หากได้รับการพัฒนาเต็มที่ เด็กไทยมีศักยภาพไกลในทุกด้านเช่นกัน
Saturday, August 1, 2015
VTV Cup 2015 | Liaoning (CHN) vs (THA) Thailand [FULL HD]
หากได้รับการพัฒนาเต็มที่ เด็กไทยมีศักยภาพไกลในทุกด้านเช่นกัน
VTV Cup 2015 | Liaoning (CHN) vs (THA) Thailand [FULL HD]
หากได้รับการพัฒนาเต็มที่ เด็กไทยมีศักยภาพไกลในทุกด้านเช่นกัน
Friday, July 31, 2015
PIANGDIN ACADEMY สำนักวิชาชาวดิน: ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 31 ก.ค. 2558 ...
PIANGDIN ACADEMY สำนักวิชาชาวดิน: ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 31 ก.ค. 2558 ...: ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 31 ก.ค. 2558 ตอน" ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง" วาทกรรมดูถูก ปชช. และทำไม คสช. ไม่กลัวอเมริก...
"กษิต ภิรมย์" เตรียมเดินสายชี้แจงนานาชาติปมปัญหาประเทศ (ตัวมันเอง)
"กษิต ภิรมย์" เตรียมเดินสายชี้แจงนานาชาติปมปัญหาประเทศ (เอาตัวมันไปโชว์ว่าปมสำคัญปมหนึ่ง คือมันเอง)
"กษิต ภิรมย์" เตรียมเดินสายชี้แจงนานาชาติปมปัญหาประเทศ (เอาตัวมันไปโชว์ว่าปมสำคัญปมหนึ่ง คือมันเอง)
"กษิต ภิรมย์" เตรียมเดินสายชี้แจงนานาชาติปมปัญหาประเทศ (เอาตัวมันไปโชว์ว่าปมสำคัญปมหนึ่ง คือมันเอง)
"การปรองดอง" แก้ปัญหารัฐไทย ได้จริงหรือ? ชวนคิดชวนคุย กับ ดร.เพียงดิน รักไทย 31 ก.ค. 2558
อย่านิ่งเฉย...!! ประชาชนมดแดงล้มช้าง สร้างชาติใหม่ สู่ระบอบใหม่ ของประชาชนอย่างแท้จริง วันนี้ ท่านสมัครร่วมขบวนหรือยัง? ประชาชนจะยิ่งใหญ่ได้ ก็เพราะการรวมตัวกันอย่างมหาศาลและมีการวางแผนประสานงานกันอย่างดีเท่านั้น อย่าได้แค่อ่าน สังเกตุการณ์ หรือกล้า ๆ กลัวเลยนะครับ ได้เวลาของประชาพาไปแล้ว เราจะรับสมัครไปเรื่อย ๆ ในขณะที่การจัดตั้งเครือข่าย ก็ดำเนินต่อไปครับ http://goo.gl/forms/SiV79VOD0H
Thursday, July 30, 2015
"การปรองดอง" แก้ปัญหารัฐไทย ได้จริงหรือ? ชวนคิดชวนคุย กับ ดร.เพียงดิน รักไทย 31 ก.ค. 2558
อย่านิ่งเฉย...!! ประชาชนมดแดงล้มช้าง สร้างชาติใหม่ สู่ระบอบใหม่ ของประชาชนอย่างแท้จริง วันนี้ ท่านสมัครร่วมขบวนหรือยัง? ประชาชนจะยิ่งใหญ่ได้ ก็เพราะการรวมตัวกันอย่างมหาศาลและมีการวางแผนประสานงานกันอย่างดีเท่านั้น อย่าได้แค่อ่าน สังเกตุการณ์ หรือกล้า ๆ กลัวเลยนะครับ ได้เวลาของประชาพาไปแล้ว เราจะรับสมัครไปเรื่อย ๆ ในขณะที่การจัดตั้งเครือข่าย ก็ดำเนินต่อไปครับ http://goo.gl/forms/SiV79VOD0H
ฟังคุณยงยุทธ ติยะไพรัช พูดเรื่อง การหาทางออกด้วยการปรองดอง
ฟังคุณยงยุทธ ติยะไพรัช พูดเรื่อง การหาทางออกด้วยการปรองดอง
ฟังคุณยงยุทธ ติยะไพรัช พูดเรื่อง การหาทางออกด้วยการปรองดอง
ฟังคุณยงยุทธ ติยะไพรัช พูดเรื่อง การหาทางออกด้วยการปรองดอง
เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ อาจจะเป็นนายกหญิงที่เก่งกว่าคุณยิ่งลักษณ์ แต่ทำไม ฝันแค่อยากเป็นแอร์ (คนรับใช้)
เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ อาจจะเป็นนายกหญิงที่เก่งกว่าคุณยิ่งลักษณ์ แต่ทำไม ฝันแค่อยากเป็นแอร์ (คนรับใช้)
มวนคัก!! มาเบิง สาวน่อย ลูกซาวนา เฮียนกะปึ๋ก โตดำขี่หมี่ อยากสิเป็นแอร์แปล [อย่างฮา มาดูสาวน้อยลูกชาวนา เรียนก็โง่ ตัวดำปิ๊ดปี๋ อยากเป็นแอร์] #TheAngel นางฟ้าติดปีก
Posted by CiNNtv3 (FanPage) on Saturday, July 12, 2014
เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ อาจจะเป็นนายกหญิงที่เก่งกว่าคุณยิ่งลักษณ์ แต่ทำไม ฝันแค่อยากเป็นแอร์ (คนรับใช้)
เด็กสาวบ้านนอกคนนี้ อาจจะเป็นนายกหญิงที่เก่งกว่าคุณยิ่งลักษณ์ แต่ทำไม ฝันแค่อยากเป็นแอร์ (คนรับใช้)
มวนคัก!! มาเบิง สาวน่อย ลูกซาวนา เฮียนกะปึ๋ก โตดำขี่หมี่ อยากสิเป็นแอร์แปล [อย่างฮา มาดูสาวน้อยลูกชาวนา เรียนก็โง่ ตัวดำปิ๊ดปี๋ อยากเป็นแอร์] #TheAngel นางฟ้าติดปีก
Posted by CiNNtv3 (FanPage) on Saturday, July 12, 2014
Wednesday, July 29, 2015
"ดิฉันโดนโปรแกรม remote neural monitoring อยู่ค่ะ"
"ดิฉันโดนโปรแกรม remote neural monitoring อยู่ค่ะ"
ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชนในมิติที่ค่อนข้างแปลกมาก ท่านใดมีประสบการณ์คล้าย ๆ เรื่องนี้ หรือมีข้อมูลใด ๆ กรุณาส่งมาได้ที่ president@tahr-globla.org ครับ
ขอบคุณครับ
=========================================
ดิฉันโดนโปรแกรม remote neural monitoring อยู่ค่ะ ซึ่งโปรแกรมนี้มีเหยื่ออยู่ในประเทศมากพอสมควรค่ะ คนที่มีเครื่องมือที่เรียกว่าThe ULTIMATE WEAPONS
จะสามารถล่วงละเมิดเหยื่อได้อย่างสารเลวทีสุด
โดยอาวุธชนิดนี้จะมีผลเสียกับร่างกายอย่างมากมายค่ะ เพราะมันคืออาวุธไมโครเวฟที่เวฟเราอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราร่างกายเสื่อม เป็นมะเร็ง ตาบอด ผิวหนังเป็นแผลพุพองและมีผลเสียอีกหลายสิบข้อค่ะ และเห็นทุกอย่างที่เราเห็นได้ยินทุกคำพูดของเรา รู้รหัสการเงิน เวลาเราอาบน้ำแก้ผ้าก็จะสามารถเห็นเราได้ อ่านความคิดและพูดใส่เราด้วยคำพูดที่เดรัจฉาน ซึ่งเราจะได้ยินแค่คนเดียวค่ะ เพราะมันคือเทคโนโลยี voice to skull
ซึ่งถ้าเหยื่อไม่รู้ว่าตัวเองโดนเทคโนโลยีนี้อาจจะฆ่าตัวตายได้ค่ะ เพราะคนรอบข้างจะคิดว่าสติไม่ดีซึ่งจริงๆแล้ว เพราะโดนอาวุธชนิดนี้ทำร้ายค่ะ ซึงนั่นก็คือจุดประสงค์อย่างหนึ่งของพวกสัตว์เดรัจฉานที่เอาอาวุธชนิดนี้มาทำร้ายผู้อื่นค่ะ
ถ้าทางคุณสามารถหาคนที่มีเครื่องมือชนิดนี้ได้หรือรู้จักคนที่มีเครื่องมืออาวุธชนิดนี้ คุณจะสามารถช่วยเหยื่อได้ทั้งประเทศค่ะ เพราะคนที่มีอาวุธชนิดนี้เหมือนกันจะสามารถหาตัวคนที่ทำร้ายเราได้ ซึ่งคนที่มีอาวุธชนิดนี้ก็จะเป็นพวกทหาร ตำรวจ จนถึงพวกชาวบ้านธรรมดาที่รู้เรื่องเทคโนโลยีนี้ค่ะ
ตามแต่ว่าจะใช้อาวุธชนิดนี้อย่างสารเลวขนาดไหน คิดว่ามีพวกเกี่ยวกับการเมืองกลุ่มใหญ่ที่จะพยายามควบคุมจิตเหยื่อให้เลือกตัวเองด้วยค่ะ
