Tuesday, March 17, 2015

หมัดเด็ดคสช. ยัดคดีให้นักสู้เพื่อ ปชต. และความเป็นธรรม แต่ช้าก่อน...รู้ความจริงแล้วจะ "เงิบ"



ปรากฏการณ์สร้างและยัดคดี ให้กับผู้ที่อยู่ฝั่งประชาธิปไตย หรือผู้มีปากเสียงในการคัดค้าน ต่อต้าน และขัดขืนการใช้อำนาจของ "ผู้กุมอำนาจรัฐชั่วคราวด้วยการใช้กำลังทหารยึดอำนาจของประชาชน" (junta คสช) เป็นสิ่งที่เห็นกันชัดเจน และดูท่าทางพวกทหารจะมั่นใจเหลือเกินว่าจะจัดการกับหนุ่มใหญ่ใจบุญอย่างพี่อเนก ซานฟราน ได้เต็มมือ  ลงทุนสร้างภาพสานเครือข่าย  และก็มีสมุนกระจอก ๆ ออกมาบอกว่า ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน เกี่ยวข้องด้วย และกำลังลูบปากว่าจะจัดการกวาดล้างเสี้ยนหนามให้สิ้น ไม่ให้ภาคีไทยฯ​ มีฐานอยู่ซานฟรานได้อีกตอ่ไป   

ผมนั่งอ่านเกมนี้ด้วยความสบายใจ เพราะกลไกของภาคีฯ มันมีระบบป้องกันตัวเอง และเราใช้ระบบโปร่งใส ตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ และทำกันแบบมืออาชีพ แม้ว่าเราจะจำกัดด้วยทรัพยากรเงินทอง และศักยภาพของบุคคล แต่เราพร้อมเรียนรู้และทำงานกันด้วยหัวใจบริสุทธิ์ และการทุ่มเทเพราะรักบ้านเกิด  ดังนั้น ผมจะไม่ดำเนินการอะไรในตอนนี้ นอกจากเก็บหลักฐานว่าใครบ้าง พูดหรือเขียนอะไรไว้  และเมื่อถึงเวลา ทีมทนายอาสาของเรา ระดับฝีมือ ไม่น่าจะกลัวใครในโลก เพราะเราอยู่ข้างกฎหมายสากลที่หนักแน่น 

และด้วยความกรุณาของปราชญ์หลายท่าน เราก็ได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่เผด็จการทหารเพื่อพระราชาไทย ได้กระทำ ทีผิดต่อกฎหมายสากลจำนวนหลายกรณีและหลายเรื่อง  ตัวอย่างข้างล่างนี้ เป็นการชี้ให้เห็นส่วนหนึ่งที่เผด็จการทหารไทยทำพลาด...  ผมกราบขอบคุณปราชญ์ทางกฎหมายท่านนี้นะครับ เราไม่เคยพบหรือรู้จักกันมาก่อน แต่หัวใจที่รักความยุติธรรมและอนาคตของลูกหลานเหมือนกัน  mutual respect  จึงเป็นผลที่งดงาม  ผมขอยกข้อความที่ท่านแนะนำให้ มาแปะเตือนสติทุกคนทุกฝ่าย ว่า เราไม่ได้มีแค่อำนาจเถื่อนใต้กฎหมายเถื่อนที่กบฏได้ออกมาเอง บังคับใช้เองมานานแสนนาน โดยเฉพาะกฎหมายที่ออกมาหลังการรัฐประหารหลาย ๆ ครั้ง หรือมาตั้งแต่สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (เช่น กฎอัยการศึก)   แต่เราอยู่ภายใต้กฎหมายสากล และสิ่งเหล่านี้แหละ ที่จะคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์ เจ้าของอำนาจอธิปไตยโดยชอบธรรม แล้วจะไปตามล้างเอาผิดคนที่หลงละเมิดหลักสากลทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากก้าวพลาดเกินเลยที่จะให้อภัยได้ เมื่อประชาชนชนะอย่างแท้จริงแล้ว


