามัสยิดไบตูราฮิม ต่อหน้ากลุ่มคนหลายร้อยคนที่ไปรอเฝ้าดู บางคนส่งเสียงร้องเชียร์และถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถือด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นูร์ เอลิตาถูกโบยด้วยหวายครบ 5 ครั้ง เธอได้ทรุดตัวล้มลงด้วยความเจ็บปวด และถูกหามส่งโรงพยาบาล จากนั้น นักศึกษาหนุ่มวัย 23 ปี ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดร่วมกับเธอ ก็รับโทษถูกโบย 5 ครั้งเช่นกัน

ทั้งนี้ อาเจะห์ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา เริ่มบังคับใช้กฎหมายชารีอะห์เป็นกฎหมายหลักเมื่อปี 2003 หลังได้รับสถานภาพเขตปกครองตนเองพิเศษจากรัฐบาลอินโดนีเซีย โดยเป็นเพียงจังหวัดเดียวในประเทศที่บังคับใช้กฏหมายนี้ กฎหมายชารีอะฮ์ครอบคลุมถึงการลงโทษผู้มีความผิดฐานดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เล่นการพนัน รักร่วมเพศ ผิดประเวณี และการแสดงความสนิทสนมระหว่างชายหญิงที่มิใช่คู่สมรส ทั้งมีการควบคุมความประพฤติของผู้หญิงอย่างเข้มงวด

บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.
บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.
บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.
บีบีซีไทย - BBC Thai's photo.

Revolution: An Instruction Manual

Wednesday, December 30, 2015

ศาลแพ่งยันคำสั่งกลาโหมปลดอภิสิทธิ์จากราชการทหารชอบแล้ว

ศาลแพ่งยันคำสั่งกลาโหมปลดอภิสิทธิ์จากราชการทหารชอบแล้ว

Tue, 2015-12-29 23:37

ศาลแพ่งยกฟ้องคดี ′อภิสิทธิ์′ ให้กลาโหมถอนคำสั่งปลดออกจากทหาร ชี้เนื่องจากขาดการตรวจเลือกทหาร แล้วใช้เอกสาร สด.9  อันเป็นเท็จยื่นสัสดี ทำให้ขาดคุณสมบัติรับราชการ ทนายเผยขอศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

29 ธ.ค. 2558 ศาลแพ่งมีคำพิพากษา ในคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของกระทรวงกลาโหม ที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเหตุที่จำเลยปลดโจทก์ออกจากราชการ เนื่องจากโจทก์ขาดการตรวจเลือกทหาร แล้วนำใบสำคัญ (ใบ สด.9) แทนฉบับที่ทำชำรุดสูญหายอันเป็นเท็จมาแสดงต่อสัสดีจังหวัดนครนายก ทำให้สัสดีจังหวัดนครนายก ไม่ทราบความจริงว่าโจทก์ครบเวลาที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร จึงไม่ได้ระบุสถานะว่าเป็นผู้ขาดการเกณฑ์ทหาร เป็นเหตุให้สัสดีจังหวัดนครนายกออกใบสำคัญ (สด. 3) คือ ใบขึ้นทะเบียนกองประจำการ ให้แก่โจทก์

ทั้งโจทก์ไม่มีใบ สด.41 ซึ่งเป็นเอกสารแสดงว่าได้รับการผ่อนผันกรณีศึกษา ณ ต่างประเทศ ว่า ไม่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหาร โจทก์จึงเป็นผู้ขาดคุณสมบัติและไม่มีคุณสมบัติที่จะบรรจุเข้ารับราชการ กลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรได้ การสมัครและบรรจุโจทก์เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร กับการแต่งตั้งโจทก์เป็นนายทหารสัญญาบัตรตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม เป็นการไม่ชอบ คำสั่งของจำเลยที่ให้ปลดโจทก์ออกจากราชการ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบแล้ว ไม่มีเหตุเพิกถอนคำสั่งของจำเลย

ด้านนายไพบูลย์ โพธิ์น้อย  ทีมทนายความ เปิดเผยว่า คดีนี้นายอภิสิทธิ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.อ.อ.สุกำพล โดยทางทีมทนายเพิ่งทราบคำพิพากษาแบบฉุกละหุก จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้ ต้องขอศึกษารายละเอียดก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป


อ่านฉบับเต็มที่ http://prachatai.org/journal/2015/12/63229

เรื่อง การตั้งกลุ่มการเมืองของปวงชนชาวไทย ในนาม คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม

เรื่อง การตั้งกลุ่มการเมืองของปวงชนชาวไทย ในนาม คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม

เรียน  ปวงชนชาวไทยทุกท่าน

เรื่อง   การตั้งองค์การการเมืองของปวงชนชาวไทย ในนาม คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม

การกดไลค์ของท่าน ณ เพจเฟสบุ๊ค http://tinyurl.com/nql9qjl (คณะราษฎรเพื่อสาธารณรัฐสยาม) ถือว่าเป็นไปเพื่อการรับรู้ข่าวสารเท่านั้น ท่านไม่ต้องรับผิดชอบต่อเนื้อหาของเพจนี้ และไม่ได้ถือว่าท่านเป็นสมาชิกของกลุ่มนี้ หรือเห็นด้วยกับเนื้อหาสาระของกลุ่มนี้โดยชื่อกลุ่มนี้ ถูกโหวตโดยสมาชิกของกลุ่มจากทั่วโลก ในนามปวงชนชาวไทย เจ้าของอำนาจและเจ้าของประเทศไทยอย่างแท้จริง

ส่วนวัตถุประสงค์ของกลุ่มในเบื้องต้น มีการรับรองวัตถุประสงค์ของกลุ่มดังนี้

1. เพื่อประกาศจุดยืนว่า รัฐบาลคสช. และเครือข่ายอำนาจที่ล้มรัฐธรรมนูญ 2540 และ 2540 ไม่ใช่ตัวแทนของปวงชนชาวไทย และไม่มีความชอบธรรมในการใช้อำนาจของปวงชนชาวไทย

2. เพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ ในการสื่อสารกับนานาชาติ

3. เพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ ในการวางเป้าหมายรัฐไทยใหม่

4. เพื่อผลักดันประเทศไทยพ้นจากระบอบราชาธิปไตย ก้าวสู่ระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์

5. เพื่อประกาศไม่ยอมรับอำนาจใด ๆ จากการสืบทอดอำนาจโดยคสช.และกลไกที่ตั้งขึ้นหลังการรัฐประหาร 2557

6. เพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่ไม่ยอมรับระบอบเผด็จการ ในการกำหนดการเคลื่อนไหว เพื่อสานพลังปวงชนปฏิวัติในไทยและทั่วโลก

7. เพื่อยกระดับปวงชนชาวไทย ให้ตาสว่าง ตื่นรู้เท่าทัน และเป็นพลเมืองผู้นำการสร้างประชาธิปไตย

8. เพื่อยึดอำนาจ กลไก และผลประโยชน์ที่ถูกปล้นไป กลับเป็นของปวงชนชาวไทย

9. เพื่อสนับสนุนหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายสากล โดยเน้นสันติวิธีในการดำเนินการทุกรูปแบบ

อนึ่ง ก้าวต่อไปของกลุ่มนี้ คือ จะมีการตั้งอัศวินโต๊ะกลมในฐานะผู้อำนวยการ (Steering Committee) เพื่อตัดสินใจร่วมกันในการผลักดันกิจกรรม การจัดการ การขยายเครือข่าย และการประสานงานกันเพื่อเป้าหมายขององค์การต่อไป

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ดร.เพียงดิน รักไทย 

ภารโรงและผู้ประสานงานการก่อตั้ง
22 สิงหาคม 2558

สดุดีเปรม และทหารเหี้ยเพื่อเจ้า

เครดิต จากสหายวงในระดับสูงสุดสอย... (ส่งมาจากทางไลน์)



"ไอ้หงอกเปรม บ้าเรื่องเหล่าทหาร
อ้อนอวยให้เหล่าทหาร ′ม้า′ ได้เติบโตในเหล่าทัพบก จิก ด่า ′ทหารแตงโม-ตำรวจมะเขือเทศ′ไม่ควรมีอีกต่อไปแล้ว

 วันที่ 30 ธันวาคม ไอ้หงอกเปรมเห่าเป็นหมาหูตึง อยู่อย่างไร้ศักดิ์ศรี ณ บ้านหลวงสี่เสาเทเวศร์ เป็นการสร้างบรรทัดฐานเลวๆให้ พล.อ.รุ่นๆหลังเอาอย่างมากมาย กบดานอยู่นาน ใครด่าเท่าไหร่ไม่เคยเจ็บ หนังหนา หน้าด้าน ทนทานจนถึง 90 กว่าปี ยังให้โอวาท นำเหล่าทหารม้ามาอวยจะฉีกหน้าทหารเสือราชินี- ทหารวงศ์เทวัญที่ใจไม่อยู่กับไอ้หงอกเปรมแล้วก็บอกมา
    
ยังจะตั้ง พล.อ.วันชัย เรืองตระกูล ทหารแก่ใกล้ตายอีกคนให้ดูแลเหล่าทหารม้าแทนตนเองด้วย

ทหารตุ๊ดแก่ใกล้ตาย แต่ยังวอนต้องการอะไรนักหนา ในวัยชราอายุปูนนี้แล้ว ยังหลงๆว่าตนครองความยิ่งใหญ่ กล้านำทหารเหล่าม้าขึ้นมาสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ คิดจะปฎิวัติซ้อนโดยใช้ทหารเหล่าม้า แล้วกับเหล่าอื่นๆเปรมไม่พูดถึงเลย ระวังความลับรั่ว ทหารเหล่าม้ากลุ่มที่พวก วงในรู้กันดี ไอ้หงอกเปรมสั่งทหารม้ากลุ่มไหนรับงานฆ่าเสธแดงตาย ยังมีเรื่องเก่าๆตามหลอกหลอนเปรม ทำไมหรือ ผู้นำ จ.ป.ร.7 ทหารเหล่าม้าคนสำคัญ พลเอกมนูญ รูปขจร ถึงไม่เอาเปรม เพราะเปรมเป็นจอมหักหลัง ปลิ้นปล้อนทางอำนาจ พอโหนติดคิดล้างบางลูกน้องเก่าทันที หลังเปรมหลอกให้เหล่าม้าฆ่าทหารด้วยกันตายไปก็หลายคนแล้ว อย่าคิดว่าพวกทหารม้าไม่รู้เรื่องที่ผ่านมา ถ้าเปรมคิดจะเอาทหารม้ามาหากินอีก ระวังไปหงอกเปรมเปรมต้องตายแบบหมาข้างถนนเองบ้าง บารมีเปรมหมดสิ้นแล้ว กลับมาฟื้นฝอยหาตะเข็บกับทหารม้า มาใส่ไฟให้ทหารระแวงกันทำไม ทำเป็นเชียร์ให้นายทหารเหล่าม้าเติบโตใน 5 เสือ ทบ. ในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม  กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อทดแทนคนที่เกษียณ ให้กีดกันทหารที่คิดเห็นแตกต่างจากไอ้หงอกเปรม ไม่มีคำว่าทหารแตงโม ตำรวจมะเขือเทศ ก็เปรมคุมศาลจนเสื่อม คิดจะคุมความคิดทหาร ตำรวจได้หมดหรือไร ชมเหล่าม้า"รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด"  ต้องการปราบคอร์รัปชั่น เปรมเอ๊ย.. พวกแดกเหล้าอย่างเดียว ไวน์เวยกระแด๊ะกินกับเขาไม่เป็น ดิบๆขาดความเป็นไฮโซ จึงโก้สู้เหล่าอื่นไม่ได้ สิ้นเปรมแล้วเหล้าม้าเหมือนสิ้นใจ เปรมพูดไปก็ไลฟ์บอย "เรื่องปล้นชาติ"เรื่องสามัคคี" ล้วนตอแหล  ทหารม้าคงไม่มีทหารแตงโม ทหารม้าเขาเป็นทหารแตงโมเขาจะบอกเปรมทำไม

เปรมยังชื่นชม พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขานายกรัฐมนตรี เป็นคนดี และนายกรัฐมนตรี ยังชมกับตนว่าท่านทำงานเก่ง และซื้อรถเบ็นซ์ราคาสูงดี ไม่ถือว่าคอรัปชั่น ถ้าคนที่ป๋าเปรมชอบได้ทำอะไรตามใจชอบได้ไม่ผิด


Tuesday, December 29, 2015

แผนล้มพุทธชัดเจน 2521-2557...