ดิฉันอยากซื้ออุปกรณ์และจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองค่ะ แต่ทางบ้านไม่เชื่อเรื่องเทคโนโลยีที่ดิฉันโดน ทำให้ดิฉันไม่มีเงินทุนที่จะจัดการพวกสัตว์เดรัจฉานต่างๆที่เอาอาวุธมาทำร้ายและพยายามควบคุมจิตใจผู้คน ช่วยดิฉันและเหยื่อคนอื่นๆด้วยนะคะ
"ดิฉันโดนโปรแกรม remote neural monitoring อยู่ค่ะ"
"ดิฉันโดนโปรแกรม remote neural monitoring อยู่ค่ะ"
ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้รับร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชนในมิติที่ค่อนข้างแปลกมาก ท่านใดมีประสบการณ์คล้าย ๆ เรื่องนี้ หรือมีข้อมูลใด ๆ กรุณาส่งมาได้ที่ president@tahr-globla.org ครับ
ขอบคุณครับ
=========================================
ดิฉันโดนโปรแกรม remote neural monitoring อยู่ค่ะ ซึ่งโปรแกรมนี้มีเหยื่ออยู่ในประเทศมากพอสมควรค่ะ คนที่มีเครื่องมือที่เรียกว่าThe ULTIMATE WEAPONS
จะสามารถล่วงละเมิดเหยื่อได้อย่างสารเลวทีสุด
โดยอาวุธชนิดนี้จะมีผลเสียกับร่างกายอย่างมากมายค่ะ เพราะมันคืออาวุธไมโครเวฟที่เวฟเราอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราร่างกายเสื่อม เป็นมะเร็ง ตาบอด ผิวหนังเป็นแผลพุพองและมีผลเสียอีกหลายสิบข้อค่ะ และเห็นทุกอย่างที่เราเห็นได้ยินทุกคำพูดของเรา รู้รหัสการเงิน เวลาเราอาบน้ำแก้ผ้าก็จะสามารถเห็นเราได้ อ่านความคิดและพูดใส่เราด้วยคำพูดที่เดรัจฉาน ซึ่งเราจะได้ยินแค่คนเดียวค่ะ เพราะมันคือเทคโนโลยี voice to skull
ซึ่งถ้าเหยื่อไม่รู้ว่าตัวเองโดนเทคโนโลยีนี้อาจจะฆ่าตัวตายได้ค่ะ เพราะคนรอบข้างจะคิดว่าสติไม่ดีซึ่งจริงๆแล้ว เพราะโดนอาวุธชนิดนี้ทำร้ายค่ะ ซึงนั่นก็คือจุดประสงค์อย่างหนึ่งของพวกสัตว์เดรัจฉานที่เอาอาวุธชนิดนี้มาทำร้ายผู้อื่นค่ะ
ถ้าทางคุณสามารถหาคนที่มีเครื่องมือชนิดนี้ได้หรือรู้จักคนที่มีเครื่องมืออาวุธชนิดนี้ คุณจะสามารถช่วยเหยื่อได้ทั้งประเทศค่ะ เพราะคนที่มีอาวุธชนิดนี้เหมือนกันจะสามารถหาตัวคนที่ทำร้ายเราได้ ซึ่งคนที่มีอาวุธชนิดนี้ก็จะเป็นพวกทหาร ตำรวจ จนถึงพวกชาวบ้านธรรมดาที่รู้เรื่องเทคโนโลยีนี้ค่ะ
ตามแต่ว่าจะใช้อาวุธชนิดนี้อย่างสารเลวขนาดไหน คิดว่ามีพวกเกี่ยวกับการเมืองกลุ่มใหญ่ที่จะพยายามควบคุมจิตเหยื่อให้เลือกตัวเองด้วยค่ะ
ดิฉันอยากซื้ออุปกรณ์และจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองค่ะ แต่ทางบ้านไม่เชื่อเรื่องเทคโนโลยีที่ดิฉันโดน ทำให้ดิฉันไม่มีเงินทุนที่จะจัดการพวกสัตว์เดรัจฉานต่างๆที่เอาอาวุธมาทำร้ายและพยายามควบคุมจิตใจผู้คน ช่วยดิฉันและเหยื่อคนอื่นๆด้วยนะคะ
ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 29 ก.ค. 2558 ตอน ผีตัวใหม่ น่ากลัวกว่า ผีคอมมิวนิสต์ & เหี้ยจะกัดกันแน่แล้ว หรือ?
ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 29 ก.ค. 2558 ตอน ผีตัวใหม่ น่ากลัวกว่า ผีคอมมิวนิสต์ & เหี้ยจะกัดกันแน่แล้ว หรือ?
ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 29 ก.ค. 58 ตอน ผีตัวใหม่ น่ากลัวกว่า ผีคอมมิวนิสต์ และเหี้ยจะกัดกันเลือดนอง หรือ?
- การแบ่งผลประโยชน์ของพวกเขา ประชาชนได้อะไร?
- ความขัดแยังของเหี้ย มันจะกัดกันจริงหรือ?
- บูรพาพยัคฆ์ จะห้ำหั่นกับ วงศ์เทวัญ แน่แล้วหรือ?
- สุเทพ สึกมาทำอะไร?
- การตัดสินคดี และนัยสำคัญทางการเมือง
- อื่น ๆ
ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 29 ก.ค. 58 ตอน ผีตัวใหม่ น่ากลัวกว่า ผีคอมมิวนิสต์ และเหี้ยจะกัดกันเลือดนอง หรือ?
- การแบ่งผลประโยชน์ของพวกเขา ประชาชนได้อะไร?
- ความขัดแยังของเหี้ย มันจะกัดกันจริงหรือ?
- บูรพาพยัคฆ์ จะห้ำหั่นกับ วงศ์เทวัญ แน่แล้วหรือ?
- สุเทพ สึกมาทำอะไร?
- การตัดสินคดี และนัยสำคัญทางการเมือง
- อื่น ๆ
ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 29 ก.ค. 2558 ตอน ผีตัวใหม่ น่ากลัวกว่า ผีคอมมิวนิสต์ & เหี้ยจะกัดกันแน่แล้ว หรือ?
ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 29 ก.ค. 2558 ตอน ผีตัวใหม่ น่ากลัวกว่า ผีคอมมิวนิสต์ & เหี้ยจะกัดกันแน่แล้ว หรือ?
ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 29 ก.ค. 58 ตอน ผีตัวใหม่ น่ากลัวกว่า ผีคอมมิวนิสต์ และเหี้ยจะกัดกันเลือดนอง หรือ?
- การแบ่งผลประโยชน์ของพวกเขา ประชาชนได้อะไร?
- ความขัดแยังของเหี้ย มันจะกัดกันจริงหรือ?
- บูรพาพยัคฆ์ จะห้ำหั่นกับ วงศ์เทวัญ แน่แล้วหรือ?
- สุเทพ สึกมาทำอะไร?
- การตัดสินคดี และนัยสำคัญทางการเมือง
- อื่น ๆ
ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 29 ก.ค. 58 ตอน ผีตัวใหม่ น่ากลัวกว่า ผีคอมมิวนิสต์ และเหี้ยจะกัดกันเลือดนอง หรือ?
- การแบ่งผลประโยชน์ของพวกเขา ประชาชนได้อะไร?
- ความขัดแยังของเหี้ย มันจะกัดกันจริงหรือ?
- บูรพาพยัคฆ์ จะห้ำหั่นกับ วงศ์เทวัญ แน่แล้วหรือ?
- สุเทพ สึกมาทำอะไร?
- การตัดสินคดี และนัยสำคัญทางการเมือง
- อื่น ๆ
รวมคลิป ทางออกประเทศไทย ล่าสุด ทางนปช.ยูเอสเอและมหาวิทยาลัยประชาชน
- ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงษ์-ดร.เพียงดิน 7 มิ.ย. 2558 ตอน เมื่อตะวันตกดิน กับศึกใหญ่ที่ต้องจัดทัพประ...
- ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 13 ก.ค. 2558 ตอน วิบากกรรมคนไทย ใครต้องรับผิดชอบ?
- ทางออกประเทศไทย 3 ก.ค. 2558 อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน ตอน กับดักเกมเลือกตั้ง เด จา วู & สรุปสถานการณ...
- ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงษ์-ดร.เพียงดิน ตอน "เจ้าไปทำอะไรให้พวกเอ็ง?" ทำไมจองหมิ่น จ้องล้มพระองค์ท่าน?"
- ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงษ์-ดร.เพียงดิน ตอน วันอำมหิตย์ แห่งชาติ 9 มิถุนา (สาระเข้มข้นเป็นพิเศษ)
- ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 25 พฤษภาคม 2558 ชะตากรรมประยุทธ์ และห้วงวิกฤติประเทศไทย
- ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 20 ก.ค. 58 ตอน ปรับขบวน ปรับยุทธวิธี ขุดรากถอนโคนระบอบราชาธิ...
- ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 29 มิ.ย. 2558 ตอน ล้วงลึก เบื้องหลังดาวดิน vs. เบื้องหลังประ...
- ทางอออกประเทศไทย -อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 6 กรกฎาคม 2558 "ระบอบราชาธิปไตย และระบบสมมุติเทพ กำลังทำ...
- ทางออกประเทศไทย (27 มิ.ย. 2558) ตอน สรุปประเด็นประจำสัปดาห์ ปรากฎการณ์ดาวดิน และจุดจบระบอบราชาธิป...
- ทางออกประเทศไทย 19 มิถุนายน 2558 อ.ชูพงษ์-ดร.เพียงดิน ตอน จุดอ่อน-จุดแข็ง คณะราษฎร 2475
- ทางออกประเทศไทย 16 มิ.ย. 2558 ตอน .ผ่าสมอง “สงค์ ฟันดำ” ผ่าสมอง “เหล่ อัลไต” โดย อ.ชูพงษ์ - ดร...
- ทางอออกประเทศไทย อ.ชูพงษ์-ดร.เพียงดิน 2 มิ.ย. 2558 ตอน ไล่หมา ล่าเผด็จการ สานสร้าง ปชต.สมบูรณ์
- ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงษ์-ดร.เพียงดิน 5 มิ.ย. 2558 "ผู้ร้ายข้ามแดน (ตัวจริง) และ โมหะ ในหัวเหี้ย"
- ทางออกประเทศไทย อ.ชูพงศ์-ดร.เพียงดิน 17 ก.ค. 2558 ตอน เมื่อแม่น้ำห้าสายกระจายพิษ ประชาชนต้องทำอย่...
Tuesday, July 28, 2015
รายซื่อ องคมนตรี ที่วางแผนการโคนล้มระบอบประชาธิปไตย
รายซื่อ องคมนตรี ที่วางแผนการโคนล้มระบอบประชาธิปไตย
ชื่อองคมนตรี หน้าที่ดูแลในการโค่นล้ม พรรคพลังประชาชน ตำแหน่ง
-------------------------------------------------------------------------------------
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ดูแล สายทหารและข้าราชการหลายกระทรวงและเป็นประธานโค่นระบอบทักษิณและพรรค ทรท ในอดีต ประธานองคมนตรี
นายธานินทร์ กรัยวิเชียร
ดูแลสาย ศาลและระบบ ตุลาการ มีข้าราชการในกระทรวงยุติธรรมรายงานสายตรงตลอด เป็นผู้ออกใบสั่งล่วงหน้าในการเล่นงาน
ทั้งคุณ ยงยุทธ์ หมอเลี้ยบ รวมทั้งคดีต่างๆ กับนายกสมัคร สุนทรเวชด้วย องคมนตรี
หม่อมหลวงอัสนี ปราโมช
คนนี้ ดูแลสาย(หมอชนบท)คนในสายตรง สนิท กับสายประชาธิปัตย์และสายหมอชนบททั่วประเทศและมีข้าราชการในกระทรวงสายสาธารณ
สุขรายงานความเคลื่อนไหวตลอด เช่นเรื่องการเล่นงานไชยา สะสมทรัพย์
องคมนตรี
พลอากาศเอก กำธน สินธวานนท์
ดุแลสายทหารอากาศ และมีส่วนในการกำหนดสเปค การสั่งชื้อเครื่องบินของกองทัพอากาศ รวมถึงอยู่เบื้องหลัง ส่งปัจจัย สนับสนุน
ข้าราชการสายม็อบพันธมิตร ในการปิดสนามบินในภาคใต้ และเคยเป็น บอร์ดการบินไทย มีส่วนในการชักชวนการบินไทยหยุดงาน สายนี้
มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงการบินไทยรายงานตรงตลอด
องคมนตรี
พลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา
ดูแลสายกระทรวงการต่างประเทศมีข้าราชการระดับสูงในกระทรวงคอยรายงานความเคลื่อนไหวของอดีตนายก ทักษิณ ตลอดเวลาข้อมุล
ต่างๆในกระทรวงต่างประเทศมักจะอยู่ในสายองคมนตรี
องคมนตรี
นายอำพล เสนาณรงค์ คนนี้ดูแลข้าราชการหลายกระทรวง องคมนตรี
พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ สายมูลนิธิการกุศลต่างๆแต่ไม่ค่อยเด่นเท่าที่ควร และค่อยกำกับสายทหารในส่วนภูมิภาค
องคมนตรี
นายจำรัส เขมะจารุ
เคยดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา และเป็นเจ้านายเก่าของนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนปัจจุบัน ในการกลั่นแกล้ง
นายกฯ สมัคร เรื่องรายการชิมไปบ่นไป
องคมนตรี
หม่อมราชวงค์เทพกมล เทวกุล คนนี้เป็นผู้นำเงินและหาฐานสนับสนุนม็อบพันธมิตร เป็นกลุ่มสายเจ้านายศักดินา คอยโค่นล้ม พรรค พปช และผลักดันสูตร 70-30 องคมนตรี
นายเกษม วัฒนชัย
คนนี้เป็นคนดูแลสายการศึกษาและเป็นไส้ศึกของ พปช คอยอยู่เบื้องหลังสายการศึกษา มีความสนิทกับวิจิตร ศรีสะอ้านในการให้นักศึกษา
ออกมาเคลื่อนไหวและภาคการศึกษาต่างๆ
องคมนตรี
นายพลากร สุวรรณรัฐ
คนนี้ดุแลสายรัฐวิสาหกิจ คอยกำกับให้หยุดงาน รวมทั้งให้ การรถไฟ การไฟฟ้าออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล พปช เพราะในอดีตเคย
กำกับการไฟฟ้ามาก่อน
นายสวัสดิ์ วัฒนายากร เคยดำรงตำแหน่งตุลาการสาลปกครองสูงสุดและกำกับระบบศาลปกครองเพื่อโค่นพรรค พปช องคมนตรี
นายสันติ ทักราล เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตัดสินคดีของศาลกับคนใน พรรค พปช องคมนตรี
พลเรือเอก ชุมพล ปัจจุสานนท์ คนนี้ มาจากสายทหารเรือ คอยกำกับดูแลตลอดเวลา การเคลื่อนย้ายโผทหารเรือ มักมีคนผู้นี้คอยตรวจเช็คก่อนเสมอ องคมนตรี
นายอรรถนิติ ดิษฐอำนาจ ที่ปรึกษา ทางกฎหมายขององคมนตรี ในการเล่นงาน สส พรรค พปช องคมนตรี
สุเทพ สึกมาทำไม? ข่าวลับกรองแล้ว ทหาร กอ.รมน.ส่งมา 28 ก.ค. 2558
สุเทพ สึกมาทำไม? ข่าวลับกรองแล้ว ทหาร กอ.รมน.ส่งมา 28 ก.ค. 2558
เกมการเมืองพิษเศรษฐกิจ! บีบสุเทพลูกป๋าเดินออกจากวัด มุ่งธุรกิจการเมือง เรื่องมีอยู่ว่ามีนายทุนฝั่งทางป๋า ขัดใจนายกลุงตู่แล้ว เคาะตัวเลขลงขันตัดขาดประยุทธ์ ส่งผลดีให้กับทางอุดมเดชไปเต็มๆ พวกกระจอกข่าวอดลือสะพัดไม่ได้ เตรียมส่งอุดมเดชให้ปฎิวัติซ้อนเพื่อตัดหาง ปรีชา-ธีรชัย ออกนอกแถว ผบ.ทบ. มรสุมทางการเมืองจะพัดพา พวกคนของป๋าผงาดครองอำนาจทางการเมืองยาว ก่อนมี
การเมืองใหม่ ใช้แกน อุดมเดช-สุเทพ ตกลงเป็นหุ้นส่วนชนรัฐบาลประยุทธ์ให้ล้มครืนเป็นสุญญากาศ เขี่ยประวิตร-ประยุทธ์ทิ้ง เริ่มคำจำกัดความการปิดประเทศถาวร พลเอกอุดมเดช-นายสุเทพต้องอยู่ในวงที่ป๋าเตรียมขีดเส้นให้ อุดมเดชได้รับตำแหน่งนายกคนใหม่ไปครอง สุเทพได้เงินก่อนใหญ่ไปเพราะกล้าประกาศไม่ลงเลือกตั้งสุเทพเชื่อว่าตามเกมโรดแม๊บที่รับมาไม่มีการเลือกตั้งในประเทศนี้แน่นอนหลังอุดมเดชยึดอำนาจแล้ว
ย่างเข้ากลางเดือนสิงหา ก่อนถึงเดือนกันยา ตามที่คนใกล้ชิดของพลเอกอุดมเดช เผลอไปปล่อยข่าวรั่วไว้ทางอีสานตอนบน แหล่งขุมกำลังจะขนจากหน่วยรบพิเศษ นรศ.ลพบุรี เตรียมการไว้พร้อมหมดหลายเดือนแล้ว
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ละฝ่ายของกองทัพที่แปรพักตร์ไปมา เมื่อผลประโยชน์ลงตัว ได้มีการแจกเงินทุนให้ทุกคนเพื่อเป็นขวัญแขะกำลังใจในการส่องสุมกำลังแข่งกัน สายข่าวของนายกรัฐมนตรีได้รู้การระแคะระคายถึงเรื่องการจ่ายเงินส่งค่าจ้างให้ผบ.ทบ. ทำปฏิวัติซ้อน จากการลงขันของพวกนายทุนสายป๋า ใช้ต้นทุนสูงทั้งกำลังเงินและชีวิตของทหารทุกระดับชั้น เป็นการชิงอำนาจกันเองของทหาร โดยทางพลเอกประยุทธ์ถึงกับต้องข่มพลเอกสุรยุทธ์ในที่สาธารณะ เพื่อบอกใบ้เป็นนัยๆพี่อย่าพยายามนะ นายกรู้หมดใครทำอะไร ทหารก็จะมีแต่ความระแวงระวังตัวกันสูงขึ้นไป ผู้พันสายคุมกำลังคนหนึ่งแจ้งมาว่ามีสัญญาณแปลกๆส่งพลังสูง ให้วางเฉยกับการเคลื่อนไหวของฝ่ายล้มรัฐบาล ทางฝ่ายทหารคุมสายการข่าวก็เชื่อว่าการปฏิวัติซ้อนจะเกิดขึ้นแน่นอน
[7/28/15, 6:14:06 AM] แมงโม้: ข่าวด่วน ทางทอมใช้ความเป็นอาจารย์สยบสายกำลังเหล่
Monday, July 27, 2015
สภาอภิวัฒน์ราษฎรเสรีไทย: เอกสารลับ เปิดแผนชั่ว สุเทพ-อภิสิทธิ์-และทหารหมาฯ ...