-----------------


17 มีนาคม 2558 เรียน ดร.เพียงดิน ที่นับถือ
 นี่เป็นความเห็นทางกฏหมายของผมเกี่ยวกับเรื่องปาระเบิดศาลอาญา " ว่าด้วยเรื่องระเบิดศาลอาญาการสอบสวนปากคำพยานในคดีนี้ตั้งแต่คนแรก มาจนถึงคุณพยาบาล จะตรงกับหลักในทางกฏหมายอาญาในคดี Escobido v Illinois, 378 U.S. 478 (1964) ตามเอกสารที่ส่งมาให้ดู คำพยานจากปากคำของผู้ต้องหาทั้งหมดในคดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหารสอบปากคำ หรือตำรวจ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน สอบปากคำ หรือพลเรือน (ผู้พิพากษา) สอบปากคำ แล้วลงโทษเขา ล้วนนำมาใช้เพื่ออ้างยันจำเลย หรือผู้ต้องหาไม่ได้ เพราะ

. เป็นการสอบผู้ต้องหา หรือ จำเลย โดยไม่มีทนายคอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำปรึกษา ในระหว่างที่เขาถูกสอบปากคำ

.ไม่มีการเตือนจำเลย หรือผู้ต้องหาว่า คุณมีสิทธิที่จะไม่ตอบ ไม่พูด (the right to remain silent) แต่ก็ไม่ทำกันในคดีนี้

. การกระทำความผิดในคดีนี้ เป็นการกระทำผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฏหมายหลายบทหลายมาตรา เมื่อคุณไปลงโทษเขาในฐานความผิด ละเมิดอำนาจศาล โดยการจำคุก ๕ เดือน ก็จะเกิดผล

. คือการลงโทษ หรือฟ้องลงโทษเขาในการกระทำผิดครั้งเดียว ฟ้องได้หลายครั้งเพื่อลงโทษ เป็น Double Jeopardy อย่างแน่ชัด 
.หลักกฏหมายนี้ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของไทยในปีพ..๒๕๔๐ ว่าด้วยเรื่องห้ามจำเลยให้การปรักปรำตัวเอง จนต้องคดีอาญา เมื่อเป็นเช่นนี้ คดีเรื่องปาระเบิดศาลอาญา ต้องห้ามโดย Norms ของรัฐธรรมนูญ จึงฟ้องลงโทษจำเลยไม่ได้สักคนเดียว Escobedo v_ Illinois 378 U_S_ 478 (1964) Justia US Supreme Court Center.htm Miranda v. Arizona - 384 U.S. 436 (1966) Justia US Supreme Court Center.htm

 ระลึกถึงเสมอ..... 
(ขอสงวนนามท่านไว้ ด้วยความเคารพรัก)

แถมท้ายด้วยบทเขียนจากเพจฯ​ขวัญใจนักสู้เพื่อประชาธิปไตย

กูต้องได้ 100 ล้าน จากทักษิณแน่ๆ
15 นาที ·
พล็อตหนัง "‪#‎ล่าจารชนก๋วยเตี๋ยวข้ามโลก‬"

(พล็อตจากเรื่องจริง)

- - - - - - - - -

อเนก ซานฟราน เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ จนเป็นที่ปองร้ายของกลุ่มคนคลั่ง และกลุ่มผู้นำเผด็จการ และได้ลี้ภัยออกไปจากประเทศไทยนานแล้ว แต่ก็ยังมีการเคลื่อนไหวในต่างประเทศโดยการทำคลิปวิจารณ์ออกมาอย่างต่อเนื่อง คลิปของอเนก ไม่รอดพ้นสายตาของบิ๊กบราเธอร์ตู่ ที่สั่งให้มีวอร์รูม ทบ.คอยสอดส่องโลกอินเตอร์เน็ต

- - - - - - - - -

บิ๊กบราเธอร์คิดอยู่ว่าจะจัดการอย่างไรกับไอ้เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวคนนี้ดี จึงได้มีข้อเสนอจากฝ่ายเสนาธิการที่เผด็จการไว้วางใจว่า ควรจะวางแผนสร้างสถานการณ์สักครั้ง เพื่อสร้าง story โยงขบวนการต่างๆ เข้ามาเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยเฉพาะการป้ายความผิดให้เป็นกลุ่มสนับสนุนความรุนแรง และมีการใช้อาวุธ ซึ่งเงื่อนไขการใช้อาวุธดังกล่าว จะเข้าเงื่อนไขการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนในบางประเทศ (แม้แต่จักรภพ ที่ลี้ภัยออกไปนานแล้ว เขียนหนังสืออยู่ดีๆ ก็ยังโดนใส่ไฟว่าเป็นผู้สนับสนุนขบวนการโจรก่อการร้าย นอกจากนี้ ก็ยังมีหญิงสาวอายุ 27 ปี ที่ชื่อเปิ้ล กริชสุดา ที่เคยโดนข้อกล่าวหาเดียวกัน)