แผนล้มพุทธชัดเจน 2521-2557...

ทำไม? พระพุทธศาสนาในประเทศไทย จึงได้เดินทางเข้าสู่ความเสื่อมสูญ จนอาจสูญสิ้นในอนาคตข้างหน้า!

1. ในปี 2521 ดร.บุญสม มาร์ติน รมว.ศึกษาธิการ สั่งให้ตัดวิชาพระพุทธศาสนา และ วิชาศีลธรรมกับหน้าที่พลเมือง ออกไปจากหลักสูตรการศึกษาของประเทศไทย
2. ปี 2523 - 2529 ภาพข่าวนักท่องเที่ยวตะวันตก ผู้ชายขึ้นขี่คอ-ผู้หญิงนั่งตักพระพุทธรูป ดังไปทั่วโลก
3. ปี 2524 รัฐบาลเปรมฯ ออก พ.ร.บ.อิสลาม ในปี 2525 ออกกฎหมายเพื่อมุ่งให้ความคุ้มครองมุสลิมทั่วประเทศ
4. ปี 2532 รัฐบาลชาติชายฯ ขยายผลกฎหมายอิสลามอีกหลายมาตรา ทั้งให้ตัดวิชาประวัติศาสตร์ไทยออกไปจากหลักสูตรการศึกษาของประเทศไทย
5. ปี 2533 มีการสร้างคดีฉาวโฉ่พระนิกร โดยใช้ปืนจี้บังคับพระนิกร ให้ถ่ายภาพแต่งงานกับนางอร ปวีณา.. เพื่อใช้เป็นเหตุต้องแก้ พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์ ปี๒๕๓๕ (ฉบับที่ ๒) แต่ในที่สุด ปรากฏว่า ศาลฎีกายกฟ้องพระนิกร และ มีการแพร่ภาพ "พระสงฆ์ไทย ไปทำละหมาดในมัสยิต"เป็นข่าวฉาวโฉ่อีกข่าวในปี 2533
6. ปี 2536 แต่งตั้งให้ผู้นำศาสนาอิสลาม นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย มีการออกกฎหมายใหม่ กำหนดให้คนไทยไม่ต้องแจ้งการนับถือศาสนาในทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน พร้อมทั้ง เชิญชวนข้าราชการมุสลิม เปลี่ยนชื่อ-สกุลให้เป็นไทย เวลาแต่งตั้งให้มีตำแหน่งสำคัญ จะไม่ต้องเป็นที่เพ่งเล็งของชาวไทยพุทธ
7. ปี 2537 สร้างคดีพระยันตระ กับนางจันทิมา แม่ ดญ.กระต่าย ลูกของเมียน้อยรัฐมนตรี ในรัฐบาลชวน 1 ถึงขั้นจับตรวจ DNA แต่มีคนช่วยพระยันตระหนีไปนอกประเทศ เพราะรู้แผนการสับเปลี่ยนเลือดกับนักการเมืองคนนั้น
8. ปี 2537-2539 ขบวนการ "นารีพิฆาต" เกิดขึ้น ทำลายศรัทธาชาวพุทธอย่างยาวนาน พระเกจิอาจารย์ ระดับนำทั่วประเทศจำนวนมาก ถูกทยอยฆ่าตายด้วยยาพิษ ปาราชิก และ กลั่นแกล้งให้เสียหายในเรื่องสตรีและสตางค์ เพื่อทำลายศาสนบุคคลระดับนำ เช่น ท่านเจ้าคุณวัดเทพฯ หลวงปู่โง่น ฯลฯที่ทำเช่นนั้นเพราะ มีแผนร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ที่ต้องไม่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แม้จะมีชาวพุทธ ลงชื่อกว่า ๒ ล้านสามแสนคน ในขณะที่นายอานันท์ฯ ขู่ว่า ถ้ายอม.. "บัญญัติให้พุทธศาสนา เป็นศาสนาประจำชาติ เลือดจะนองท้องช้าง" เพราะว่า มีผู้ไม่เห็นด้วยหกแสนคน ในที่สุดหกแสนเสียงนั้น ชนะเสียง คน 2 ล้าน 3 แสนคน??
9. ปี 2540 นายวัน มูฮะหมัดฯ รมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทยในสมัยนั้น สั่งกำจัดพระพุทธรูปออกจากห้องประชุม และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.อิสลาม อีกหลายมาตรา เช่น จุฬาราชมนตรีมีอำนาจเหนือนายกรัฐมนตรีไทย
10. มีแผนการใช้เด็กหญิงอายุ 10-14 ปี จากแม่แจ่ม ซึ่งเป็นหมู่บ้านคริสต์มาทำลายพระภาวนาพุทโธ ด้วยหลักฐานเท็จ พยานเท็จ ศาลตัดสินจำคุกท่านภาวนาพุทโธ 150 ปี
11. ปี 2542 ประเทศไทยมีประธานกรรมาธิการศาสนาฯ ชื่อ เด่น โต๊ะมีนา เข้ามาเพื่อออกกฎหมาย "ล้วงย่ามพระ" และ "ฆราวาสปกครองพระ" ในรัฐบาลชวน
2 เพื่อควบคุมพระสงฆ์และการสร้างพุทธศาสนสถาน รวมถึง การเข้าไปบริหารพุทธศาสนสมบัติทั้งหมด และกฎหมายส่งเสริมอิสลามอีกหลายฉบับ กฎหมายเหล่านี้รอสว. ลากตั้ง ปี 51 ผ่านให้ เขาจึงต้องสร้างคดีใหญ่เรื่องธรรมกายขึ้นมา
12. การเขย่าศรัทธาชาวพุทธจึงต้องแรงสุดขีด ปี 2541-2545 จึงต้องเชือดธรรมกาย หวังโค่นล้มพุทธศาสนา ชนิดถอนรากถอนโคน โชคดีที่พระพรหมโมลีประธานพิจารณา "นิคหกรรม" ใช้เวลาเพียง 2 เดือน โดยยึดหลักธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ตัดสินคดีธรรมกายพ้นผิด นายสมศักดิ์ฯ จึงไล่ท่านออกจากกรรมการ ม.ส.
13. เท่านั้นไม่พอ ปี 2543 พระพรหมโมลี ถูกวางยาพิษมรณภาพ ขณะปฏิบัติศาสนกิจในพม่าบทความของ อ.มงคล กริชติทายาวุธ เรื่องที่ 892 กระบวนการทำลายพุทธศาสนาในประเทศไทย
14. พ.ร.บ. ปฏิรูปการศึกษา ที่คนไทยหลงดีใจว่า ลูกหลานจะฉลาดขึ้นนั้นเกิดจากน้ำมือของคริสต์-อิสลามร่วมมือกันเขียนขึ้นมา ประธาน คือ ดร. กีรติฯ (คาทอลิค) รองประธาน คือ ดร. เกษมฯ (อิสลาม) เจตนาที่แท้จริง คือ กำจัดพุทธศาสนทายาทออกไป เนื่องจากเด็กจบ ป. 6 มีโอกาสบวชยาวมากกว่าเด็กจบ ม. 3 ผ.อ.ทุกโรงเรียน ให้ความร่วมมือดี เพราะได้ประโยชน์จากตำแหน่งและงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ตามสึกสามเณรมาเข้าโรงเรียน สามเณรจึงหายไปกว่า 90% วัดวาอารามในต่างจังหวัด จึงเหลือแต่หลวงปู่-หลวงตา คนเข้าวัดก็เหลือคุณย่า-คุณยาย ปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ต้องทำอะไร อีกไม่นานพุทธศานาก็ล้มเอง... แต่มันต้องเร่งให้เสร็จใน 10 ปี
15. ปี 2543 รัฐบาลชวน 2 ทวงหนี้ค่าสัมปทานไอทีวี 2 หมื่นล้านบาทจากนั้นเกิดคดีพระแต่งเครื่องแบบนายทหารขับเบ๊นซ์พาสาวเที่ยวและค้างคืน ที่หมู่บ้านแถวบางบัวทอง ออกข่าวทุกชั่วโมง แรมเดือน ขณะถ่ายทำละครเรื่องนี้ มีการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมไปให้ผู้ว่าจ้างในต่างแดน จนฝ่ายข่าวทหารเปิดโปงไอทีวีเรื่องนี้จึงเงียบไป พร้อมกับที่รัฐบาลเลิกทวงหนี้ 2 หมื่นล้านบาทนั้น
16. ปี 2545 พ.ร.บ.ธนาคารอิสลาม เกิดขึ้นด้วยเงินงบประมาณแผ่นดินมากกว่า 1000 ล้านบาท การดำเนินงานขาดทุนทุกปี จนในที่สุด ต้องยุบเลิกธนาคารชาริอะห์ ของธนาคารกรุงไทย ที่มีกำไร เพราะธนาคารกรุงไทยดูแลอย่างใกล้ชิด และ ใช้งบประมาณสนับสนุนจำนวนมาก เพื่อมาควบรวมกับธนาคารอิสลามเหลือเพียงธนาคารอิสลามฯเพียงแห่งเดียวในปัจจุบัน
17. "Time" หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของโลก เปิดโปงแผน Dream State ที่อิสลามหวังยึดครองประเทศไทย โดยรุกทางการเมืองจากภาคใต้ ขยายผลให้มีการเลือกพรรคของตนใน กทม. และภาคตะวันออก โดยสนับสนุนการเงินผ่านธนาคารอิสลาม แล้วใช้ Astv ปลุกปั่นคนไทยให้ฆ่ากันเอง ได้ผลดีกว่าที่คาด
18. เมื่อ 3 ม.ค. 2547 การปล้นอาวุธจากกองทัพได้เกิดขึ้น ขบวนการล่าหัวชาวพุทธเกิดตามมาอย่างถี่ยิบ ทั้งครู ตำรวจ ทหาร ประชาชน แม้แต่พระสงฆ์สามเณร ถูกฆ่าตายรายวันอย่างทารุณ รวมทั้งชาวไทยมุสลิมที่ไม่ช่วยส่งเสริมผู้ก่อการร้าย หรือ ไม่ช่วยก่อความไม่สงบ ก็จะถูกฆ่าตายไปในคราวเดียวกันนี้ด้วย มีการก่อวินาศกรรมทุกพื้นที่ ทั้งโรงเรียนและหมู่บ้านชาวพุทธถูกเผาเป็นว่าเล่น สูญเสียงบประมาณหลายแสนล้านบาท ก็ไม่อาจแก้ปัญหาได้ แถมยังส่งเสริมฝ่ายตรงข้ามให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น ด้วยการปล่อยตัวผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่ และฟื้น ศอ.บต. 2
19. ในวันที่ 19 ก.ย. 2549 พลเอกสนธิฯ ซึ่งเป็นมุสลิมคนหนึ่ง ปฏิวัติยึดอำนาจ ได้ทำการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดที่เป็นมุสลิมจำนวน 39 จังหวัด และแต่งตั้งกรรมาธิการศาสนา 11 คน เป็นคนมุสลิม 8 คน จากกรรมาธิการศาสนาทั้งหมด 11 คน
20. การขยายมัสยิตไปทุกจังหวัด ทุกอำเภอ ทุกตำบล ที่ต้องทำให้เสร็จภายในปี 2557 จึงสามารถเร่งเวลาให้เร็วขึ้นได้ ทุกอย่างเป็นไปตามเป้าเร็วเกินคาดเพราะประชาชนให้ความร่วมมือมากขึ้นในทุกภูมิภาค ทั้งกลุ่มเสื้อแดง และ เสื้อเหลือง รวมทั้ง เสื้อน้ำเงิน ก็ไม่กล้าต่อต้านพระยังถูกฆ่าตายหลังจากที่ ม.ส. ประท้วง กรณี ส.ส. รัฐบาล ขอแก้ พ.ร.บ.ปกครองสงฆ์มาตรา 29 ให้อำนาจนายอำเภอจับพระสึกได้อีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากมีนายอำเภอมุสลิมนับร้อย พร้อมใช้อำนาจนี้แล้ว
21. กฎหมายอิสลามอีกหลายๆ ฉบับ ตบเท้าทยอยกันออกมาอย่างรวดเร็ว เช่น
- พ.ร.บ.บริหารองค์กรอิสลาม - พ.ร.บ. กิจการฮัจย์ - พ.ร.บ. อาหารฮาลาล พ.ร.บ.ปัตตานีมหานคร ที่ขยายผลมาจาก ศอ.บต. 2 รวม 5 จังหวัด ภายใต้นโยบายการปกครองพิเศษตามระบบอิสลาม
- พ.ร.บ.การเงินชุมชนในระบบอิสลาม (Islam Micro Credit)
- พ.ร.บ.ครอบครัวและมรดกระบบอิสลาม
- พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาซูรอ
- พ.ร.บ.การจัดตั้งศาลชารีอะห์ ซึ่งใช้บังคับคนไทยทุกคนที่เกิดคดีความกับมุสลิมนับเป็นการกระทำที่เตรียมยกระดับไทยขึ้นเป็นประเทศอิสลาม ถึงกับมีการตั้งชื่อประเทศ "สยามมุสลิม" ที่พร้อมประกาศใช้ในอนาคต ฯลฯ
22. เม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาท โอนผ่านธนาคารอิสลาม เพื่อใช้ซื้อที่ดินนับล้านๆ ไร่ ในทุกภูมิภาคของไทย หลายพื้นที่กำลังเร่งรีบปลูกยางพาราและข้าวบทความของ อ.มงคล กริชติทายาวุธ เรื่องที่ 892 กระบวนการทำลายพุทธศาสนาในประเทศไทย จน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผ.อ.ดีเอสไอ ตรวจสอบพบและแถลงข่าวผ่านหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ส.ค. 2552 จึงต้องถูกย้ายทันที
23. การจัดตั้งพรรคการเมืองอิสลาม จึงถูกประกาศอย่างโจ่งแจ้ง มีกรรมการบริหารพรรคที่มีชาวพุทธร่วมด้วย โดยไม่ได้ตระหนักถึงภัยที่เขามุ่งกลืนชาติไทยของตนอย่างเลือดเย็น เพียงเห็นแก่เม็ดเงินที่โอนผ่านธนาคารอิสลามเข้ามาจำนวนมาก เช่น เดียวกับพรรคการเมืองบางพรรค ถูกกล่าวหาว่า รับเงินไป แล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท??
24. ไม่เพียงนำเข้าเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้ามาเท่านั้น ยังมีการอพยพมุสลิมจากอาเจะ-อินโดนีเซีย จำนวนนับ 10 ล้านคน กระจายเข้าไปอยู่ทุกจังหวัดเพื่อทำตามแผนการ พ.ร.บ. การเงินชุมชนอิสลาม ที่มุสลิมเท่านั้นมีอำนาจบริหารจัดการ โดยคนไทยอาจเป็นสมาชิกได้ ภายใต้กฎกติกาของเขา ซึ่งอาจต้อง เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามในโอกาสต่อไป เราจึงเห็นมัสยิตผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ในทุกจังหวัด ด้วยเงินงบประมาณของชาวพุทธ ดังที่นายดำรง พุฒตาล นำมาแถลงในรายการโทรทัศน์
25. หลายจังหวัดที่มีผู้ว่า-นายอำเภอมุสลิม ให้ชาวมุสลิมเช่าวัดร้างนับแสนไร่ เพื่อปลูกยาง พาราได้ 30 ปี
@ในบทความเรื่องนี้ เขาถามว่า แล้วเราจะแก้ไขวิกฤตการณ์นี้ได้อย่างไร??ก็ต้องดูว่า เขาเข้ามาช่องทางไหน ก็ให้เขากลับไปทางช่องนั้น... นั่นคือ กฎหมายตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2550 ถึงกฎหมายอิสลามทุกฉบับ ที่สำคัญคือ เลิกทะเลาะกันเองเสียที? แล้วเลือกผู้นำที่ถูกต้อง ไม่ยอมให้ใครหรืออะไร มาครอบงำเราได้ง่ายๆ ถ้าไม่ทำก็ต้องเป็นทาสเขาล่ะ.. ลองศึกษาประวิติศาสตร์ยุคพระนารายณ์มหาราชดูเถอะ.. ท่านพัฒนาคนให้มีคุณภาพด้วยธรรมะ จากการบวช-เรียน