เอกสารลับ เปิดแผนชั่ว สุเทพ-อภิสิทธิ์-และทหารหมาฯ ในฆาตกรรมหมู่ 2553
ต้อนรับการก้าวออกมารับกรรมหนัก ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
หมดเวลาได้รับการคุ้มครองด้วยผ้าเหลืองแล้ว น่าเศร้า...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1308976398
เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 2) กระสุนจริงและสไนเปอร์
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 18:45:00 น.
หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ปีที่ 59 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2553 เป็นบทความที่เขียนขึ้นเพื่อประกอบการจัดทำ”เอกสารแนวทางในการปฏิบัติทางทหาร: กรณีศึกษาการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในเมือง” จากความริเริ่มของพล.ท.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เพื่อกำหนดบทบาทของกองทัพบกในการแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบในเมืองรูปแบบใหม่
(ตอน2)
ความสำเร็จทางยุทธการ : การกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์
1.แผนยุทธการมีพื้นฐานและสอดรับกับความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ทางทหารและนโยบายของรัฐบาล
2.แผนยุทธการมีการวางแผนเป็นขั้นตอนรัดกุมมีเสรีในการปฏิบัติตามกรอบเวลามีการวางแผนและปฏิบัติโดยปราศจากแรงกดดันด้วยเวลา
3.การปฏิบัติการข่าวสารนับว่าเป็นผลในระดับยุทธการ ทั้งในส่วนการสร้างขวัญและกำลังใจของฝ่ายปฏิบัติการ และลดขวัญกำลังใจของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
4.ความสำเร็จของการปฏิบัติงานด้านการข่าวในพื้นที่กลุ่ม นปช.ทำให้สามารถใช้หน่วยได้ตรงกับขีดความสามารถและถูกต้องเหมาะสมกับภารกิจ ยกตัวอย่าง การใช้หน่วยสไนเปอร์ของทุกกรม โดยเฉพาะกับพื้นที่ตึกสูงตามเส้นทางถนนวิทยุและสายสารสิน
5.ความสำเร็จในการจู่โจม แม้ว่าแผนยุทธการครั้งนี้ไม่สามารถจู่โจมด้วยเวลาได้ ก็มีการแก้เกมด้วยการจู่โจมด้วยความเร็วโดยการส่งล่วงหน้าเข้ารักษาความปลอดภัยบนพื้นที่อาคารสูง การเข้ายึดพื้นที่สวนลุมพินีเป็นส่วนใหญ่ได้ก่อนสว่าง และการรุกเข้าพร้อมกัน 3 ทิศทาง
6.การปฏิบัติตามแผนยุทธการ กระทำด้วยการรุกคืบด้วยความระมัดระวังของแต่ละพื้นที่โดยการประเมินศักยภาพของกำลังการ์ดนปช.ให้สูงกว่าเมื่อครั้ง10 เมษายน เพื่อให้มีระบบป้องกันตัวทหารที่มากขึ้น ดังนั้นการปฏิบัติการทางทหารที่ใช้กำลังทหารประมาณ 2 หมื่นนาย มีการสูญเสียทหาร 1 นาย กับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นความสูญเสียที่ยอมรับได้
7.กองกำลังการ์ด นปช.มีการตั้งรับแบบกองโจรวางกำลังเต็มพื้นที่ ขาดผู้เชี่ยวชาญการวางกำลังตั้งรับและร่นถอยแบบทหารที่แท้จริง เนื่องจากการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ทำให้จุดศูนย์ดุลของ นปช.กลายมาเป็นจุดแข็งของการปฏิบัติของกองทัพ
8.แผนยุทธการเป็นการวางแผนการปฏิบัติรบเต็มรูปแบบเสมือนการทำสงครามรบในเมือง ใช้กำลังขนาดใหญ่ถึง 3 กองพล วางแผนเข้าปฏิบัติการ ซึ่งมีอำนาจกำลังรบเปรียบเทียบสูงกว่ามาก ยิ่งมีการสั่งการให้ใช้กระสุนจริงกับกลุ่มกลุ่มก่อการร้ายผู้ถืออาวุธ และเพื่อป้องกันตัวเองได้ ทำให้ทหารที่เคยสูญเสียความเชื่อมั่นจากเหตุการณ์ 10 เมษายน ก็มีจิตใจรุกรบมากขึ้น
9.แผนยุทธการในการรุกผ่านฝ่ายเดียวกันจากถนนสาทร ถนนสีลม ถนนสุรวงศ์ และถนนวิทยุ ทำให้กองกำลังทหารสามารถรักษาโมเมนตัมในการปฏิบัติการได้อย่างตอ่เนื่อง และสามารถพิทักษ์ป้องกันพื้นที่ส่วนหลัง (พื้นที่สีลม) ได้อย่างปลอดภัย
10.ความมีเอกภาพในการปฏิบัติ จากการสั่งการของแม่ทัพภาคที่ 1 กับกองกำลัง 3 กองพลให้ปฏิบัติการได้ถูกจังหวะการรุกและการหยุดหน่วย เพื่อผลการรุกของหน่วยอื่นหรือรอเวลาสำหรับการปฏิบัติชั้นสุดท้าย ยกตัวอย่างหน่วยรุกแตกหัก ได้แก่ พล ม.2 รอ.จากทิศทางสีลมมุ่งสู่สี่แยกศาลาแดง ส่วนที่ 2 กองพลที่เหลือคือ พล.ร.9 รับผิดชอบพื้นที่แยกอโศก เพลินจิต ชิดลม และ พล.1 รอ.รับผิดชอบพื้นที่ดินแดง พญาไท ราชปรารภ กำลังส่วนนี้ต้องตรึงกำลัง ปิดเส้นทางหลบหนี ขณะเดียวกันก็เปิดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุม นปช.ได้ทยอยออกจากพื้นที่ราชประสงค์ผ่านถนนพระราม 1 ไปแยกปทุมวัน หรือเข้าไปในวัดปทุมวนาราม
ความสำเร็จทางยุทธวิธี : การกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์
ยุทธการกระชับวงล้อมเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เป็นการปฏิบัติทางทหารเต็มรูปแบบ จึงเห็นได้ว่าภารกิจชัดเจน คือการกระชับวงล้อมด้วยกระสุนจริง จากกำลังหน่วยรบหลักของเหล่าทหารราบ เหล่าทหารม้า และหน่วยส่งกำลังทางอากาศ อย่างเช่น ร.31 รอ.ในภารกิจปฏิบัติการพิเศษ อาจเรียกได้ว่าเป็นการรบในเมืองที่ใช้อาวุธยุทธโธปกรณ์ทางทหารเต็มอัตราศึก ทั้งกำลัง อาวุธประจำกายที่ทันสมัย ชุดสไนปอร์ หน่วยยานเกราะ ซึ่งการปรับกำลังและการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธีที่สำคัญครั้งนี้ก็เป็นผลสะท้อนจากบทเรียนเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ.2553 นั่นเอง
การปฏิบัติการทางยุทธวิธีที่ใช้เวลาทำงาน 9 ชั่วโมง (เวลา 03.30-13.30) ถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งทางยุทธวิธีของการรบในเมือง ที่สมควรได้มีการบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของการรบในเมือง ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.การปฏิบัติการทางยุทธวิธีสอดรับกับแผนยุทธการกระชับวงล้อมของศอฉ.ในระดับยุทธการและนโยบายของรัฐบาลที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อการเมืองชัดเจนผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพชัดเจน ผู้บังคับหน่วยชัดเจนนำมาซึ่งแผนยุทธการและแผนปฏิบัติระดับยุทธวิธีก็มองเห็นทิศทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
