Thursday, May 12, 2016

DSI จ้องทำคดีพระธรรมกาย หรือจ้องทำลายพระศาสนา กันแน่

DSI จ้องทำคดีพระธรรมกาย หรือจ้องทำลายพระศาสนา กันแน่

ต้องยอมรับว่า คดีของพระธรรมกายเป็นคดีที่ประชาชนเรือนล้าน รวมถึงพระและบุคคลสำคัญทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจ 

การกระทำของ DSI ที่จ้องทำคดีพระธรรมกาย หรือแท้จริงแล้ว ต้องการทำลายพระศาสนา เพื่อให้คนของ กลุ่ม อำมาตย์ทรราช คสช. เข้านั้งในตำแหน่ง พระสังฆราช กันแน่

ความลับในห้อง ห้องกระจก วัดบวรฯ - พระลิขิต ว่าด้วยเงินอุดหนุนสังฆราช 300 ล้านบาทที่หายไป จะเป็นภูเขาไฟที่รอการปะทุ ได้จริงหรือ

และ การตื่นตัวของพระ และผู้ศรัทธาพระพุทธศาสนา จนท่านเจ้าคุณเบอร์ลิน ออกมากล่าวว่า 

"เนื่องจากช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการพระพุทธศาสนา ได้สร้างความยุ่งยากให้คณะสงฆ์ ก็ล้วนมีที่มาจากห้องกระจก ทั้งสิ้น"

แล้วก็ให้ข้อมูลตรงกัน

"ที่สำคัญต้นเหตุแห่งการเรื่องร้องเรียนเงินเกือบ 
300 ล้าน ของสมเด็จพระสังฆราช ในวันนี้ นั่นเอง"

ห้องกระจกฝั่งรากในวัดบวรนานแค่ไหน ?

สร้างความยุ่งยากให้วัดบวรมากน้อยเพียงไร ?


คนวัดบวรนั่นแหละรู้ดีที่สุด

พระ และคนที่เขามีใจเป็นธรรม รักความถูกต้อง รักวัดบวร และมีเคารพนับถือในองค์สมเด็จญาณฯ เขาอึดอัดกันทั้งนั้น จึงอยู่ในสถาพน้ำท่วมปาก 
พูดออกไปไม่ได้ มีแต่เสียกับเสีย ทั้งอาจเกิดอันตรายต่างๆกับตนอย่างไม่คาดคิดอีกด้วย ยิ่งเมื่อสมเด็จพระสังฆราชทรงอาพาธด้วยแล้วห้องกระจกก็ยิ่งปรากฏฉายรัศมีแห่งอำนาจมืด แผ่ครอบคลุมทั่วสังฆมณฑล หนักเข้าอีก
โดยเฉพาะ เกิดมีฤาษีคอยแปลงสาส์นสารพัดคือ

ให้พระอักษรเป็นพระลิขิต! 

ให้พระลิขิตเป็นพระบัญชา!

แล้วนำพระลิขิตไปแสวงหาผลประโยชน์นานาประการ ทั้งเงินทอง ตำแหน่ง ลาภยศ จนชื่อเสียงห้องกระจกเน่าฟอนเฟะ ส่งกลิ่นชั่วกลิ่นเหม็นไปทั่วบ้านทั่วเมือง ก็แปลกนะครับ กลิ่นเหม็นเหล่านี้พอเดินเข้าวัดบวรกลับกลายเป็นกลิ่นหอมไปได้ไงก็ไม่ทราบทุกคนเงียบหมด ไม่พระหรือคน

เรื่องเหล่านี้ ใครๆ เขารู้กันทั้งนั้น!! 

ด้วยทรงฤทธิ์ทรงเดช จึงปลุกเสกได้สารพัดดังนั้น จึงมีพระหลายรูปได้เป็นเจ้าคุณ จนถึงรองสมเด็จ โดยง่ายโดยแทบไม่ต้องถามหาคุณสมบัติ หรือกฎระเบียบใดๆทั้งสิ้นก็อิทธิฤทธิ์เพราะห้องกระจกนี้แหละบันดาลได้สารพัดนึก

ยังไม่เพียงแค่นั้น ฤทธิ์เดชชั่วนี้ ก็ยังขยายไปสู่อาณาจักรของคนไม่ใช่พระอีกนั่นก็คือ..... มีคนหลายคนได้เป็น นายพล นายพัน ก็เพราะห้องกระจกนี้ด้วยที่แทบไม่น่าเชื่อเลยก็คือ ....

"ดันมีอีกหลายคนเช่นกัน ที่ได้เป็นคุณหญิง คุณนาย เพราะห้องกระจกนี้เช่นกัน"ตำนานห้องกระจกนี้ BBC หรือCNN คงได้รู้สักวันนะครับ ในอนาคต 
ถึงเวลานั้นเมืองไทยอาจดังก้องโลกด้วยเรื่องเน่าๆ ก็ได้ คงสนุกกันบ้างงานนี้
ไอ้ที่เคยกระหยิ่มใจมาตลอดว่า..