credit :เพจมั่นใจประเทศไทยมีพุทธศานาเป็นศาสนาประจำชาติ

สายการบินไทย คงโดนจีน ตีตลาดไปแทนจนหมดแน่...

nPics : ตาค้าง!!จีนจัดประกวดชุดบิกินีนักศึกษาสาวจบใหม่ คัดเลือกเป็นแอร์โฮสเตส-นางแบบ

โดย MGR Online
30 ธันวาคม 2558 03:59 น. (แก้ไขล่าสุด 30 ธันวาคม 2558 04:01 น.)
InPics : ตาค้าง!!จีนจัดประกวดชุดบิกินีนักศึกษาสาวจบใหม่ คัดเลือกเป็นแอร์โฮสเตส-นางแบบ
ขอบคุณภาพข่าวจากสำนักข่าวซินหัว
        พีเพิลส์เดลีออนไลน์/ซินหัว - ซูเปอร์โมเดลและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ฟังแล้วอาจดูเหมือนอาชีพที่อยู่ในสายงานแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ในจีนทั้งสองกลับเหมือนกันอย่างน่าทึ่ง ด้วยสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองชิงเต่า ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อวันจันทร์(28ธ.ค.) จัดการประกวดประจำปี เพื่อคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ที่เหมาะสมจะเป็นทั้งนางแบบและแอร์ โฮสเตส
       
       เว็บไซต์พีเพิลส์เดลีออนไลน์ รายงานว่ามีผู้สำเร็จการศึกษามากกว่า 1,000 คนเดินอวดโฉมในชุดว่ายน้ำและเครื่องแบบพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ในความพยายามดึงดูดใจเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาจ้างที่มีผลตอบแทบงดงามจาก ว่าที่นายจ้างทั้งในภาคการบินและด้านแฟชั่น

InPics : ตาค้าง!!จีนจัดประกวดชุดบิกินีนักศึกษาสาวจบใหม่ คัดเลือกเป็นแอร์โฮสเตส-นางแบบ
ขอบคุณภาพข่าวจากสำนักข่าวซินหัว
        กิจกรรมการประกวดนี้ดึงดูดผู้สมัครจากทั้งมณฑลซานดง, เหอเป่ย, อันฮุย, เจียงซู, จี๋หลิน และมณฑลอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียง โดยที่ผู้สมัครทั้งหมดต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาเมื่อเร็วๆนี้ ขณะที่ในบรรดาผู้เข้าชมนั้นมาจากโรงเรียนโมเดลลิงต่างๆและเหล่าวิทยาลัย ฝึกหัดของสายการบินทั้งหลาย
       
       ผู้จัดงาน โอเรียนทัล บิวตี บริษัทโมเดลลิง บอกว่ากิจกรรมนี้ ด้านหนึ่งคือหนทางในการคัดสรรบุคคลที่มีพรสวรรค์ ส่วนอีกด้านก็ให้ผู้สมัครได้มีโอกาสค้นหาตัวเอง

InPics : ตาค้าง!!จีนจัดประกวดชุดบิกินีนักศึกษาสาวจบใหม่ คัดเลือกเป็นแอร์โฮสเตส-นางแบบ
ขอบคุณภาพข่าวจากสำนักข่าวซินหัว
        โอเรียนทัล บิวตี ระบุบนเว็บไซต์ว่าได้กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครว่าต้องมีความสูงอย่างน้อย 5 ฟุต 6 นิ้ว(ราว 168 เซนติเมตร) แต่หากมีคนดูดีเป็นพิเศษ ก็อาจอนุโลมให้เหลือขั้นต่ำต้องสูง 5 ฟุต 5 นิ้ว(ราว 165 เซนติเมตร) ขณะที่สาวๆเหล่านี้ต้องสง่างาม ผอมเพรียว มีเสียงหวานและไม่อายที่จะเปิดเผยเรือนร่างบางส่วน
       
       สำหรับในจีนแล้ว สายการบินจำนวนมากมีการกำหนดความสูงของแอร์โฮสเตสและมันถูกมองว่าเป็นปัจจัย สำคัญในการประกวดอย่างยิ่ง ขณะที่ผู้สำเร็จการศึกษารายใดที่สามารถเอาชนะใจผู้เข้าชม ก็จะได้รับเลือกให้เข้าศึกษา ณ วิทยาลัยฝึกหัด เพื่อฝึกฝนเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต่อไป

InPics : ตาค้าง!!จีนจัดประกวดชุดบิกินีนักศึกษาสาวจบใหม่ คัดเลือกเป็นแอร์โฮสเตส-นางแบบ
ขอบคุณภาพข่าวจากสำนักข่าวซินหัว
       

InPics : ตาค้าง!!จีนจัดประกวดชุดบิกินีนักศึกษาสาวจบใหม่ คัดเลือกเป็นแอร์โฮสเตส-นางแบบ
ขอบคุณภาพข่าวจากสำนักข่าวซินหัว
       

InPics : ตาค้าง!!จีนจัดประกวดชุดบิกินีนักศึกษาสาวจบใหม่ คัดเลือกเป็นแอร์โฮสเตส-นางแบบ
ขอบคุณภาพข่าวจากสำนักข่าวซินหัว
       

InPics : ตาค้าง!!จีนจัดประกวดชุดบิกินีนักศึกษาสาวจบใหม่ คัดเลือกเป็นแอร์โฮสเตส-นางแบบ
ขอบคุณภาพข่าวจากสำนักข่าวซินหัว
           


http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000142644

ดูภาพประกอบและเนื้อหาทั้งหมด จากลิ้งค์ข้างบน

เจ้าข้าเอ๊ย...ประเทศหมาขึ้นหิ้ง... เจ้าหน้าที่บรรจุกระดูกของ คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง ไว้ที่ฐานอนุสาวรีย์คุณทองแดง


เจ้าหน้าที่บรรจุกระดูกของ คุณทองแดง สุนัขทรงเลี้ยง ไว้ที่ฐานอนุสาวรีย์คุณทองแดง ศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน เช้าวันนี้(30 ธ.ค.58)
       
       วันนี้ (30 ธ.ค.) เวลา 09.00 น. มีการบรรจุกระดูก สุนัขหลวงคุณทองแดง ที่ฐานอนุสาวรีย์ ที่บริเวณศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน อำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
       
       ทั้งนี้ อนุสาวรีย์คุณทองแดง ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าจุดชมวิว ภายในมูลนิธิศูนย์รักษ์สุนัขหัวหินฯ นั้น สร้างขึ้นพร้อมกับมูลนิธิฯ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินรายได้จากการจำหน่ายเสื้อยืดพิมพ์ภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ครอบครัว คุณทองแดงจำนวน 4 ล้านบาท เพื่อสร้างอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในมูลนิธิฯ ตั้งอยู่บริเวณข้างวัดเขาอิติสุคโต ซอยหมู่บ้านเขาน้อย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้เสด็จฯไปทรงเปิดอนุสาวรีย์คุณทองแดง เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2557 เมื่อครั้งเสด็จฯไปทอดพระเนตรการทำงานของมูลนิธิฯด้วย
       
       สำหรับ คุณทองแดง เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำมาเลี้ยงหลังจากเสด็จพระราชดำเนินไปเปิด ศูนย์การแพทย์พระราม 9 และนายแพทย์คนหนึ่งนำทองแดงมาทูลเกล้าฯ ถวายให้ทอดพระเนตร
       
       คุณทองแดงมีลักษณะพิเศษต่างจากลูกสุนัขตัวอื่น คือ มีสายสร้อยรอบคอครึ่งเส้น มีถุงเท้าขาวทั้ง 4 ขา มีหางม้วนขดเป็นวง ปลายหางดอกสีขาว และมีจมูกแด่น ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายตัวเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ขณะมีอายุได้ 5 สัปดาห์ ที่พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
       
       พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงค้นในหนังสือว่า ทองแดงมีลักษณะคล้ายคลึงกับสุนัขพันธุ์บาเซนจิ ซึ่งเป็นสุนัขพันธุ์โบราณ มีถิ่นกำเนิดทางแอฟริกาใต้ นิยมใช้งานในการล่าสัตว์ แต่ทองแดงมีขนาดตัวใหญ่กว่าสุนัขพันธุ์บาเซนจิทั่วไป พระองค์จึงทรงเรียกทองแดงว่าเป็นสุนัขพันธุ์ไทยซูเปอร์บาเซนจิ
       