2.ปรับยุทธวิธีการปราบจลาจลเป็นยุทธวิธีการรบในเมือง เพื่อการปราบปรามกองกำลังติดอาวุธ หรือผู้ก่อการร้ายที่แอบแฝงในกลุ่ม นปช.ด้วยฐานข่าวของ ศอฉ.ว่ามีกองกำลังติดอาวุธประมาณ 500 คน มีอาวุธปืนซุ่มยิง อาวุธสงคราม เช่น M 79 M 16 AK 47 และ Travo-21
3.ปรับการยิงกระสุนยางจากปืนลูกซองเป็นการใช้กระสุนจริงจากอาวุธประจำกาย ทำให้ต้องมีการสร้างวินัยอย่างเข้มงวด ตามกฎการใช้กำลัง จากเบาไปหาหนัก ตามหลักสากลมีการยิงให้กรวยกระสุนตกต่ำกว่าหัวเข่า การยิงเมื่อเห็นเป้าหมายหรือบุคคลถืออาวุธ เป็นการยิงเพื่อป้องกันตัวเอง การยิงขู่จะยิงเมื่อม็อบเคลื่อนที่เข้ามาแล้วสั่งให้หยุด ก็ไม่ยอมหยุด
4.การจัดระยะห่างระหว่างการวางกำลังของหน่วยทหารกับแนวตั้งรับของม็อบในระยะยิงหวังผลปืนM16 ประมาณ 400 หลา ซึ่งต้องมีกำลังพลเข้าเวรตรวจดูความเคลื่อนไหวกลุ่ม นปช.ทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดเวลา
5.การปรับการวางกำลังและการเคลื่อนที่ภายใต้อาคารและทางเดินเท้าไม่มีการจัดรูปขบวนยืนแถวหน้ากระดานเป็นแผงกลางถนน เพื่อเตรียมตัวผลักดันกับฝูงชนในภารกิจปราบจลาจล เพื่อป้องกันการซุ่มยิงจากด้านหลังผุ้ชุมนุม
6.การดัดแปลงที่วางกำลังเป็นการตั้งรับแบบเร่งด่วนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหรือถอยร่นด้วยกำบังกระสอบทรายสูงระดับครึ่งเข่า เมื่อต้องนอนราบหรือสูงระดับศรีษะเมื่อต้องการยืนปฏิบัติการ และมีการวางแนวทหารตั้งรับเป็นชั้นๆ ตามเส้นทางเคลื่อนที่เข้าหาม็อบ มิใช่เป็นการวางแนวเป็นปึกแผ่นเพียงชั้นเดียว ซึ่งถ้าม็อบมีจำนวนมากกว่า ก็สามารถล้อมทหารและเข้าถึงตัวแย่งปืนได้ง่าย
7.ใช้ลักษณะผู้นำหน่วยขนาดเล็กสูงมาก เพราะต้องอดทน ใจเย็น รอเวลา ทนต่อการยั่วยุ การรับควันไฟกลิ่นยางรถยนต์ที่เหม็นรุนแรงตลอดทั้งวันทั้งคืน
8.การใช้ส่วนสไนเปอร์คุ้มครองการเคลื่อนที่ในการรุกไปข้างหน้าและการป้องกันให้หน่วยเมื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หรือเมื่อกองกำลังหยุดนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลาข้ามวันข้ามคืน อีกทั้งต้องรับภารกิจอารักขาผู้บังคับบัญชาระดับสูงอีกด้วย
9.การวางกำลังตามแนวทางเดินเท้าสามารถวางกำลังได้ ยิ่งกระจายกำลังออกไปให้ได้มากก็ยิ่งตกเป็นเป้าหมายคุ้มค่าน้อยลง และไม่ตกเป็นเป้าหมายคุ้มค่าน้อยลง และไม่ตกเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ให้กับกระสุน M 79 ของกำลังก่อการร้าย
10.พัฒนารูปแบบการวางจุดตรวจการณ์ข้างหน้า (Out Post) โดยใช้สะพานลอยข้ามถนนมีการปิดฉากม่านดำเสริมด้วยบังเกอร์และกระสอบทราบ ทำให้ลดการตรวจการณ์ของการ์ด นปช.และเสริมการป้องกันได้อีกทางหนึ่ง ทั้งสามารถปกปิดการถ่ายรูปจากสื่อมวลชน
11.การปรับกำลังและระดมพลแม่นปืนเท่าที่มีอยู่ของกองทัพบกเข้าประจำพื้นที่เพื่อต่อต้านการซุ่มยิงของกลุ่ม นปช.ทั้งบนอาคารสูงและพื้นที่สูงข่ม
12.การกำหนดพื้นที่อันตรายเป็นฉนวนกั้นกลางระหว่างแนวระยะยิงหวังผลของหน่วยทหารกับแนวตั้งรับของกลุ่มนปช.เป็นยุทธวิธีประการหนึ่ง โดยมีการประกาศเขตการยิงด้วยกระสุนจริง (Live Firing Zone)
13.การกำหนดเขตห้ามบิน เป็นแผนยุทธการที่สนับสนุนงานยุทธวิธี ทำให้มั่นใจว่าการรบเหนือน่านฟ้าพื้นที่ราชประสงค์ ฝ่ายเราสามารถครองความได้เปรียบทางอาศัยอยู่
14.ยุทธวิธียอมเสียพื้นที่ แล้วถอยกลับมาตั้งรับในพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า ห่างจากระยะยิงของพลซุ่มยิงกลุ่ม นปช.เห็นได้จากความล้มเหลวในการกระชับวงล้อมในพื้นที่ 14 พฤษภาคม ถือว่าเป็นยุทธวิธีที่ชาญฉลาด ด้วยการไม่บุกตะลุยเข้าสู่คิลลิ่งโซน (Killing Zone)
15.การถอนกำลัง หรือการวางกำลังกระจายตัวมากขึ้นภายหลังค่ำมืด ก็ถือว่าเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการไม่ตกเข้าไปในกับดักที่เป็นเป้าหมายคุ้มค่า
16.การใช้หน่วยรถหุ้มเกราะเมื่อจำเป็นและต้องการผลแตกหักในการสลายการชุมนุมเท่านั้น จึงทำให้ไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวของยานเกราะก่อนวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553
17.การใข้รถหุ้มเกราะกับพลรบเคลื่อนที่ตามกันนั้นเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ได้แปรเปลี่ยนไปเพื่อเป็นการข่มขวัญการ์ด นปช.เพราะลดการสูญเสียพลรบ จากอาวุธ M79 จรวด RPG หรือระเบิดเคโมร์ตามแนวตั้งรับ นปช.
18.การสนธิกำลังอย่างลงตัวของชุดรบที่ประกอบด้วยชุดสไนเปอร์ ขบวนรถหุ้มเกราะพลรบหลังรถหุ้มเกราะขุดผจญเพลิง ขุดกู้ระเบิด (EOD) เป็นที่ประสบความสำเร็จที่น่าสนใจ
19.การกำหนดระยะเวลาการปฏิบัติการที่ส่งผลให้มีเสรีในการปฏิบัติทางยุทธวิธีเช่น การเริ่มปฏิบัติในตอนเช้าตรู่ ทำให้มีเวลามากพอสำหรับกำลังในการรุกเข้าเคลียร์พื้นที่ แต่การรบในเวลากลางคืนทำให้การมองเห็นจำกัด อาจตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังก่อการร้ายที่แอบแฝง และที่สำคัญไม่มียิงฝ่ายเดียวกันหรือยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์
20.การใช้หน่วย ปจว.ทางยุทธวิธี เพื่อทำความเข้าใจก่อนการบุกสลายการชุมนุมถือว่าเป็นหลักสากลประการหนึ่ง
21.การใช้หน่วยในพื้นที่วางกำลังส่วนล่างหน้าไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อตรึงกำลังป้องกันมิให้มวลชนคนเสื้อแดงยกกำลังเข้าช่วยที่ราชประสงค์ ต่อจากนั้นจึงใช้กำลังหลักเข้าสลายกลุ่มชุมนุม
22.การยอมถอนตัวของกำลังทหารออกจากพื้นที่ราชประสงค์ภายหลังถูกโจมตีด้วย M79 ในช่วงตอนเย็นตรงพื้นที่แยกสารสิน ถอยกลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยถนนสีลมถือว่าเป็นการตัดสินใจในระดับยุทธวิธีที่ถูกต้อง เพื่อลดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น
23.มีการซักซ้อมแผนและซักซ้อมการปฏิบัติทั้งหมดทั้งในพื้นที่ตั้งหน่วยและที่ร.11 รอ. เป็นการสร้างหลักประกันความมั่นใจสู่ความสำเร็จ และเป็นการลดเกณฑ์เสี่ยงได้อีกทางหนึ่ง
.................
(ติดตามอ่านตอน3 ตอนจบ) ข้อเสนอแนะจากบทเรียนทางยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธี พรุ่งนี้(26มิ.ย.)