"ใครมันจะมากล้ากับกู"

-------------------------------------------------------------------------------------

ข่าวเงิน 300 ล้านที่หายไป กลับกลายเป็นประเด็นเงียบ ทั้งๆที่มีหลักฐานชัดแจ้งในการเบิกจ่าย 

เรื่องราวทั้งหมด  ท่านเจ้าคุณแขก หนึ่งในผู้ทรงอำนาจ แห่งห้องกระจก พระแขก  แห่งเนปาล ที่เข้ามาอยู่ในวัดบวรฯ ตั้งแต่เด็ก ๆ รู้ดี  รู้แม้กระทั้งการเอาเงินดั่งกล่าวไปซื้อที่อะไรทีใหน เมื่อไร 

และรู้แม้กระทั้ง ครอบครัวของใครได้ผลประโยนช์ จากเงิน 300 ล้าน ของสมเด็จพระสังฆราช  ........... 

ใครกัน ................. เล่าที่กล้าเอาเงินของ สมเด็จพระสังฆราช ไป ใครกันที่ทรงอำนาจ ในห้องกระจก  ถ้าไม่ใช่ นางมารร้าย ที่ชื่ออังกาบ และทำไมไม่มีการขัดขวาง เพราะผลประโยนช์ที่แบ่งกัน ได้ลงตัว โดยการนำเงินของสมเด็จพระสังฆราช 300 ล้าน ไปซื้อที่ดิน ที่ ลุมพินี  เพื่อพัฒนาด้านธุรกิจ  แม้จะมีการกล่าวอ้างเรื่อง ทำเพื่อดำรงไว้ซึ่งพระพุทธพระศาสนา ก็ไม่ควร

เพราะนั้นมันเงินของพระ ของ สมเด็จพระสังฆราช  และเป็นเงินของแผ่นดิน 

หากเรามีเปรียบเทียบ ระหว่างเงินของแผ่นดิน กับเงินของประชาชน ในกรณี ของวัดพระธรรมกาย แล้วนั้น


มันชั่งแตกต่างกันราวหน้ามือกับหลังตีน อย่างเห็นได้ชัด


พระธัมมชโย ท่าน ไม่เคยทำสิ่งที่ไม่ดีเลย มีแต่ทำความดีและประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนา เงินที่ได้สร้างวัดสร้างความเจริญให้กับพระพทุธศาสนา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเงินบริจาคทั้งสิ้น 


ประเด็นที่น่าสงสัย ระหว่างเงินแผ่นดินกับเงินบริจาคของประชาชนผู้ศรัทธา
ทำไมสมุนของ ทรราช คสช. อย่าง DSI และมารศาสนาที่เกี่ยวข้องต้องการ ทำร้ายพระธัมมชโย 

1. ตอนนั้นคดีจบ เพราะบอกว่าเงินสหกรณ์บริจาคให้วัด 684 ล้าน และคนวัดเห็นใจสหกรณ์จึงรวบรวมกันคืนให้ทั้งหมด

2. ตอนนี้มาบอกว่าเงินสหกรณ์ที่หายเป็นหมื่นล้าน ย้ำหมื่นล้าน โยนความผิดมาให้วัด ทั้งๆที่ข้อมูลหลักฐานตอนนั้นชัดเจนมาก 684 ล้าน อย่างนั้นหรือ

3. ผลประโยชน์ของเรื่องนี้คืออะไร ใครกันที่ปลุกกระแสสร้างภาพลบๆให้พระพุทธศาสนา แล้วสุดท้ายใครที่ได้ผลประโยชน์ หากไม่ใช่ ทรราช คสช. ที่ต้องการ กำจัด สมเด็จช่วงและ เลื่อนการแต่งตั้งพระสังฆราช ออกไป อย่างไม่มีกำหนด 

เงินหายแต่ไม่ไป ต้องหาที่ที่มันหาย ทั้งเงินบริจาคให้วัดธรรมกาย ทำไมมันถึงแตกต่างกับเงินที่หายไปของ พระสังฆราช 

มารศาสนาอย่าง DSI ต้องการทำลายพระศาสนาไปทำไม ถ้าไม่มีคนสั่ง 

DSI และ ทรราช คสช. รู้หรือไหมว่าการทำเช่นนี้เป็นการ ปลุกพระ และประชาชนผู้ศรัทธาจะลุกขึ้นมา รวมตัวกันต่อต้าน ทรราช คสช. อย่างถึงที่สุดและนั้น จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง ขององค์กรพระพทุธศาสนา

หากการรวมตัวของพระ และประชาชนใน วันที่ 16 พ.ค.นี้ อาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศและคงไม่มีใครทนได้ เมื่อเห็น

"ทหารและข้าราชการของทรราช คสช. ฆ่าพระและทำลายพระศาสนา "

-
เสรีชน 


No comments:

Post a Comment