       ทองแดงมีลูกกับทองแท้ สุนัขพันธุ์บาเซนจิ จำนวน 9 ตัว ทุกตัวเกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2543 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานชื่อให้เป็นชื่อขนมที่มี คำว่า "ทอง" และพระราชทานนามสกุลว่า "สุวรรณชาด" ได้แก่ ทองชมพูนุท , ทองเอก , ทองม้วน , ทองทัต , ทองพลุ , ทองหยิบ , ทองหยอด , ทองอัฐ , ทองนพคุณ
       
       และเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ทองแดงตาย ณ วังไกลกังวล ร่างอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์หัวหิน รวมอายุได้ 17 ปี 1 เดือน 19 วัน

บรรจุกระดูกคุณทองแดง ที่ฐานอนุสาวรีย์ในศูนย์รักษ์สุนัขหัวหิน

ตามไปดูภาพและรายละเอียดได้ที่ http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000142709

ใครเข้าเฝ้าเปรมบ้าง? เช็คกำลังพลของทหารไทย

ความเคลื่อนไหวที่ บ้านสี่เสาเทเวศร์ เช้านี้ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เปิดบ้านสี่เสาเทเวศร์ ให้เข้าอวยพรปีใหม่ ล่าสุด พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีและว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะผู้นำเหล่าทัพ ได้แก่ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรี เข้าอวยพรปีใหม่ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์

จับตาให้ดี ใครอวยใคร ในบรรดาทหารของพระราชาไทย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดบ้านให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าอวยพรในวันขึ้นปีใหม่ 2558 ภายในบ้านพัก กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1รอ.) โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพ ข้าราชการทหาร และตำรวจชั้นผู้ใหญ่ นายทหารระดับสูงในกองทัพ คณะกรรมการมูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เดินทางเข้าร่วมอวยพรตั้งแต่ในช่วงเช้า อาทิ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ  โดยมี พล.อ.อุดมเดช เป็นตัวแทนมอบกระเช้าและกล่าวอวยพรปีใหม่


"ป๋าเปรม" เปิดบ้านรับอวยพรปีใหม่ ขอทุกคนสามัคคี เชื่อความดีเป็นเกราะคุ้มกัน แซวนายกฯตอนเช้าอารมณ์ดี กลางวันขุ่นมัว เชื่อมั่น "บิ๊กโด่ง" ไม่ใช่คนแบบนั้น

"ป๋าเปรม" เปิดบ้านรับอวยพรปีใหม่ ขอทุกคนสามัคคี เชื่อความดีเป็นเกราะคุ้มกัน แซวนายกฯตอนเช้าอารมณ์ดี กลางวันขุ่นมัว เชื่อมั่น "บิ๊กโด่ง" ไม่ใช่คนแบบนั้น

วันที่ 30 ธ.ค. - พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ อำนวยพรแด่นายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ภายหลังเข้ามอบกระเช้าดอกไม้ และเข้าอวยพรเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2559 ว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่นำ ผบ.เหล่าทัพเข้ามาอวยพร สุขใจมากที่ได้พบกับพวกเราถึงแม้ว่าจะไม่กี่ครั้งก็ตาม ซึ่งไม่ว่าอย่างไร วิญญาณ จิตใจ และร่างกายของผม ยังมีความเป็นทหารอยู่ตลอด ขอบคุณนายกฯ ที่ไม่ลืมกัน ยังมีความเป็นเพื่อน เป็นมิตร เป็นพี่ เป็นน้องกัน ซึ่งสิ่งหนึ่งที่นายกฯ เอ่ยถึงคือความรัก ความสามัคคี ตามพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้รู้รักสามัคคี เพราะถ้าเราไม่เข้าใจ และนำไปใช้ก็จะเป็นที่น่าเสียดาย เราต้องรู้จักความรัก และนำความรักความสามัคคีไปใช้บริหารประเทศ บริหารหน่วยของเรา อย่างที่กำลังทำอยู่ ทั้งนี้ตนเข้าใจดีว่านายกฯ และทุกคนเหนื่อยมาก ๆ แต่ถ้าเราเหนื่อยแล้วคนไทยมีความสุข ไม่มีทุกข์ มีเงิน ก็คือสิ่งที่เราปรารถนา ซึ่งเป็นการทำเพื่อชาติ ทั้งนี้เราต้องแสดงความรักสามัคคี รักผู้ใต้บังคับบัญชา รักประชาชน รักสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นของบ้านเรา และต้องแสดงให้ต่างชาติเห็นถึงความสามัคคี

ทั้งนี้ดีใจที่นายกฯได้สละความสุขส่วนตัว เพื่อคนอื่น เพื่อชาติบ้านเมือง และประชาชน โดยวันนี้ ได้ถามนายกฯ ว่าอารมณ์ดีหรือไม่ นายกฯได้ตอบว่า ตอนเช้าอารมณ์ดี แต่สาย ๆ อารมณ์เริ่มขุ่นมัว แต่ถึงอย่างไรนายกฯก็เป็นคนเข้มแข็ง สู้ไม่ถอย ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี เรื่องความรักความสามัคคีทุกคนเริ่มได้ที่ตัวเราเอง ให้เห็นว่าคนดี คือนายกฯ ที่กำลังทำถ้าทำได้อย่างดีเชื่อว่าเราจะมั่นคงแข็งแรง ทนต่อความทุกข์ยากของราษฎร เขาฝากความหวังที่นายกรัฐมนตรี และพวกเรากองทัพ และตำรวจ เราต้องรักสิ่งนี้ และทำให้ได้ แม้จะยาก แต่เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เห็นว่ากองทัพที่ได้รับจัดสรรงบฯ เพื่อช่วยเหลือบ้านเมืองจริง แสดงให้เห็นว่าเรารักเขาจริง ๆ มาเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ได้เข้ามาเพื่ออำนาจ

ทั้งนี้ ตนอาจไม่ได้ช่วยอะไรมาก อายุมากแล้ว แต่ช่วยคิด ให้กำลังใจ และความรู้บ้างพอสมควร และเป็นเพื่อน ตนพร้อมจะช่วยด้วยความรัก ความเป็นมิตร สามัคคี ซึ่งความดี คือเกราะกำบังที่ไม่มีใครมาทำอันตรายเราได้ หากทำความดีทุกวัน จะช่วยให้เราสำเร็จ มีจิตใจชื่นบานในการช่วยเหลือคนอื่น ขอให้ทำความดี อย่างไรก็ตามขอขอบคุณทุกคนที่มา และที่ไม่มาด้วย ฝากความปรารถนาดีทุกคน หวังว่านายกรัฐมนตรีจะนำพาประเทศไปสู่ความพอมีพอกิน มีความสุขตามที่สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเราจะทำได้ ขออวยพรให้ทุกคนสำเร็จงาน ทำเพื่อชาติบ้านเมือง ขอให้ทุกคนเข้าใจ และคนที่เข้าใจผิดขอให้เข้าใจถูก ขอให้นายกรัฐมนตรี และพวกเราที่ตั้งใจประสบผลสำเร็จในไม่ช้านี้

อย่างไรก็ตามระหว่างที่ พล.อ.เปรมพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ได้พูดคุยกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า "เชื่อว่าเป็นคนดี ความดีจะคุ้มครอง เชื่อว่าโด่งไม่เป็นคนแบบนั้น"

สรุปสถานการณ์เมืองไทย 30 ธันวาคม 2558

จากสหายปรีชา

สถานการณ์ภายใน : ด้านเศรษฐกิจ ย่ำแย่ การเมือง กดขี่ชัดเจน พาดพิงหมาทองแดง ก็ยังโดน112 ลงไปไล่จับเด็กๆนักศึกษา ยัดข้อหาสารพัด รายได้ทั้งรัฐ/เอกชนหดหาย โดนตัดสิทธิ์/ตัดโควต้า
ขุนศึกและอำมาตย์ขัดแย้งกันชัดเจนและรุนแรงมาก
สร้างความเดือดร้อนทุกด้าน เกิดการเปรียบเทียบมากขึ้น
ด้านต่างประเทศ : ถูกตัดสิทธิ์และประณามมากขึ้นทั้งจากมหาอำนาจและองค์กรระหว่างประเทศ ต้องหันไปแอบอิงจีนซึ่งเอาแต่ได้ กลายเป็นเพิ่มไม่พอใจให้สหรัฐ/ยุโรป
: กระแสเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงกำลังคุกรุ่นมากขึ้น ในลักษณะเชิงคุณภาพ



เครือข่ายเจ้าไทยหาเงินจากการขายอวัยวะของหญิงไทย THAI MONARCHY NETWORKS EARN MONEY FROM SEXUAL ORGANS OF THAI WOMEN TO NA...

เครือข่ายเจ้าไทยหาเงินจากการขายอวัยวะของหญิงไทย  THAI MONARCHY NETWORKS EARN MONEY FROM SEXUAL ORGANS OF THAI WOMEN TO NA...

 

 

ความเข้าใจผิดของประยุทธ จันทร์โอชา เรื่อง การเสียภาษีของคนไทย (เครดิต คุณตระกองขวัญ)

ตระกองขวัญ's photo.
9 hrs ·


คุณประยุทธ จันทร์โอชา ครับ

สิ่งที่คุณพูดเมื่อวานนี้ที่สุราษฎร์ธานี
ตอกย้ำชัดครับ
ว่าคุณไม่มีความรู้ ไม่มีความเข้าใจในเรื่องที่คุณพูด

คุณพล่าม ว่า

"ประเทศไทยมีคน 70 ล้านคน อยู่ในระบบภาษี 10 ล้านคน
เหลือเสียภาษีประมาณ 4 ล้านคน
อีก 6 ล้านคน ลดหย่อนตรงนั้นตรงนี้
ดังนั้น 4 ล้านคน ถือเป็นหลักของประเทศ
เพื่อนำมาขับเคลื่อนประเทศ"

นี่เรียกว่า พล่ามแบบไม่รู้ ไม่มีความรู้ความเข้าใจสักนิด

การนำประชาชนทุกคนเข้าในระบบภาษีนั้นเป็นเรื่องดีครับ
แต่คนที่คิดจะทำ และจะลงมือทำ
ควรมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ตัวเองจะทำก่อนสักนิด

ไม่ใช่ไม่รู้ แล้วก็พล่ามแสดงความงี่เง่าออกมา

คุณประยุทธ ครับ รู้ไหมครับ
ประเทศไทยเก็บภาษีได้ปีละประมาณสองล้านล้านบาท
จากกรมสรรพากรประมาณ 1.7 ล้านบาท
จากกรมสรรพาสามิตอีกราว 3 แสนล้านบาท

ไอ้ที่คุณว่า 4 ล้านคนที่เสียภาษี
แล้วบอกเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศน่ะ
เพื่อใช้เป็นเหตุผลว่าทุกคนควรเข้าสู่ระบบภาษีน่ะ

เป็นการพล่ามแบบไม่รู้อย่างโง่บัดซบเลยครับ

ภาษีที่กรมสรรพากรเก็บได้ 1.7 ล้านบาทนั้น
เป็นภาษีบุคคลธรรมดาแค่ 2.8 แสนล้านเท่านั้นครับ

จิ๊บจ๊อยมาก แล้วจะขับเคลื่อนประเทศได้อย่างไร

เงินภาษีที่เป็นตัวขับเคลื่อนจริง ๆ นั้น
มาจากเงินภาษีสองตัวครับ

หนึ่ง คือภาษีจากบริษัทห้างร้านต่าง ๆ
ที่เรียกว่าภาษีนิติบุคคล ประมาณ 5.6 แสนล้านบาท

สอง คือภาษีมูลค่าเพิ่มที่เก็บจากประชาชนทุกคน
เป็นภาษีทางอ้อมที่ทุกคนต้องจ่ายเมื่อจับจ่ายใช้เงิน
เป็นภาษีที่เก็บได้มากที่สุดครับ
ประมาณ 7.2 แสนล้านบาท

ภาษีมูลค่าเพิ่มนี่แหละครับคือตัวหลักขับเคลื่อนประเทศ
ภาษีมูลค่าเพิ่มนี่แหละครับมาจากประชาชนจน ๆ มากที่สุด
ที่คุณเข้าใจผิด ๆ ว่า พวกเขาไม่ได้เสียภาษี