คลิกอ่าน เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 1) "มาร์ค"สั่งกระชับวงล้อมเพื่อ"ยุติ"ไม่ใช่"เจรจา"
ต้อนรับการก้าวออกมารับกรรมหนัก ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
หมดเวลาได้รับการคุ้มครองด้วยผ้าเหลืองแล้ว น่าเศร้า...
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1308976398
เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 2) กระสุนจริงและสไนเปอร์
วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 18:45:00 น.
หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ปีที่ 59 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2553 เป็นบทความที่เขียนขึ้นเพื่อประกอบการจัดทำ”เอกสารแนวทางในการปฏิบัติทางทหาร: กรณีศึกษาการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในเมือง” จากความริเริ่มของพล.ท.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เพื่อกำหนดบทบาทของกองทัพบกในการแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบในเมืองรูปแบบใหม่
(ตอน2)
ความสำเร็จทางยุทธการ : การกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์
1.แผนยุทธการมีพื้นฐานและสอดรับกับความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ทางทหารและนโยบายของรัฐบาล
2.แผนยุทธการมีการวางแผนเป็นขั้นตอนรัดกุมมีเสรีในการปฏิบัติตามกรอบเวลามีการวางแผนและปฏิบัติโดยปราศจากแรงกดดันด้วยเวลา
3.การปฏิบัติการข่าวสารนับว่าเป็นผลในระดับยุทธการ ทั้งในส่วนการสร้างขวัญและกำลังใจของฝ่ายปฏิบัติการ และลดขวัญกำลังใจของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย
4.ความสำเร็จของการปฏิบัติงานด้านการข่าวในพื้นที่กลุ่ม นปช.ทำให้สามารถใช้หน่วยได้ตรงกับขีดความสามารถและถูกต้องเหมาะสมกับภารกิจ ยกตัวอย่าง การใช้หน่วยสไนเปอร์ของทุกกรม โดยเฉพาะกับพื้นที่ตึกสูงตามเส้นทางถนนวิทยุและสายสารสิน
5.ความสำเร็จในการจู่โจม แม้ว่าแผนยุทธการครั้งนี้ไม่สามารถจู่โจมด้วยเวลาได้ ก็มีการแก้เกมด้วยการจู่โจมด้วยความเร็วโดยการส่งล่วงหน้าเข้ารักษาความปลอดภัยบนพื้นที่อาคารสูง การเข้ายึดพื้นที่สวนลุมพินีเป็นส่วนใหญ่ได้ก่อนสว่าง และการรุกเข้าพร้อมกัน 3 ทิศทาง
6.การปฏิบัติตามแผนยุทธการ กระทำด้วยการรุกคืบด้วยความระมัดระวังของแต่ละพื้นที่โดยการประเมินศักยภาพของกำลังการ์ดนปช.ให้สูงกว่าเมื่อครั้ง10 เมษายน เพื่อให้มีระบบป้องกันตัวทหารที่มากขึ้น ดังนั้นการปฏิบัติการทางทหารที่ใช้กำลังทหารประมาณ 2 หมื่นนาย มีการสูญเสียทหาร 1 นาย กับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นความสูญเสียที่ยอมรับได้
7.กองกำลังการ์ด นปช.มีการตั้งรับแบบกองโจรวางกำลังเต็มพื้นที่ ขาดผู้เชี่ยวชาญการวางกำลังตั้งรับและร่นถอยแบบทหารที่แท้จริง เนื่องจากการเสียชีวิตของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ทำให้จุดศูนย์ดุลของ นปช.กลายมาเป็นจุดแข็งของการปฏิบัติของกองทัพ
8.แผนยุทธการเป็นการวางแผนการปฏิบัติรบเต็มรูปแบบเสมือนการทำสงครามรบในเมือง ใช้กำลังขนาดใหญ่ถึง 3 กองพล วางแผนเข้าปฏิบัติการ ซึ่งมีอำนาจกำลังรบเปรียบเทียบสูงกว่ามาก ยิ่งมีการสั่งการให้ใช้กระสุนจริงกับกลุ่มกลุ่มก่อการร้ายผู้ถืออาวุธ และเพื่อป้องกันตัวเองได้ ทำให้ทหารที่เคยสูญเสียความเชื่อมั่นจากเหตุการณ์ 10 เมษายน ก็มีจิตใจรุกรบมากขึ้น
9.แผนยุทธการในการรุกผ่านฝ่ายเดียวกันจากถนนสาทร ถนนสีลม ถนนสุรวงศ์ และถนนวิทยุ ทำให้กองกำลังทหารสามารถรักษาโมเมนตัมในการปฏิบัติการได้อย่างตอ่เนื่อง และสามารถพิทักษ์ป้องกันพื้นที่ส่วนหลัง (พื้นที่สีลม) ได้อย่างปลอดภัย
10.ความมีเอกภาพในการปฏิบัติ จากการสั่งการของแม่ทัพภาคที่ 1 กับกองกำลัง 3 กองพลให้ปฏิบัติการได้ถูกจังหวะการรุกและการหยุดหน่วย เพื่อผลการรุกของหน่วยอื่นหรือรอเวลาสำหรับการปฏิบัติชั้นสุดท้าย ยกตัวอย่างหน่วยรุกแตกหัก ได้แก่ พล ม.2 รอ.จากทิศทางสีลมมุ่งสู่สี่แยกศาลาแดง ส่วนที่ 2 กองพลที่เหลือคือ พล.ร.9 รับผิดชอบพื้นที่แยกอโศก เพลินจิต ชิดลม และ พล.1 รอ.รับผิดชอบพื้นที่ดินแดง พญาไท ราชปรารภ กำลังส่วนนี้ต้องตรึงกำลัง ปิดเส้นทางหลบหนี ขณะเดียวกันก็เปิดพื้นที่ให้ผู้ชุมนุม นปช.ได้ทยอยออกจากพื้นที่ราชประสงค์ผ่านถนนพระราม 1 ไปแยกปทุมวัน หรือเข้าไปในวัดปทุมวนาราม
ความสำเร็จทางยุทธวิธี : การกระชับวงล้อมพื้นที่ราชประสงค์
ยุทธการกระชับวงล้อมเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เป็นการปฏิบัติทางทหารเต็มรูปแบบ จึงเห็นได้ว่าภารกิจชัดเจน คือการกระชับวงล้อมด้วยกระสุนจริง จากกำลังหน่วยรบหลักของเหล่าทหารราบ เหล่าทหารม้า และหน่วยส่งกำลังทางอากาศ อย่างเช่น ร.31 รอ.ในภารกิจปฏิบัติการพิเศษ อาจเรียกได้ว่าเป็นการรบในเมืองที่ใช้อาวุธยุทธโธปกรณ์ทางทหารเต็มอัตราศึก ทั้งกำลัง อาวุธประจำกายที่ทันสมัย ชุดสไนปอร์ หน่วยยานเกราะ ซึ่งการปรับกำลังและการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธีที่สำคัญครั้งนี้ก็เป็นผลสะท้อนจากบทเรียนเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ.2553 นั่นเอง
การปฏิบัติการทางยุทธวิธีที่ใช้เวลาทำงาน 9 ชั่วโมง (เวลา 03.30-13.30) ถือว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งทางยุทธวิธีของการรบในเมือง ที่สมควรได้มีการบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของการรบในเมือง ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1.การปฏิบัติการทางยุทธวิธีสอดรับกับแผนยุทธการกระชับวงล้อมของศอฉ.ในระดับยุทธการและนโยบายของรัฐบาลที่กล่าวมาข้างต้น เมื่อการเมืองชัดเจนผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพชัดเจน ผู้บังคับหน่วยชัดเจนนำมาซึ่งแผนยุทธการและแผนปฏิบัติระดับยุทธวิธีก็มองเห็นทิศทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
