Monday, March 2, 2015

ทำอะไรเสียที ก่อนไพร่จะฆ่ากันเองจนเป็นธรรมเนียม



Posted on by


เมื่อก่อนเห็น สส. ไต้หวันหรือเกาหลีต่อยกัน
ยังเคยนึกขำและสมเพชพวกนั้นว่า ไร้อารยธรรม
แต่วันนี้ขำไม่ออก เมื่อมันเกิดเรื่องทำนองเดียวกันในสภาอันทรงเกียรติของไทย!
วันนี้ ชาวบ้านเริ่มอาฆาตนายกหน้าด้านว่า “สักวันหนึ่งเถอะ ฯลฯ”
วันนี้นายก รองนายก และนักการเมืองฝ่ายกุมอำนาจรัฐ นั่งรถเกราะ และมีขบวนคุ้มกัน
วันนี้ วัฒนธรรมการสร้างความเกลียดชังถูกทำให้ถูกกฎหมายและเป็นกิจวัตรหน้าจอทีวีและจอคอมฯ
วันนี้ ปากของนักการเมืองทำให้คนผิดศีลข้อหนึ่งในเชิงมโนกรรมค่อนประเทศ
ปัญหาของเมืองไทยนี้ จะเลวร้ายลง หากผู้นำเราถูกฆ่า
แม้ว่าในใจผมอยากแช่งชักหักกระดูกให้มันตายตกไปตามกัน…
แต่เมื่อนึกว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความเลวร้ายยิ่งกว่านี้
และนึกว่า ประเทศไทยจะก้าวไปสู่อนาคตที่ดีได้ เราต้องเลือกทางอหิงสา…
เราต้องเอาอารยธรรมและหลักการเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ ไม่ใช่ความรุนแรง
ใจลึก ๆ ผมเองก็อยากฆ่าฟัน เตะต่อย และเหยียบย่ำไอ้พวกปากดีแต่ย่ำยีประเทศชาติเป็นแก๊งค์
แต่เมื่อนึกถึงอนาคตของชาติแล้ว ก็ต้องขอให้พวกเราฟังเสียงแห่งสันติครับ เสียงที่มีวุฒิภาวะ
ท่านทักษิณ คุณจาตุรนต์ หรือแม้แต่คุณชูพงศ์ ต่างคิดเหมือนที่ผมคิด… คือเราจะก้าวไปสู่
ทางแห่งความเสื่อมอย่างสูงสุดไม่ได้ เราจะเอาบาปมาสร้างบุญไม่ได้….
แต่มนุษย์มันก็คือมนุษย์ที่อยู่ในวังวนกิเลส มีความรู้สึก มีความผิดพลาด
และพร้อมจะให้สันดานธรรมชาติออกมาทำงานเสมอ
ในเมื่อไม่มีความเสมอภาค ก็ไม่มีสันติสุข
ในเมื่อไม่มีความจริงใจ ก็ไม่มีการสมานฉันท์
ในเมื่อไม่มีความชอบธรรม ก็ไม่มีการยอมรับ
ในเมื่อไม่มีการเสียสละ ก็ไม่มีการยินยอมพร้อมน้ำใจ
ในเมื่อไม่มีทศพิธราชธรรม ก็ไม่มีการจงรักภักดี
ในเมื่อไม่มีความเป็นธรรม ก็จะไม่มีการให้เกียรติเชื่อฟัง
วันนี้ เราอยู่บนทางแยกสองทาง ทางหนึ่งต้องปีนขึ้นหน้าผา เหนื่อยและงานหนัก และใช้
ความพยายามและการเสียสละมากมาย
และอีกทางหนึง คือปล่อยให้แรงดึงดูดโลกพาร่างตกเหวลึก…
เราต้องเลือกทางสันติ… คนสีแดงได้เลือกมาตลอด
แต่เราเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถยอมแกล้งโง่ ยอมทนไปได้ตลอด
การแก้ปัญหาสังคมไทยวันนี้… มันอยู่ที่ความเสียสละและการมองบ้านเมืองเหนือกว่าประโยชน์
ส่วนตัวของชนชั้นศักดินาอภิสิทธิ์ครับ…
หากไม่ยอมเสียสละ และคิดแต่จะปกป้องประโยชน์ส่วนตน คนที่จะถูกผลักตกเหวตาม
รัฐบาลทรราช ไม่ใช่ใครอื่นหรอก… ท่านนั่นเอง…
(เอ แล้วใครหว่า?)

No comments:

Post a Comment