ประชาชนทุกคนล้วนเสียภาษีทั้งนั้นครับ
บางคนเสียทางตรง บางคนเสียทางอ้อม

ทีหลังก่อนจะพล่ามอะไร
ให้แสดงถึงความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ก่อนครับ

อย่าดีแต่พล่าม

อีกเรื่องที่คุณพูด
คือเรื่องใส่ข้อมูลอาชีพ-รายได้ลงในบัตรประชาชน

คุณอ้างว่าเพื่อเป็นข้อมูลช่วยคนยากจน
ใช้ขึ้นรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี
และในอนาคตก็อาจสามารถขึ้นรถไฟฟ้าฟรีได้

มั่วไปใหญ่เลยครับ

รถเมล์ รถไฟฟรีทุกวันนี้ ดีอยู่แล้วครับ
ที่บอกว่า เป็นรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี จากภาษีประชาชน

คนจน คนรวย สามารถใช้บริการได้หมด
อย่างเท่าเทียมกัน

และปกติ คนไม่จน เขาไม่ขึ้นหรอกครับ
ไม่ว่ารถเมล์ฟรี รถไฟฟรี เขาไม่ขึ้นหรอก

ทีนี้ ถ้าคุณใช้บัตรประชาชนในการขึ้นฟรี
ก็จะเป็นการแบ่งแยกประเภทประชาชนทันทีครับ

เป็นภาพที่ไม่สวยเลยสำหรับประชาชนและประเทศชาติ

นึกภาพดูสิครับ
ประชาชนคนนั่งในรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี
จะถูกจัดเป็นพวก "จน" เป็นชนชั้นไม่มีจะกิน

ขณะที่แบบเดิม รถเมล์ รถไฟฟรีจากภาษีประชาชน นั้น
อย่างไรก็ให้ภาพที่ดีว่า ใครก็ขึ้นได้ ไม่ว่ารวยหรือจน

อย่าให้บ้านเมืองถอยหลังไปถึงห้าสิบปีก่อนเลยครับ
เหมือนประเทศอเมริกาที่แบ่งแยกคนขาว-คนดำ

รถเมล์ รถไฟ ร้านอาหาร โรงหนัง แม้กระทั่งห้องน้ำ
หากคนขาวใช้ คนดำห้ามใช้

เป็นการแบ่งแยกชนชั้นและหมู่พวก

อยากเห็นเมืองไทยเป็นแบบนั้นเหรอครับ
คนจนนั่งรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี
คนมีเงินนั่งรถเมล์อีกประเภท รถไฟอีกประเภท

ไม่สวยเลยครับ

เรื่องรถไฟฟ้าฟรีก็เหมือนกัน
แค่เรื่องสามสิบบาทรักษาทุกโรค คุณยังบ่นว่าเปลือง
แล้วดันสะเออะคิดเรื่องรถไฟฟ้าฟรี

รถไฟฟ้าน่ะ คนจนเขาไม่มีเงินพอที่จะขึ้น
ก็อย่าไปเดือดร้อนแทนเขาเลยครับ

แค่รถเมล์ รถไฟ จากภาษีประชาชนก็พอแล้ว
แค่เรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคเขาก็พอใจแล้ว
(หาเรื่องจะเลิก 30 บาทอยู่ตลอด เพื่อทำลายผลงานทักษิณ
พอหาเรื่องที ก็โดนด่าโดนต้านที ก็ออกมาแถว่าไม่เลิกไปที)

หากไปคิดถึงเรื่องรถไฟฟ้าฟรี
จะจ่ายเอกชนเท่าไร มีวิธีอย่างไร
จะเหมาจ่ายแบบรถเมล์รถไฟ ไม่ไหวแน่ ๆ ครับ ไม่คุ้มแน่ ๆ
จะแยกขบวนรถไฟฟ้า ก็เป็นการแบ่งแยกประชาชน

รถไฟฟ้าน่ะ
ไม่ได้วิ่งไปวกวนตามถนนเหมือนรถเมล์นะครับ

คนจนอยู่ห่างเส้นทางรางรถไฟฟ้ามาก
ใครจะถ่อมาขึ้น

รถไฟฟ้าวิ่งไปตามเส้นทางธุรกิจเป็นหลัก
คนจนที่ไหนทำงานย่านธุรกิจจนต้องใช้รถไฟฟ้า

คิดอะไร ทำอะไร ให้มันเข้าท่าหน่อยเถอะครับ
ให้ประชาชนเห็นว่า รู้งาน เป็นงาน
ไม่ใช่พล่ามตะบัน รู้ทุกเรื่อง แต่ไม่ได้เรื่องสักเรื่อง

คุณยึดอำนาจมากว่าปีครึ่งนี่
ผมเห็นคุณทำเรื่องเข้าท่า และน่าจะทำได้ดีอยู่เรื่องเดียวครับ

คือขับตุ๊ก ๆ

หากสงสารบ้านเมือง ก็ไปซะเถอะครับ
ไปขับตุ๊ก ๆ ดีกว่า

นะครับ

ดร. เพียงดิน รักไทย 28 ธ.ค.58 "ประชาชนไทย สู้เจ้าไทยได้รึ? มดแดงล้มช้า...

Monday, December 28, 2015

ระบบเส้นสาย ตั้งลูกหลานเป็นเลขา ฯลฯ ในยุคมารครองเมือง

แม้ กกต. สมชัย จะอ้างว่าการ ตั้งลูกชายเป็นเลขาจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่พฤติกรรมนี้ขยายตัวในยุคนี้จนน่าวิตก  เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุที่ คสช. ตั้งลูกสาวนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นเลขานายมีชัยโดยกินเงินเดือนราว 60,000 บาท มาก่อนแล้ว ระบบตั้งลูกหลานแบบนี้ทำให้ตำแหน่งสาธารณะเป็นทรัพย์สินครอบครัว จึงเป็นปัญหายิ่งกว่าสภาผัวเมียที่ชอบพูดกัน

Sunday, December 27, 2015

ดร. เพียงดิน รักไทย 28 ธันวาคม 2558 "ประชาชนไทย สู้เผด็จการผู้มากฤทธิ์เดช ได้จริงหรือ? มดแดงล้มช้าง คือทฤษฎี หลอกชาวบ้านไปตายหรือเปล่า?"



ดร. เพียงดิน รักไทย 28 ธันวาคม 2558 "ประชาชนไทย สู้เผด็จการผู้มากฤทธิ์เดช ได้จริงหรือ? มดแดงล้มช้าง คือทฤษฎี หลอกชาวบ้านไปตายหรือเปล่า?"
https://youtu.be/tNqthfYa_dI
หรือ
https://youtu.be/JXocmnNPirY

จุดด่างนราพร จันทร์โอชาและ วิภาดา สูตะบุตร จริงหรือ? จงช่วยกันพิสูจน์

จุดด่างนราพร จันทร์โอชาและ วิภาดา สูตะบุตร สองอดีตนายกสมาคมแม่บ้านทหารบก มีเบื้องหลังมุ่งพากันรวยเมื่อเทคทีมแบ่งสาย รวมหัวเหล่าหลังบ้านนายทหารใหญ่เรียกเก็บผลประโยชน์ปลายทางจากตำแหน่งหน้าทีการงานของสามี นราภรกินยาวได้จากพลเอกประยุทธ์นั่งติดในตำแหน่ง ผบ.ทบ.นาน 4 ปี ยังรวยไม่พอนราพรตามมาหาประโยชน์ต่อในภาคการเมือง คุมหัวคิวเบ็ดเสร็จเป็นกอบเป็นกำ ถึงจะทำเงียบๆ มีระบบมากกว่าที่วิภาดาทำ ที่พลเอกอุดมเดชสามีเป็น ผบ.ทบ.เพียงปีเดียว เลยพาพวกกินสะนั่นเมือง นางนราพรใช้พลโทหญิงสุพัตรา รัตนสุบรรณภรรยาพลเอกดาว์พง ว่ากันว่านอมินีบังหน้าเป็น ดูจากงานที่กระทรวงศึกษานราพรขอพลเอกประยุทธ์อ้างมาจัดเรื่องการศึกษาเน้นวิชาประวัติศาสตร์สุดโต่งเป็นหลัก เด็กๆต้องเรียนประวัติศาสตร์ตามใจนางนราพร ที่อดีตเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ชำนาญแต่การใช้อำนาจกับลูกน้องสามี นำหลักการบริหารในสมาคมแม่บ้านทหารบก มาใช้ทุกที่ไม่เว้นในธรรมเนียบรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ เปิดห้อง ครม.ประชุมคู่สมรสรฐมนตรี โชว์พาวเวอร์เข้ามาขอเงินสามีดื้อๆ นราพรก็ทำมาแล้วอ้างจะไปทำสารคดีเทิดพระเกียรติเอาหน้า แต่ก็ไม่แปลกพลเอกประยุทธ์เองชอบให้ภรรยาทำแบบนี้ เห็นว่าชื่นชมกับนักข่าวนราพรเก่งทุกด้าน ช่วยทำมาหากินทุกอย่าง ส่วนนางวิภาดาน้องรักของนราพร เดินตามรอยพี่มาติดๆ เพราะพลเอกอุดมเดชอยู่เป็น ผบ.ทบ.แค่ปีเดียว ฝีมือการจ้วงหัวคิว เรียกรับส่วยของวิภาดายังห่างไกลพี่นราพรมาก วิภาดากินมูมมามและพาพวกแทะเสียงดัง แข่งกับเวลาที่จำกัดจำเขี่ย วิภาดาได้ออกแรงไปหาทุนช่วยสามีไถวงการธุรกิจเข้าโครงการสร้างอุทยานราชภักดิ์ด้วย ใช้บารมีสามีไม่บันยะบันยังเลย ลงเรียนทุกหลักสูตรที่จะได้เจอกับนักธุรกิจใหญ่ๆ ทั้ง วปอ.หลักสูตร วตท.หารุ่น หาแนวร่วมเป็นเสี่ยกระเป๋าหนักๆส่งผลให้เงินบริจาคเข้าโครงการราชภักดิ์ทางฝ่ายพลเอกอุดมเดชมีมากด้วย แต่ในส่วนของวิภาดาหาได้ ฝ่ายแม่บ้านแจ้งว่าไม่ต้องเอาเข้าหลวง วิภาดาจะเป็นคนบริหารทรัพย์สินส่วนนี้ตามอัธยาศัยเอง จนเป็นฮือฮาเม้าท์สนั่นตามหลังวิภาดาไปติดๆ เมื่อพวกสามีหลุดโคจรศูนย์อำนาจ ทั้งนางนราพรและนางวิภาดาจะต้องถูกตราหน้าว่าทำให้สามีเสื่อมเสียเกียรติภูมิ เพราะมุทะลุดุดันในเรื่องการใช้อำนาจกับในเรื่องการหาส่วนต่างของประโยชน์เงินทองเยอะเหลือเกิน

Saturday, December 26, 2015

ดร. เพียงดิน 27 ธ.ค. 2558 ตอน การ "สิ้นชาติ" แบบซีเรีย จะเกิดกับไทยได้ไหม? ทำไงดี??

ดร. เพียงดิน 27 ธ.ค. 2558 ตอน การ "สิ้นชาติ" แบบซีเรีย จะเกิดกับไทยได้ไหม?  ทำไงดี??
หรือ


ดร.เพียงดิน 26 ธ.ค. 2558 " ระวัง!! คนไทยเผาบ้าน ทหารปล้นเมือง แขกจ้องแยก และจีนกับฝรั่งจ้องชิง"

ดร.เพียงดิน 26 ธ.ค. 2558 " ระวัง!! คนไทยเผาบ้าน ทหารปล้นเมือง แขกจ้องแยก และจีนกับฝรั่งจ้องชิง"
 หรือ...