- - - - - - - - -

การโยนขี้ไปให้อเนก จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก เพราะอเนกอยู่อเมริกา ประกอบกับสื่อในประเทศก็อยู่ในกำมือของ คสช. จนขี้หดตดหาย ดังนั้น อเนกจึงถูกใส่ร้ายโดย คสช. และก้าวสู่การเป็นผู้สนับสนุนหลักการก่อการร้ายในประเทศไทย เพื่อที่จะทำให้ทหารได้ประกาศคงไว้ซึ่งกฎอัยการศึก และสามารถเบิกงบประมาณแผ่นดินอันเป็นภาษีของประชาชนมาใช้ได้อย่างต่อเนื่อง

- - - - - - - - -

นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถทำลายบุคคลที่เกี่ยวข้องกลุ่มต่างๆ ได้โดยง่าย จึงต้องสร้างเรื่องราวให้มีความเชื่อมโยง แบบ cheap story (บทราคาถูกๆ ที่คนไม่ได้คิดอะไรมักจะเชื่อได้โดยง่าย) โยงไปยังบุคคลต่างๆ ในตระกูลชินวัตร เป็นการทำลายคู่แข่งทางการเมือง ด้วยการสร้างวาทกรรมทางการเมือง ที่เป็นการตีตราว่าเขาเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการใช้ความรุนแรงโดยไม่ต้องรอการพิสูจน์ เพื่อให้กลุ่มคนที่พร้อมจะเชื่อเรื่องโกหก นำไปส่งต่ออย่างสนุกสนาน และเดี๋ยวพอคนเริ่มพูดกันปากต่อปาก คนก็จะเชื่อไปเองว่า พวกนี้นี่มันเลวจริงๆนะ สำเร็จตามเป้าหมายด้านการข่าว (ชั้นต่ำ) ของคสช.

- ดังที่เราจะเห็นได้จาก กรณีระเบิดหน้าพารากอน ที่จับตัวใครยังไม่ได้เลย เปรียบเทียบกับกรณีระเบิดศาลอาญา แถมกรณีระเบิดศาลอาญานี้ ยังถูกขยายผลด้วยการสร้างเรื่องว่า "ติดตามมานานแล้ว รู้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้" แต่นี่ขนาดรู้ก่อน ... ทำไมไม่สามารถยับยั้งเหตุได้ ปล่อยให้เกิดเหตุระเบิดก่อนล่ะ ท่านๆ ลองคิดดู

- - - - - - - - -

นอกจากนี้ การควบคุมตัว พยาบาล พยานคดี 6 ศพ วัดปทุมไปก่อนหน้านี้ นานกว่า 5 วัน แล้วถึงออกมายอมรับว่า มีการจับกุมตัวไปจริง มันไม่ใช่เรื่องความมั่นคงอะไรหรอก

แต่มันคือ การเอาพยานคนนั้นไปกักตัวไว้ แล้วระหว่างนั้น ก็สร้างเรื่องให้ พยานคดี 6 ศพ ยอมรับ เพื่อหวังผลทางการเมืองที่สูงไปกว่านั้น นั่นก็คือ การลดความน่าเชื่อถือพยานลงในชั้นศาล

เพราะพยานคนนี้ เป็นพยานโจทก์ (พยานให้ฝั่งผู้เสียชีวิตจากกระสุนปืน ที่มาจากทิศทางของเจ้าหน้าที่ทหาร) ซึ่งการทำให้พยานโจทก์กลายเป็นผู้ก่อการร้ายเสียเอง ... ก็อาจทำให้พยานถูกลดความน่าเชื่อถือลง และทำให้ "ผู้สั่งการ" และหัวหน้าผู้รับสั่งการ คือ ประวิตร อนุพงษ์ และประยุทธ์ หลุดรอดความผิดและคำครหาไปได้

- - - - - - - - -

ละครเรื่องนี้ กูยังไม่รู้จุดจบ แต่กูรู้ว่าได้เริ่มเป็นเชื้อไฟสุมใจให้แก่ประชาชนคนรักประชาธิปไตยบ้างแล้ว เริ่มวางแผนต่อต้าน คสช. ตามความถนัดกันได้เลย



No comments:

Post a Comment