2.ปรับยุทธวิธีการปราบจลาจลเป็นยุทธวิธีการรบในเมือง เพื่อการปราบปรามกองกำลังติดอาวุธ หรือผู้ก่อการร้ายที่แอบแฝงในกลุ่ม นปช.ด้วยฐานข่าวของ ศอฉ.ว่ามีกองกำลังติดอาวุธประมาณ 500 คน มีอาวุธปืนซุ่มยิง อาวุธสงคราม เช่น M 79 M 16 AK 47 และ Travo-21
3.ปรับการยิงกระสุนยางจากปืนลูกซองเป็นการใช้กระสุนจริงจากอาวุธประจำกาย ทำให้ต้องมีการสร้างวินัยอย่างเข้มงวด ตามกฎการใช้กำลัง จากเบาไปหาหนัก ตามหลักสากลมีการยิงให้กรวยกระสุนตกต่ำกว่าหัวเข่า การยิงเมื่อเห็นเป้าหมายหรือบุคคลถืออาวุธ เป็นการยิงเพื่อป้องกันตัวเอง การยิงขู่จะยิงเมื่อม็อบเคลื่อนที่เข้ามาแล้วสั่งให้หยุด ก็ไม่ยอมหยุด
4.การจัดระยะห่างระหว่างการวางกำลังของหน่วยทหารกับแนวตั้งรับของม็อบในระยะยิงหวังผลปืนM16 ประมาณ 400 หลา ซึ่งต้องมีกำลังพลเข้าเวรตรวจดูความเคลื่อนไหวกลุ่ม นปช.ทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดเวลา
5.การปรับการวางกำลังและการเคลื่อนที่ภายใต้อาคารและทางเดินเท้าไม่มีการจัดรูปขบวนยืนแถวหน้ากระดานเป็นแผงกลางถนน เพื่อเตรียมตัวผลักดันกับฝูงชนในภารกิจปราบจลาจล เพื่อป้องกันการซุ่มยิงจากด้านหลังผุ้ชุมนุม
6.การดัดแปลงที่วางกำลังเป็นการตั้งรับแบบเร่งด่วนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าหรือถอยร่นด้วยกำบังกระสอบทรายสูงระดับครึ่งเข่า เมื่อต้องนอนราบหรือสูงระดับศรีษะเมื่อต้องการยืนปฏิบัติการ และมีการวางแนวทหารตั้งรับเป็นชั้นๆ ตามเส้นทางเคลื่อนที่เข้าหาม็อบ มิใช่เป็นการวางแนวเป็นปึกแผ่นเพียงชั้นเดียว ซึ่งถ้าม็อบมีจำนวนมากกว่า ก็สามารถล้อมทหารและเข้าถึงตัวแย่งปืนได้ง่าย
7.ใช้ลักษณะผู้นำหน่วยขนาดเล็กสูงมาก เพราะต้องอดทน ใจเย็น รอเวลา ทนต่อการยั่วยุ การรับควันไฟกลิ่นยางรถยนต์ที่เหม็นรุนแรงตลอดทั้งวันทั้งคืน
8.การใช้ส่วนสไนเปอร์คุ้มครองการเคลื่อนที่ในการรุกไปข้างหน้าและการป้องกันให้หน่วยเมื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า หรือเมื่อกองกำลังหยุดนิ่งอยู่กับที่เป็นเวลาข้ามวันข้ามคืน อีกทั้งต้องรับภารกิจอารักขาผู้บังคับบัญชาระดับสูงอีกด้วย
9.การวางกำลังตามแนวทางเดินเท้าสามารถวางกำลังได้ ยิ่งกระจายกำลังออกไปให้ได้มากก็ยิ่งตกเป็นเป้าหมายคุ้มค่าน้อยลง และไม่ตกเป็นเป้าหมายคุ้มค่าน้อยลง และไม่ตกเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ให้กับกระสุน M 79 ของกำลังก่อการร้าย
10.พัฒนารูปแบบการวางจุดตรวจการณ์ข้างหน้า (Out Post) โดยใช้สะพานลอยข้ามถนนมีการปิดฉากม่านดำเสริมด้วยบังเกอร์และกระสอบทราบ ทำให้ลดการตรวจการณ์ของการ์ด นปช.และเสริมการป้องกันได้อีกทางหนึ่ง ทั้งสามารถปกปิดการถ่ายรูปจากสื่อมวลชน
11.การปรับกำลังและระดมพลแม่นปืนเท่าที่มีอยู่ของกองทัพบกเข้าประจำพื้นที่เพื่อต่อต้านการซุ่มยิงของกลุ่ม นปช.ทั้งบนอาคารสูงและพื้นที่สูงข่ม
12.การกำหนดพื้นที่อันตรายเป็นฉนวนกั้นกลางระหว่างแนวระยะยิงหวังผลของหน่วยทหารกับแนวตั้งรับของกลุ่มนปช.เป็นยุทธวิธีประการหนึ่ง โดยมีการประกาศเขตการยิงด้วยกระสุนจริง (Live Firing Zone)
13.การกำหนดเขตห้ามบิน เป็นแผนยุทธการที่สนับสนุนงานยุทธวิธี ทำให้มั่นใจว่าการรบเหนือน่านฟ้าพื้นที่ราชประสงค์ ฝ่ายเราสามารถครองความได้เปรียบทางอาศัยอยู่
14.ยุทธวิธียอมเสียพื้นที่ แล้วถอยกลับมาตั้งรับในพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า ห่างจากระยะยิงของพลซุ่มยิงกลุ่ม นปช.เห็นได้จากความล้มเหลวในการกระชับวงล้อมในพื้นที่ 14 พฤษภาคม ถือว่าเป็นยุทธวิธีที่ชาญฉลาด ด้วยการไม่บุกตะลุยเข้าสู่คิลลิ่งโซน (Killing Zone)
15.การถอนกำลัง หรือการวางกำลังกระจายตัวมากขึ้นภายหลังค่ำมืด ก็ถือว่าเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการไม่ตกเข้าไปในกับดักที่เป็นเป้าหมายคุ้มค่า
16.การใช้หน่วยรถหุ้มเกราะเมื่อจำเป็นและต้องการผลแตกหักในการสลายการชุมนุมเท่านั้น จึงทำให้ไม่ปรากฏการเคลื่อนไหวของยานเกราะก่อนวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553
17.การใข้รถหุ้มเกราะกับพลรบเคลื่อนที่ตามกันนั้นเป็นยุทธวิธีหนึ่งที่ได้แปรเปลี่ยนไปเพื่อเป็นการข่มขวัญการ์ด นปช.เพราะลดการสูญเสียพลรบ จากอาวุธ M79 จรวด RPG หรือระเบิดเคโมร์ตามแนวตั้งรับ นปช.
18.การสนธิกำลังอย่างลงตัวของชุดรบที่ประกอบด้วยชุดสไนเปอร์ ขบวนรถหุ้มเกราะพลรบหลังรถหุ้มเกราะขุดผจญเพลิง ขุดกู้ระเบิด (EOD) เป็นที่ประสบความสำเร็จที่น่าสนใจ
19.การกำหนดระยะเวลาการปฏิบัติการที่ส่งผลให้มีเสรีในการปฏิบัติทางยุทธวิธีเช่น การเริ่มปฏิบัติในตอนเช้าตรู่ ทำให้มีเวลามากพอสำหรับกำลังในการรุกเข้าเคลียร์พื้นที่ แต่การรบในเวลากลางคืนทำให้การมองเห็นจำกัด อาจตกเป็นเป้าหมายของกองกำลังก่อการร้ายที่แอบแฝง และที่สำคัญไม่มียิงฝ่ายเดียวกันหรือยิงประชาชนผู้บริสุทธิ์
20.การใช้หน่วย ปจว.ทางยุทธวิธี เพื่อทำความเข้าใจก่อนการบุกสลายการชุมนุมถือว่าเป็นหลักสากลประการหนึ่ง
21.การใช้หน่วยในพื้นที่วางกำลังส่วนล่างหน้าไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อตรึงกำลังป้องกันมิให้มวลชนคนเสื้อแดงยกกำลังเข้าช่วยที่ราชประสงค์ ต่อจากนั้นจึงใช้กำลังหลักเข้าสลายกลุ่มชุมนุม
22.การยอมถอนตัวของกำลังทหารออกจากพื้นที่ราชประสงค์ภายหลังถูกโจมตีด้วย M79 ในช่วงตอนเย็นตรงพื้นที่แยกสารสิน ถอยกลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยถนนสีลมถือว่าเป็นการตัดสินใจในระดับยุทธวิธีที่ถูกต้อง เพื่อลดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น
23.มีการซักซ้อมแผนและซักซ้อมการปฏิบัติทั้งหมดทั้งในพื้นที่ตั้งหน่วยและที่ร.11 รอ. เป็นการสร้างหลักประกันความมั่นใจสู่ความสำเร็จ และเป็นการลดเกณฑ์เสี่ยงได้อีกทางหนึ่ง
.................
(ติดตามอ่านตอน3 ตอนจบ) ข้อเสนอแนะจากบทเรียนทางยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธี พรุ่งนี้(26มิ.ย.)