Friday, December 25, 2015

ดาอยากด่า ตอน.." พ.ศ. 2559 โบกมือลา เผด็จการ ปีลิง..หลอกเจ้า เจ้า..หลอกลิง" https://youtu.be/qIVIlmOwWzo

ดาอยากด่า ตอน.." พ.ศ. 2559 โบกมือลา เผด็จการ ปีลิง..หลอกเจ้า เจ้า..หลอกลิง"

เศรษฐกิจพัง ชักศึกเข้าบ้าน หลงในอำนาจ 
เผด็จการหลงยุค สุนัขรับใช้ในคราบลิง กับอำนาจนิยม
คิดจะอยู่ยั้งยั่งยืนเป็นอมตะนิรันดร์กาล
ไอ้ฉิบหาย ไอ้พวกฉิบหาย
คนไทยไม่ใช่ควาย ไม่ใช่สุนัขรับใช้ตาบอด
เข้าใจแล้วว่าระบอบประชาธิปไตย กับระบอบเผด็จการ
ต่างกันอย่างไร? ระบอบประชาธิปไตย
ในโลกนี้ มันคนละอย่างกับ ประชาธิปไตยแบบควายๆ 
เอ๊ย!ไทย ไทย ของพ่อเมริง
พ.ศ.2559 พวกกรู..จะรุก..โบกมือลา กับระบอบเหี้ยๆเนี่ยยย
ขอให้พวกเมริงงง.. ไปลงนรก ที่ดาวอังคารยกโคตร....!!!!!!!


----------------------
สนับสนุนการเผยแพร่โดย ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และมหาวิทยาลัยประชาชน เพื่อสาธารณะประโยชน์ ในการสร้างจิตสำนึกทางประชาธิปไตย สันติวิธี และการเคารพหลักสิทธิมนุษยชน
----------------------

Thursday, December 24, 2015

สหรัฐฯ เตรียมขึ้นแบล็กลิสต์ "สุเทพ" พร้อมพวกรวม 14 คน เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ

สหรัฐฯ เตรียมขึ้นแบล็กลิสต์ "สุเทพ" พร้อมพวกรวม 14 คน เป็นบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศ
 
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า แหล่งข่าวทางการทูต เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้ทำรายงานเสนอไปยังกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพิจารณาเป็นการภายใน และดำเนินการส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเสนอชื่อแกนนำ กปปส. รวม 14 ขึ้นบัญชีบุคคลต้องห้ามเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา (แบลคลิสส์) จากที่เกิดเหตุการณ์ที่แกนนำ กปปส. ได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้า บริเวณด้านหน้าและแสดงท่าทีบุกรุกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ถ.วิทยุ โดยรายชื่อ ได้แก่ 
1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. 
2.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 
3.นายชุมพล จุลใส 
4.นายพุทธพงษ์ ปุณณกันต์ 
5.นายอิสสระ สมชัย 
6.นายวิทยา แก้วภราดัย 
7.นายถาวร เสนเนียม 
8.นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ 
9.นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ 
10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 
11.นายนิติธร ล้ำเหลือ 
12.นายอุทัย ยอดมณี 
13. ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ 
14.พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ
 
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการแบลคลิสสต์ 14 แกนนำ กปปส. ซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาว่า ขึ้นแบลคลิสส์ประเภทใด จะเป็นผลให้ผู้ที่มีรายชื่อ จะไม่ได้รับอนุญาตเดินทางเข้าไปยังประเทศสหรัฐฯ ตามระยะเวลาที่ระบุตามประเภทแบลคลิสส์นั้นๆ และอาจจะมีผลให้ไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ก็ได้
 
ที่มา : news center/bangkokbiznews
  ช่วยแชร์กระจายข่าวดีกันด้วยคะ

Wednesday, December 23, 2015

ฎีกายืนคุก 8 เดือน ปรับ 2 หมื่น บก.ประชาไท ปล่อยข้อความหมิ่นฯ ค้างบนเว็บ

ข้อความแสดงผลการพิพากษา (ขอบคุณ manager online0
  พิพากษาว่า จำเลยมีความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 ประกอบมาตรา14 (3) ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างลดโทษให้1ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ข้อหาอื่นให้ยก
       ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เนื่องจากเห็นว่า จำเลยเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไทมีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์และมี ความใกล้ชิดกับเนื้อหาข้อมูล แต่จำเลยกลับยินยอมให้มีการนำข้อความอันไม่เหมาะสมมาเผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ เป็นเวลานาน จึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งเจ้าหน้าที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที ได้เข้าตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ประชาไทพบว่ามีเนื้อหาข้อความหมิ่นสถาบันฯ ถึง 4 ครั้ง พร้อมส่งจดหมายถึงจำเลยในฐานะผู้บริหารเว็บไซต์
       
       ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีแสดงให้เห็นว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแลให้บริการได้รู้เห็นว่ามีกระทู้ซึ่งเป็นความผิดอยู่ใน ระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในควบคุมของจำเลย แล้วยินยอมให้ข้อมูลดังกล่าวอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 15 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 30,000 บาท แต่ลดโทษให้1ใน 3 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี นั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

Tuesday, December 22, 2015

ดร. เพียงดิน 23 ธ.ค. 2558 ตอน "มรดกบาป 5 ประการ ที่คนไทยต้องไม่ยอมรับ และล้มล้าง ให้หมดสิ้น"

ดร. เพียงดิน 23 .. 2558 ตอน "มรดกบาป 5 ประการ ที่คนไทยต้องไม่ยอมรับ และล้มล้าง ให้หมดสิ้น"

https://youtu.be/SP3iSAox3Gs

หรือ

https://youtu.be/Y35foOVbI3s

 

  1. อำนาจสูงสุดเป็นของกษัตริย์ แล้วถูกใช้อย่างเป็นปฏิปักษ์ต่ออำนาจและผลประโยชน์ของปวงชนชาวไทย









     
  1. การรัฐประหารที่ไม่จบสิ้น เป็นวงจรอุบาทว์ที่ทำร้ายต้นกล้าประชาธิปไตยมาตลอด

     








 

  1. รัฐธรรมนูญที่คุ้มครองระบอบฯ ราชาธิปไตย และจำกัดสิทธิ เสรีภาพ อำนาจอธิปไตย และความมั่งคั่งของปวงชนโดยทั่วหน้า









     
  1. การนิรโทษกรรมเหมาเข่ง โดยที่ไม่ได้มีการสรุปบทเรียน และหาทางป้องกันอย่างเด็ดขาด








     
  1. ภาระหนี้สินที่ไม่ได้เกิดจากการยินยอมพร้อมใจของปวงชนชาวไทย

 

Miss Universe Thailand กับความงี่เง่าสมกับเป็นตัวแทนคนไทย (บางส่วน)

สนข.ประเทศสารขัณฑ์แจ้งเหตุผลที่น้องแนทไม่ผ่านเข้ารอบ5คนสุดท้ายเพราะมีการเตี๊ยมคำถามให้น้อง แต่คำตอบไม่ถูกใจอเมริกา
น่าสนใจมั้ย....เรามาดูคำถามกันก่อน
"Do you agree with the coup d'etat in Thailand, answer clearly yes or no.?Why?

คำตอบน้องแนทเป็นจั่งซี้
󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵
"Absolutely yes,like all the Thai people. The reason is so easy, because the government before the coup was under Pheu Thai (for Thai people) party but they did everything Pheu Maew (for Thaksin) which were so bad for Thai people and Thailand and almost brought the country into civil war. So all the Thai people support this coup d'etat.
เลยอดเข้าไปตอบเลย
󾬗อย่าเสียใจเลยหนูแนท󾬗

"การลุกฮือของประชาชนมดแดงล้มช้าง บทเรียนจากการปฏิวัติอเมริกา" โดย ดร. เพ...

สดจากออสเตรเลีย ทีมข่าว BBC สัมภาษ พล ต ต ปวีณ พงษ์ศิรินทร์ ล่าสุดยื่นเ...

Miss Universe Thailand กับความงี่เง่าสมกับเป็นตัวแทนคนไทย (บางส่วน)

สนข.ประเทศสารขัณฑ์แจ้งเหตุผลที่น้องแนทไม่ผ่านเข้ารอบ5คนสุดท้ายเพราะมีการเตี๊ยมคำถามให้น้อง แต่คำตอบไม่ถูกใจอเมริกา
น่าสนใจมั้ย....เรามาดูคำถามกันก่อน
"Do you agree with the coup d'etat in Thailand, answer clearly yes or no.?Why?

คำตอบน้องแนทเป็นจั่งซี้
󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵󾭵
"Absolutely yes,like all the Thai people. The reason is so easy, because the government before the coup was under Pheu Thai (for Thai people) party but they did everything Pheu Maew (for Thaksin) which were so bad for Thai people and Thailand and almost brought the country into civil war. So all the Thai people support this coup d'etat.
เลยอดเข้าไปตอบเลย
󾬗อย่าเสียใจเลยหนูแนท󾬗

เอ่อ... ควายยังฉลาดกว่าน้องหรือเปล่า เน่...

“เพื่อไทย-นปช.” ดวลแข้งกระชับมิตรสื่อคึกคัก - “ปู” ลั่นปีหน้าเป็น “ปีของพวกเรา” (เครดิต เมเนเจอร์)

"เพื่อไทย-นปช." ดวลแข้งกระชับมิตรสื่อคึกคัก - "ปู" ลั่นปีหน้าเป็น "ปีของพวกเรา"

ข่าวเต็มที่ http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000140163
22 ธันวาคม 2558 21:28 น.


       "เพื่อไทย - นปช." ดวลแข้งกระชับมิตรสื่อมวลชนคึกคัก "ยิ่งลักษณ์" โอดปีนี้ผ่านอะไรมาเยอะ บอกต้องอดทน หวังปีหน้าเป็น "ปีของพวกเรา" ด้าน "ภูมิธรรม" ปัดแนวคิดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โบ้ย "ปรีชา" พูดเองไม่เกี่ยวกับพรรค ระบุ คสช. อยู่ยาวได้ แต่เตือนสนิมเกิดแต่เนื้อในตน
       
       วันนี้ (22 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สนามกรีนฟิลด์ ซอยมัยลาภ ย่านรามอินทรา พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรมสานสัมพันธ์สื่อมวลชน "เชียร์ฟุตบอลพรรคกับสื่อมวลชน" โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์
       ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมบรรดาแกนนำ และอดีต ส.ส. ของพรรค พร้อมทั้งแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าร่วมงานอย่างคึกคักและเป็นกันเอง อาทิ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกฯ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรค นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมช.พาณิชย์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. เป็นต้น
       
       โดย นายภูมิธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีข่าว นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย มีแนวคิดเสนอรัฐบาลแห่งชาติ ให้มีนักการเมืองเข้าบริหารประเทศ ว่า นับแต่มีการรัฐประหาร พรรคเพื่อไทยยังไม่มีการพูดคุยกัน และไม่มีแนวคิดดังกล่าว ขณะเดียวกัน ยังไม่ได้พูดคุยกับนายปรีชา ความเห็นที่ออกมาเป็นความเห็นส่วนตัว สำหรับพรรคเพื่อไทยยังยืนยันในวิถีทางประชาธิปไตย และเห็นว่า ทางออกในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ในขณะนี้คือการคืนประชาธิปไตยเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งโดยเร็ว และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจ


       "ดีใจที่ได้พบปะกัน เพราะหลายท่านก็ไม่ได้เจอกันมานาน ขอบคุณที่ผ่านมาได้ทำข่าว นำเสนอข่าวมาตลอด หลายท่านเมื่อปีที่ผ่านมาก็ได้เจออะไรมามากมาย อยู่ด้วยความสงบและความอดทน ก็ขอให้ทุกท่านมีความอดทน และหวังว่าปีหน้าจะเป็นปีของพวกเรา" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ 


Monday, December 21, 2015

นักวิชาการชี้สหรัฐฯ คว่ำบาตรอาหารทะเลไทย กระทบยอดส่งออกสูง 30%

นักวิชาการ ม.รังสิต ประเมินไทยหลังถูกกระเเสคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ เลิกซื้ออาหารทะเล เหตุบังคับใช้เเรงงานทาส ระบุกระทบส่งออก 20-30% ไม่เร่งชี้เเจง หดตัวต่อเนื่องถึงปีหน้า

USA201258

กระแสข่าวและมีการรายงานข่าวโดยสำนักข่าวเอพีเรื่อง กลุ่มนักการเมืองในสหรัฐอเมริกาบางส่วนและกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนเรียกร้องต่อประชาชนอเมริกันให้เลิกซื้ออาหารทะเลจากไทยจากที่ยังคงมีการบังคับใช้แรงงานทาสในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของไทย

ผศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า จำเป็นต้องเร่งชี้แจงและแก้ไขปัญหาโดยด่วน ก่อนที่กระแสการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จะขยายวงกว้างและส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากไทยที่วางขายในเครือข่ายค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ

โดยจากการประเมินเบื้องต้น พบว่า การคว่ำบาตรน่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกประมาณ 20-30% ของมูลค่าส่งออกหากไม่รีบแก้ไข กระแสการคว่ำบาตรต่อการนำเข้าอาหารทะเลจากไทยที่มีการใช้แรงงานทาส จะมีผลกระทบในเบื้องต้นไม่ต่ำ 2,484 ล้านบาท


More at: http://www.isranews.org/thaireform/thaireform-news/item/43519-usa_43519.html#.VnZdaOpqtVk.facebook

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เปิดตัว "สถานี NDM" ผ่านทางyoutube

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ เปิดตัว "สถานี NDM" ผ่านทางyoutube  


​ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ทำรายการผ่านยูทูป ชื่อ "สถานี NDM" รูปแบบรายการวาไรตี้การเมือง อัพเดตสถานการณ์ รายงานข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนควรรับรู้ พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มผู้รักประชาธิปไตย
เริ่มตอนแรก ด้วยตอน ราชภักดิ์หนึ่ง "7 ข้อสังเกตการทุจริต" พูดคุยกับนายรังสิมันต์ โรม และล่าสุด ตอน ราชภักดิ์สอง "บ้านโป่งโมเดล" เปิดใจสัมภาษณ์ จ่านิว สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ เกี่ยวกับกิจกรรมนั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ว่ามีที่มา และแนวคิดในการจัดกิจกรรมอย่างไร รวมถึงเล่าความรู้สึกเมื่อต้องพบสถานการณ์จริง พร้อมวิเคราะห์ ม็อบบ้านโป่ง เผยแพร่ผ่านทางยูทูป New Democracy Movement

ด่วน!! เกิดแผ่นดินถล่มที่เซินเจิ้น มณฑลกว่างตุ้ง ประเทศจีน

ด่วน!! เกิดแผ่นดินถล่มที่เซินเจิ้น มณฑลกว่างตุ้ง ประเทศจีน
หายนะครั้งใหญ่เกิดแผ่นดินถล่มยุบตัวเป็นวงกว้าง
สูบตึกสูงร้อยชั้น ทั้ง 22 ตึกหายลงใต้ดิน ท่อก๊าซระเบิดซ้ำ
สูญหายนับร้อยชีวิต ยังไม่ทราบชะตากรรม
อ่านรายละเอียดและดูรูปข่าวเพิ่มเติมต่อได้ที่ลิ้งค์

Dictator 10 - The Final Season - สรุป 10 ผลงานเผด็จการ วัยว้าวุ่น

Dictator 10 - The Final Season -
สรุป 10 ผลงานเผด็จการ วัยว้าวุ่น
..............................................................

1. อุทยานราชภักดิ์ สัญลักษณ์แห่งความโกง
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/a.646360812123369.1073741827.646270642132386/955991114493669

2. เรือดำน้ำ มีไว้ให้เกรงใจกันเฉยๆ
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/pb.646270642132386.-2207520000.1450596104./880996951993086

3.Single Gateway เพื่อสอดส่องประชาชน
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/pb.646270642132386.-2207520000.1450596102./928428787249902

4.ปิดประเทศ แค่พูดเล่นหุ้นพุ่งลงจนคนติดดอย
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/pb.646270642132386.-2207520000.1450596099./944556442303803

5. ให้ท้ายค้ามนุษย์ ฉุดความเชื่อมั่นในสายตาโลก
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/pb.646270642132386.-2207520000.1450596111./853753648050750

6.หาเงินไม่เป็น ขึ้นภาษี "ลดรายได้ เพิ่มรายจ่ายประชาชน" ยุคภาษีอาน
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/pb.646270642132386.-2207520000.1450596115./815844598508322

7.นายก DIY โยนประชาชนแก้มะนาวแพง ภัยแล้ง เอง
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/a.646457858780331.1073741828.646270642132386/858709200888528

8.ดองคดีกปปส. ไล่บี้ฝั่งตรงข้ามขยายสองมาตรฐาน
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/pb.646270642132386.-2207520000.1450596102./922290997863681

9.ต่ออายุ คว่ำร่างรัฐธรรมนูญไหนบอกขอเวลาอีกไม่นานนน
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/pb.646270642132386.-2207520000.1450596099./939874992771948

10.ไล่จับคนคิดต่าง สไตล์ประชาธิปไตย 99.99%
https://www.facebook.com/dictatorwatch.th/photos/pb.646270642132386.-2207520000.1450596114./824018147690967

cr:Thailand Dictator Watch

Red Thai's photo.

มหามิตรจีน กับ อัตราดอกเบี้ยปล้นคนไทย....



ภาคียางใต้ รับสภาพหลังราคาแตะ 6 กิโลร้อย สอนเรื่องดินให้ชาวสวนไว้เปลี่ยนอาชีพ

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 17:50:00 น.








http://www.matichon.co.th/online/2015/11/14486192541448620498l.jpg

(27 พ.ย.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยทั่วไปของการซื้อขายยางพาราในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 พบว่า ราคาซื้อขายยางก้นถ้วยในตลาดท้องถิ่น อยู่ที่ กก.ละ 16.50-20 บาท ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกัน ขณะที่พ่อค้ารับซื้อยางในพื้นที่ อ.นบพิตำ รายหนึ่ง กล่าวว่า ตอนนี้ตนรับซื้อยางก้นถ้วยที่ราคา กก.ละ 20 บาท ราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ 30-33.50 บาท แล้วแต่คุณภาพของยาง ขณะที่ราคายางพารา ณ ตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราช ราคายางแผ่นดิบ 38.17 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.28 บาท/กก. ยางความชื้น 37.80 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.41 บาท/กก. ยางแผ่นรมควัน 40.69 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.54 บาท/กก. ราคายางแผ่นดิบท้องถิ่น 36.20 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.30 บาท/กก. ราคาน้ำยางสด 35.40 บาท/กก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.15 บาท/กก.

นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้ระดับผู้นำอย่างตนก็ต้องพึงสังวรสังขารตัวเอง ไม่มียางพาราที่จะขายได้ ทราบว่าวันนี้ ยาง 6 โล 100 บาทแล้ว ตนเรียกร้องช่วยเหลือมาตลอด แต่ก็ไม่มีผู้ใดเห็นความสำคัญ จึงตระหนักว่า ในเมื่อตนออกมาเรียกร้องให้ชาวสวนยาง แล้วทำไมตนไม่หันมาช่วยสอนชาวสวนยางให้รู้จักกับดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่อยู่ ใกล้ตัวมากที่สุด เพื่อจะต้องปรับเปลี่ยนวิถีอาชีพของชาวสวนยาง....

CREDIT: และอ่านต่อที่ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448619254

ภาคียางใต้ รับสภาพหลังราคาแตะ 6 กิโลร้อย สอนเรื่องดินให้ชาวสวนไว้เปลี่ยนอาชีพ


ภาคียางใต้ รับสภาพหลังราคาแตะ 6 กิโลร้อย สอนเรื่องดินให้ชาวสวนไว้เปลี่ยนอาชีพ

วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 17:50:00 น.







http://www.matichon.co.th/online/2015/11/14486192541448620498l.jpg

(27 พ.ย.58) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศโดยทั่วไปของการซื้อขายยางพาราในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558 พบว่า ราคาซื้อขายยางก้นถ้วยในตลาดท้องถิ่น อยู่ที่ กก.ละ 16.50-20 บาท ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกัน ขณะที่พ่อค้ารับซื้อยางในพื้นที่ อ.นบพิตำ รายหนึ่ง กล่าวว่า ตอนนี้ตนรับซื้อยางก้นถ้วยที่ราคา กก.ละ 20 บาท ราคายางแผ่นดิบอยู่ที่ 30-33.50 บาท แล้วแต่คุณภาพของยาง ขณะที่ราคายางพารา ณ ตลาดกลางยางพารานครศรีธรรมราช ราคายางแผ่นดิบ 38.17 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.28 บาท/กก. ยางความชื้น 37.80 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.41 บาท/กก. ยางแผ่นรมควัน 40.69 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.54 บาท/กก. ราคายางแผ่นดิบท้องถิ่น 36.20 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.30 บาท/กก. ราคาน้ำยางสด 35.40 บาท/กก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.15 บาท/กก.

นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้ระดับผู้นำอย่างตนก็ต้องพึงสังวรสังขารตัวเอง ไม่มียางพาราที่จะขายได้ ทราบว่าวันนี้ ยาง 6 โล 100 บาทแล้ว ตนเรียกร้องช่วยเหลือมาตลอด แต่ก็ไม่มีผู้ใดเห็นความสำคัญ จึงตระหนักว่า ในเมื่อตนออกมาเรียกร้องให้ชาวสวนยาง แล้วทำไมตนไม่หันมาช่วยสอนชาวสวนยางให้รู้จักกับดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด เพื่อจะต้องปรับเปลี่ยนวิถีอาชีพของชาวสวนยาง....

CREDIT: และอ่านต่อที่ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1448619254

ไฮไลต์ !!! การไต่สวน ศาลรัฐธรรมนูญ ค้านกู้เงิน 2 ล้านล้าน รอถนนลูกรังหมด...

การถอนสัญชาติ ฯพณฯ ดร. พ.ต.ท.ทักษิณฯ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ทำได้โดยชอบด้วยกฏหมาย หรือไม่? และเพียงใด?

การถอนสัญชาติ ฯพณฯ ดร. พ.ต.ท.ทักษิณฯ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ทำได้โดยชอบด้วยกฏหมาย หรือไม่? และเพียงใด?

๑. เมื่อพูดกันถึง เรื่อง การถอดถอนสัญชาติของบุคคล ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย (the Democratic Society) เป็นเรื่อง ที่ทำกันไม่ได้ง่ายๆ อย่างใจคิด และสังคมไทย ไม่เคยได้รับรู้ หรือไม่เคยได้เห็น แนวคิดทางกฏหมาย เหล่านี้ มาก่อนเลย เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านี้ คนไทย และ นักกฏหมายไทยส่วนใหญ่ จะยืนงง เป็น "ไก่ตาแตก" มักให้คำตอบที่แน่ชัดแก่ ท่านผู้อ่านไม่ได้

๒. นับแต่ที่่ประเทศไทย ได้ประกาศเข้าร่วมเป็น รัฐ หรือ ชาติภาคีสมาชิกของ (สนธิสัญญา) กติการะหว่างประเทศว่าด้วย สิทธิพลเมือง หรือ สิทธิในทางการเมือง ปีค.ศ.1966 หรือ International Covenant on Civil and Political Rights, 1966 ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๙ มีผลบังคับในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๐ และ เป็นส่วนหนึ่งของกฏหมายไทย ในระบบการปกครองภายใน ภายใต้ระบบกฏหมายของ ประเทศไทยโดยทันที

๓. ประเทศไทย จะอ้างว่า สนธิสัญญาดังกล่าวข้างต้น ยังไม่มีผลบังคับในประเทศไทย จนกว่า จะมีการอนุวรรติ์ เป็นกฏหมายภายในของ ประเทศไทย โดยให้นำกติการะหว่างประเทศฯฉบับนี้ ไปให้รัฐสภาไทย อนุมัติ เพื่อออกเป็น กฏหมายภายในเสียก่อน การกล่าวอ้างเช่นนี้ รับฟังได้หรือไม่?