คลิกอ่าน เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 1) "มาร์ค"สั่งกระชับวงล้อมเพื่อ"ยุติ"ไม่ใช่"เจรจา"
ปฏิวัติปวงชน "มดแดงล้มช้าง: 10 ภาษากายที่นักพูดควรรู้
10 ภาษากายที่นักพูดควรรู้
หลายคนอาจจะคิดว่า Presentation ที่ดีนั้นอยู่ที่ทักษะการพูดเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วภาษากายเป็นสิ่งสำคัญเท่าๆ กับภาษาพูดเลยทีเดียว 10 อย่างที่นักพูดทุกคนควรรู้ สรุปมาได้ดังนี้
1. ยืดอก มือและแขนเปิดกว้าง: เพิ่มความมั่นใจ เพราะท่ายืดอกตัวตรง
ทำให้หายใจได้สะดวกกว่า ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า
2. ยิ้ม: ง่ายๆ แต่เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังผ่อนคลาย รู้สึกเป็นกันเองกับเรา
3. ใช้มือและแขนประกอบการเล่าเรื่อง มองตาผู้ฟัง: ทำให้ผู้ฟังตั้งใจฟังและอินไปกับเรา
4. ใจเย็น ไม่รีบร้อน: การไม่ลุกลี้ลุกลน ทำให้เราดูมั่นใจ น่าเชื่อถือ
5. เดิน: เช่น ถ้าพูด 3 ประเด็น ให้เดินเปลี่ยนจุดยืนเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนประเด็นจะทำให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้นว่าขึ้นประเด็นใหม่
6. อวัยวะสัมพันธ์: ใช้ให้หลากหลายและเหมาะสม ทั้งหัว แขน และมือ ควรให้เป็นธรรมชาติและสอดประสานกันเพื่อให้ผู้ฟังตั้งใจฟังสิ่งที่เราพูดไปจนจบ
7. ชี้นิ้ว: เพื่อให้ผู้ฟังตั้งใจฟังในสิ่งที่เรากำลังพูด ให้ชี้นิ้วพร้อมกับมองไปที่ presentation จะทำให้ผู้ฟังยังอยู่กับเรา (ดึงสมาธิผู้ฟังกลับมา)
8. ผ่อนคลาย: ทำท่าทางเปิดและผ่อนคลาย จะทำให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น
9. จังหวะ: มีจังหวะหยุดและหายใจที่เหมาะสม ทำใหเราตอบคำถามได้ดีขึ้น (ได้คิด)
10. ท่าทาง: ใช้ท่าทางในเชิงบวก ได้แก่ การพยักหน้า ยืดอก มองตา ยิ้ม
หลายคนอาจจะคิดว่า Presentation ที่ดีนั้นอยู่ที่ทักษะการพูดเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วภาษากายเป็นสิ่งสำคัญเท่าๆ กับภาษาพูดเลยทีเดียว 10 อย่างที่นักพูดทุกคนควรรู้ สรุปมาได้ดังนี้
1. ยืดอก มือและแขนเปิดกว้าง: เพิ่มความมั่นใจ เพราะท่ายืดอกตัวตรง
ทำให้หายใจได้สะดวกกว่า ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า
2. ยิ้ม: ง่ายๆ แต่เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังผ่อนคลาย รู้สึกเป็นกันเองกับเรา
3. ใช้มือและแขนประกอบการเล่าเรื่อง มองตาผู้ฟัง: ทำให้ผู้ฟังตั้งใจฟังและอินไปกับเรา
4. ใจเย็น ไม่รีบร้อน: การไม่ลุกลี้ลุกลน ทำให้เราดูมั่นใจ น่าเชื่อถือ
5. เดิน: เช่น ถ้าพูด 3 ประเด็น ให้เดินเปลี่ยนจุดยืนเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนประเด็นจะทำให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้นว่าขึ้นประเด็นใหม่
6. อวัยวะสัมพันธ์: ใช้ให้หลากหลายและเหมาะสม ทั้งหัว แขน และมือ ควรให้เป็นธรรมชาติและสอดประสานกันเพื่อให้ผู้ฟังตั้งใจฟังสิ่งที่เราพูดไปจนจบ
7. ชี้นิ้ว: เพื่อให้ผู้ฟังตั้งใจฟังในสิ่งที่เรากำลังพูด ให้ชี้นิ้วพร้อมกับมองไปที่ presentation จะทำให้ผู้ฟังยังอยู่กับเรา (ดึงสมาธิผู้ฟังกลับมา)
8. ผ่อนคลาย: ทำท่าทางเปิดและผ่อนคลาย จะทำให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น
9. จังหวะ: มีจังหวะหยุดและหายใจที่เหมาะสม ทำใหเราตอบคำถามได้ดีขึ้น (ได้คิด)
10. ท่าทาง: ใช้ท่าทางในเชิงบวก ได้แก่ การพยักหน้า ยืดอก มองตา ยิ้ม
ปฏิวัติปวงชน "มดแดงล้มช้าง: 10 ภาษากายที่นักพูดควรรู้
10 ภาษากายที่นักพูดควรรู้
หลายคนอาจจะคิดว่า Presentation ที่ดีนั้นอยู่ที่ทักษะการพูดเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วภาษากายเป็นสิ่งสำคัญเท่าๆ กับภาษาพูดเลยทีเดียว 10 อย่างที่นักพูดทุกคนควรรู้ สรุปมาได้ดังนี้
1. ยืดอก มือและแขนเปิดกว้าง: เพิ่มความมั่นใจ เพราะท่ายืดอกตัวตรง
ทำให้หายใจได้สะดวกกว่า ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า
2. ยิ้ม: ง่ายๆ แต่เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังผ่อนคลาย รู้สึกเป็นกันเองกับเรา
3. ใช้มือและแขนประกอบการเล่าเรื่อง มองตาผู้ฟัง: ทำให้ผู้ฟังตั้งใจฟังและอินไปกับเรา
4. ใจเย็น ไม่รีบร้อน: การไม่ลุกลี้ลุกลน ทำให้เราดูมั่นใจ น่าเชื่อถือ
5. เดิน: เช่น ถ้าพูด 3 ประเด็น ให้เดินเปลี่ยนจุดยืนเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนประเด็นจะทำให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้นว่าขึ้นประเด็นใหม่
6. อวัยวะสัมพันธ์: ใช้ให้หลากหลายและเหมาะสม ทั้งหัว แขน และมือ ควรให้เป็นธรรมชาติและสอดประสานกันเพื่อให้ผู้ฟังตั้งใจฟังสิ่งที่เราพูดไปจนจบ
7. ชี้นิ้ว: เพื่อให้ผู้ฟังตั้งใจฟังในสิ่งที่เรากำลังพูด ให้ชี้นิ้วพร้อมกับมองไปที่ presentation จะทำให้ผู้ฟังยังอยู่กับเรา (ดึงสมาธิผู้ฟังกลับมา)
8. ผ่อนคลาย: ทำท่าทางเปิดและผ่อนคลาย จะทำให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น
9. จังหวะ: มีจังหวะหยุดและหายใจที่เหมาะสม ทำใหเราตอบคำถามได้ดีขึ้น (ได้คิด)
10. ท่าทาง: ใช้ท่าทางในเชิงบวก ได้แก่ การพยักหน้า ยืดอก มองตา ยิ้ม
หลายคนอาจจะคิดว่า Presentation ที่ดีนั้นอยู่ที่ทักษะการพูดเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วภาษากายเป็นสิ่งสำคัญเท่าๆ กับภาษาพูดเลยทีเดียว 10 อย่างที่นักพูดทุกคนควรรู้ สรุปมาได้ดังนี้
1. ยืดอก มือและแขนเปิดกว้าง: เพิ่มความมั่นใจ เพราะท่ายืดอกตัวตรง
ทำให้หายใจได้สะดวกกว่า ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า
2. ยิ้ม: ง่ายๆ แต่เป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ผู้ฟังผ่อนคลาย รู้สึกเป็นกันเองกับเรา
3. ใช้มือและแขนประกอบการเล่าเรื่อง มองตาผู้ฟัง: ทำให้ผู้ฟังตั้งใจฟังและอินไปกับเรา
4. ใจเย็น ไม่รีบร้อน: การไม่ลุกลี้ลุกลน ทำให้เราดูมั่นใจ น่าเชื่อถือ
5. เดิน: เช่น ถ้าพูด 3 ประเด็น ให้เดินเปลี่ยนจุดยืนเล็กน้อยเมื่อเปลี่ยนประเด็นจะทำให้คนฟังเข้าใจง่ายขึ้นว่าขึ้นประเด็นใหม่
6. อวัยวะสัมพันธ์: ใช้ให้หลากหลายและเหมาะสม ทั้งหัว แขน และมือ ควรให้เป็นธรรมชาติและสอดประสานกันเพื่อให้ผู้ฟังตั้งใจฟังสิ่งที่เราพูดไปจนจบ
7. ชี้นิ้ว: เพื่อให้ผู้ฟังตั้งใจฟังในสิ่งที่เรากำลังพูด ให้ชี้นิ้วพร้อมกับมองไปที่ presentation จะทำให้ผู้ฟังยังอยู่กับเรา (ดึงสมาธิผู้ฟังกลับมา)
8. ผ่อนคลาย: ทำท่าทางเปิดและผ่อนคลาย จะทำให้ผู้ฟังมีส่วนร่วมได้ง่ายขึ้น
9. จังหวะ: มีจังหวะหยุดและหายใจที่เหมาะสม ทำใหเราตอบคำถามได้ดีขึ้น (ได้คิด)
10. ท่าทาง: ใช้ท่าทางในเชิงบวก ได้แก่ การพยักหน้า ยืดอก มองตา ยิ้ม
ท่านจารุพงศ์ เลขาธิการเสรีไทย & คนไทยแอลเอ ร่วมฉลอง 66 ปี วันคล้ายวันเกิด ดร.ทักษิณ ชินวัตร 26 กรกฎาคม 2558
ท่านจารุพงศ์ เลขาธิการเสรีไทย & คนไทยแอลเอ ร่วมฉลอง 66 ปี วันคล้ายวันเกิด ดร.ทักษิณ ชินวัตร 26 กรกฎาคม 2558 โดย ท่านจารุพงศ์ได้วิเคราะห์การเมืองไทยด้วยความห่วงใย และเรียกร้องให้คนไทยทั่วโลก ร่วมมือกับองค์การเสรีไทย เพื่อเปลี่ยนระบอบ https://youtu.be/YcStl2u7NHo
Subscribe to:
Posts (Atom)