๔. ผมขอตอบ ต่อ ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ที่เฝ้าติดตามอ่านบทความทางช่อง "ชุมชนแห่งเสรีภาพ (the Land of Liberty ว่า แม้ประเทศไทย จะไปคัดลอกเอาการปกครองแบบรัฐสภา (the Parliamentary System) มาจากอังกฤษ แต่ประเทศไทย ก็ไม่เคยประกาศตัวว่า ใช้ระบบกฏหมาย คอมมอนด์ลอว์ว (Common Law System) แบบอังกฤษ กลับไปประกาศในทางตรงกันข้ามว่า "ระบบ ที่ใช้ในการปกครองทางกฏหมาย ในประเทศไทย ใช้ระบบ โค็ดลอวว์ (Code Law System) แบบ กลุ่มประเทศคอนติเนนตาลยุโรป (the European Continental Countries) นั่นคือ กลุ่มประเทศยุโรป บนผืนแผ่นดินใหญ่ของยุโรป และ

๕. ในบางครั้งบางคราว ยังอวดอ้างเสียด้วยว่า ระบบกฏหมายที่ใช้อยู่ในระบบของประมวลกฏหมายแพ่ง และ พาณิชย์ของประเทศไทย ไปคัดลอก ออกมาจาก Napoleon Code ของประเทศฝรั่งเศส อีกด้วย" การตอบปัญหาเช่นนี้ แก่นักศึกษากฏหมาย ที่มีความกระตือรือล้นใคร่รู้ นับได้ว่า เป็นคำตอบ ที่เป็นยิ่งกว่า "การใช้กำปั้น ที่เป็นเนื้อมนุษย์ ทุบลงไปบนก้อนดินแข็งๆ มือของคนที่ทุบลงบน ก้อนดินเช่นนั้น ย่อมต้องเจ็บปวดมากๆ ในบางครั้งอาจถึง"ขั้นเลือดตกยางออก"

๖. ที่่จริง การจัดเก็บกฏหมายให้เป็นระบบ สดวก และ ง่ายต่อการค้นคว้า เขาย่อมใช้ การเก็บรวบรวม ให้เป็น หมวดหมู่ ตามหัวเรื่อง ที่นำมาใช้บ่อยๆ และ อย่างเป็นสำคัญ ตามความต้องการ เน้นให้เห็นความสำคัญของ เรื่องนั้นๆ ในระบบกฏหมาย ที่เก็บเข้ามา หรือ รวบรวมเอาไว้ (compilation) ซึ่งในการเก็บรวบรวม กฏหมาย เข้าเป็นหมวดหมู่ ตามความสำคัญ ก็มีมานานทั้งในยุโรป และ สหรัฐอเมริกา และ การเก็บรวบรวมกฏหมาย ให้เป็นหมวดหมู่ในสหรัฐอเมริกา ก็เป็นระบบ โค็ดลอว์ว (Code Law System) เช่นกัน และมีมานานก่อนที่อเมริกา จะประกาศแยกตัวออกจาก การปกครองของอังกฤษ ในปีค.ศ. 1775 - 1776 เสียอีก ทำไมคน ที่เป็นนักกฏหมาย ในสหรัฐฯ ไม่เคยเอ่ยอ้างสักคำว่า ระบบ การเก็บเอกสารทางกฏหมายแบบ นโปเลียนโค็ด ก็อปปี้ เอาแบบอย่างไปจากสหรัฐอเมริกาบ้างล่ะ?

๗. สิ่งเหล่านี้ แม้จะเป็นสิ่งละอัน พันละน้อย แต่เราไม่ควรมองข้ามไป ในรูปแบบของ การไม่คิดอะไรเลย มันไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้ที่เรามองข้ามไปในวันนี้ จะกลับหันมาสร้างความยุ่งยากให้แก่ ตัวเราเอง ในวันข้างหน้า การใช้ระบอบการปกครองภายใต้รัฐสภา (the Parliamentary System) ก็เช่นกัน ให้เราไปประกาศให้ "ปากแหกถึงรูหู" ระบบการปกครองภายใต้รัฐสภา (the Parliamentary System) ของไทย ก็ไม่อาจจะเหมือน ระบบกฏหมาย (Dual System) ที่ใช้อยู่ในประเทศอังกฤษไปได้

๘. ทั้งนี้ก็เพราะ เรามิใช่ต้นกำเหนิดของ การใช้กฏหมายในระบบคอมมอนลอว์ว แบบอังกฤษ หรือ British Common Law เราไม่เคยเป็นเจ้าโลกทางทะเล แบบอังกฤษ เราไม่เคยมีประเทศราช ที่อยู่ภายใต้การปกครอง ในแบบอย่างของอังกฤษ (ประเทศที่มีดินแดนภายใต้การปกครองแบบ อาทิตย์ไม่ตกดิน) และ มีประเพณีทางปกครอง ภายใต้กฏหมายมาร่วมพันปี

๙. ฉะนั้น การที่เราจะแอบอ้างเอา ธรรมเนียมปฏิบัติแบบอังกฤษ ที่ใช้ในระบบการปกครองทางกฏหมายว่า เมื่อเราลงนามในสนธิสัญญา กับ นานาชาติ และ องค์การสหประชาชาติ ในสนธิสัญญาใดแล้ว สนธิสัญญานั้น จะมีผลบังคับได้ ต้องรอให้รัฐสภาไทย ออกกฏหมายโดยนำเอาสนธิสัญญา หรือ ความตามสนธิสัญญานั้นมาออก เป็นกฏหมายภายใน สนธิสัญญานั้น จึงจะมีผลบังคับ โดยอ้างเอาแบบธรรมเนียมประเพณี พิธีปฏิบัติ แบบอังกฤษ นับว่าฟังไม่ขึ้น และ โลกเขา จะติฉินนินทา ประเทศของเราได้

๑๐. โลกในทุกวันนี้ จำแนกระบบกฏหมาย ออกเป็นสองระบบใหญ่ คือ ระบบ Dual System กับ Monist System และ ประเทศส่วนใหญ่ในโลก ก็ใช้ระบบกฏหมายแบบ Monist ในระบบกฏหมายที่ว่านี้ เมื่อประเทศใดก็ตาม ไปลงนาม และ ให้สัตยาบัน แก่ สนธิสัญญาใดๆโดยชอบแล้ว (ผู้ลงนาม ได้รับแต่งตั้งให้มี อำนาจเต็ม จากรัฐสภาแห่งรัฐ) เมื่อไปลงนามให้สัตยาบันใดๆแก่สนธิสัญญาใดๆ ตามกระบวนการของ กฏหมายภายในของตน ความตามสนธิสัญญานั้นๆ ย่อมเกิดผลบังคับ เป็นกฏหมายภายในทันที การที่เที่ยวไปอ้างชุ่ยๆว่าในระบบกฏหมายภายในของฉัน ต้องใช้ระบบ Dual System ในรูปแบบอังกฤษ คู่ภาคีสนธิสัญญาของเรา เขาคงหัวเราะเยาะเย้ย เราจนฟันโยก ทั้งนี้เพราะ ระบบกฏหมาย ที่ใช้ปกครองภายในของไทย ก็อปปี้รูปแบบ ออกมาจากของ ระบบกฏหมาย ที่ใช้แก่การปกครองภายในของสหรัฐอเมริกา ที่เป็นระบบ Monist........................(มีต่อ)


Comments
Piangdin Rakthai
Write a comment...

Sunday, December 20, 2015

หมายเหตุประเพทไทย ประจำวันที่ 20 ธันวาคม 2015 "‘สมบัติผู้ดี’ ที่แท้คือมารยาทฝรั่ง"

หมายเหตุประเพทไทย ประจำวันที่ 20 ธันวาคม 2015

"'สมบัติผู้ดี' ที่แท้คือมารยาทฝรั่ง"

หมายเหตุประเพทไทยสัปดาห์นี้ คำผกา และอรรถ บุนนาค หยิบยกเรื่อง 'สมบัติผู้ดี' ซึ่งปัจจุบันที่ถูกตีความไปถึงลักษณะของความประพฤติแบบจารีตนิยมไทยโบราณ ขณะที่กำเนิดของหนังสือ 'สมบัติของผู้ดี' ซึ่งแต่งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) กลับเขียนถึงวิธีการปฏิบัติตัวของคนสยามที่กำลังเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ให้เป็นแบบชาวตะวันตก โดยเฉพาะตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษ และถูกบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนของไทยในโรงเรียน ส่งอิทธิพลต่อการศึกษาของไทยในระยะต่อมาเป็นอย่างมาก ก่อนจะถูกตีความใหม่โดยใส่แนวคิด 'ความเป็นไทย' ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในลักษณะที่เป็นชาตินิยมและอนุรักษ์นิยมซึ่งส่งผลมาจนถึงปัจจุบัน


east meet west การลอกเลียนแบบและผลิตซ้ำทางวัฒนธรรม เพื่อความยั่งยืนของการผูกขาดทางอำนาจ

เรื่อง การรายงานความคืบหน้าของการสร้างเครือข่ายปวงชนอภิวัฒน์ มดแดงล้มช้าง กับ ดร. เพียงดิน รักไทย

เรียน พี่น้องทุกท่าน   
เรื่อง การรายงานความคืบหน้าของการสร้างเครือข่ายปวงชนอภิวัฒน์ มดแดงล้มช้าง 

วันนี้ ในแวดวงของท่าน ได้ดำเนินการสานเครือข่าย หรือรวบรวมพี่น้องร่วมอุดมการณ์ไว้แค่ไหนแล้ว  รายงานความคืบหน้าได้ที่นี่ http://goo.gl/forms/7rmaU61esg เพื่อดร. เพียงดิน จะได้นำสรุปและแจ้งให้ท่านได้ทราบ เพื่อเป็นฐานสำหรับการประกาศความชอบธรรม ในฐานะเสียงของปวงชนชาวไทย บนเวทีสากลต่อไป  

หากท่านเห็นด้วยกับขบวนเปลี่ยนระบอบ ล้มระบอบเผด็จการแบบไทย ๆ ให้สิ้นซาก แล้วสร้างระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์ โดยขบวนประชาพาไป  โปรดพิจารณาเข้าร่วมขบวนการ และรายงานการเติบโตของท่าน โดยข้อความที่ท่านส่งให้ จะเป็นความลับ และเราจะไม่ขอข้อมูลส่วนตัวของท่าน  และย้ำอีกครั้ง ว่า นี่ไม่ใช่การระดมรายชื่อเพื่อไปขอเบิกเงินทองจากใครทั้งสิ้น  และความลับของข้อมูล ดร. เพียงดิน ออกหน้า รับประกันให้

อีกครั้งหนึ่ง ลิ้งค์นี้นะครับ http://goo.gl/forms/7rmaU61esg

วิธีปรับทัศนคติของ คสช.

วิธีปรับทัศนคติของ คสช.
การซ้อมทรมานจากการได้รับข้อเท็จจริง จากทนายความสิทธิ์ คือ

๑) ใช้สายไฟเปลือยพันสำลียัดเข้ารู้ทวารหนัก แล้วนำมาพันที่อวัยวะเพศ
จากนั้นเร่งกระแสไฟฟ้า ในจำนวนนี้มีผู้ต้องหารายหนึ่งที่อวัยวะเพศ
เสื่อมสภาพไปแล้วจากการทรมานดังกล่าว

๒) เจ้าหน้าที่ใส่หน้ากากเข้ามาในห้องควบคุม กระทืบ เตะ ต่อย ทุบตี

๓) นำถูงมามัดหัวเพื่อให้ขาดอากาศหายใจ

๔) เอาปืนยาวมายัดปากแล้วกระชากลูกเลื่อน ขู่ว่าจะฆ่าเพื่อให้รับสารภาพ

๕) เตรียมขุดหลุมเพื่อฝังทั้งเป็น แล้วขู่ให้รับสารภาพ จากการตรวจสอบ
พบว่าหลายกรณีผู้ต้องหาถูกขังเกินที่กฎหมายกำหนด
มีการส่งตัวให้ทหารไปควบคุมต่อโดยอ้างว่าผู้ต้องหายินยอม
และเมื่อทนายความไปขอพบ เจ้าหน้าที่จะบ่ายเบี่ยงและไม่อนุญาตให้พบ

ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในรายงานของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนแล้ว

Saturday, December 19, 2015

การลุกฮือของอเมริกันชน ในสงครามอิสรภาพ กับ บทเรียนมดแดงล้มช้างไทย โดย ดร. เพียงดิน รักไทย มหาวิทยาลัยประชาชน-มดแดงล้มช้าง สร้างชาติ


การลุกฮือของอเมริกันชน ในสงครามอิสรภาพ กับ บทเรียนมดแดงล้มช้างไทย
โดย ดร. เพียงดิน รักไทย มหาวิทยาลัยประชาชน-มดแดงล้มช้าง  สร้างชาติ
หรือ
หรือ

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt
เพื่อร่วมเป็นฐานของการปฏิวัติในอนาคตอันใกล้นี้ และเริ่มต้นทำงานในฐานะมดแดงล้มช้างทันที (ข้อมูลทุกอย่าง เป็นความลับสุดยอด ดร.เพียงดิน รักไทย จะดูแลเองแต่ผู้เดียว และอย่าได้ติดตามลิ้งค์อื่นใด นอกจากลิ้งค์นี้จากเฟสบุ๊คของดร.เพียงดิน และลิ้งค์ที่อยู่ใต้ยูทูปวิดีโอของ มหาวิทยาลัยประชาชน Official เท่านั้น)