ตอบพลเอกประยุทธ์ผู้เป็นนายกรัฐมนตรี
ผมอ่านคำให้สัมภาษณ์ของท่านนายกจากหนังสือพิมพ์ พาดพิงที่ผมอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกรณีห้ามผมเดินทางออกนอกประเทศ ท่านบอกให้ดูพฤติกรรมผมในการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อปี ๒๕๕๓ ผมคือคนที่อยู่กลางราชประสงค์เป็นคนมาต่อรอง ศอฉ. ซึ่งท่านก็ดูแลให้แต่การชุมนุมไม่เลิกจนท้ายสุดเกิดความรุนแรง
ความจริงเรื่องนี้ผมไม่เคยนำมาเปิดเผยเก็บเป็นความลับมาตลอด แต่เมื่อท่านเปิดมาเองผมก็จะชี้แจงเพียงเท่าที่จำเป็น ผมไม่ใช่คนที่อยู่กลางราชประสงค์และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการชุมนุมแต่เป็นคนที่ช่วยในการเจรจาทำให้ลดการสูญของทั้งสองฝ่าย ทั้งเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ ๑๐ เมษายน ที่ผมเป็นคนประสานให้มีการหยุดยิงและแยกสองฝ่ายออกจากกัน ส่วนในวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ผมเป็นคนเดินฝ่ากระสุนปืนเข้าไปเจรจากับแกนนำเพื่อยุติการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์จนสำเร็จ ส่วนที่ว่าการชุมนุมไม่หยุดนั้นยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากแต่ผมไม่ขอพาดพิงเพราะยังมีคนที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน ผมเป็นเพียงคนกลางครับไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายใด บางครั้งฝ่ายรัฐบาลรับปากแล้วไม่ปฏิบัติตามคนเสื้อแดงก็ว่าผมไม่ได้และผมก็ไม่เคยเอามาเปิดเผย
ส่วนที่ว่าผมชอบโจมตีท่านนั้น ผมขอเรียนว่าทุกเรื่องที่ผมพูดคือเรื่องของประเทศ เริ่มต้นเมื่อท่านกับพวกใช้กำลังอาวุธเข้ายึดอำนาจผมดูแถลงการณ์ฉบับที่ ๑ ถึงเจตนารมณ์และความจำเป็นผมก็ถอยและหยุดดูท่านกับพวกทำงานมา ๑ ปีเต็มจนเห็นว่าเริ่มไม่เข้าท่าผมจึงออกมา สิ่งที่ผมรับไม่ได้คือพฤติกรรมที่จะสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญที่กำลังยกร่าง การแสดงท่าทีที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศ การลุแก่อำนาจของท่านและบริวารไม่รวมถึงการบริหารที่ล้มเหลวทุกด้าน แล้วท่านจะให้ผมเฉยปล่อยให้ท่านทำบ้านเมืองเสียหายต่อไปเหรอครับ อย่าอ้างว่าการร่างรัฐธรรมนูญท่านไม่เกี่ยวข้อง ลองส่งเสียงดังๆ ว่าจะรีบคืนอำนาจให้ประชาชนเค้าไปกำหนดวิถีทางทางการเมืองกันเอง หนุมานตัวใหนมันจะกล้าเหาะเกินกรุงลงกาครับนอกจากปากว่าตาขยิบเท่านั้น มีใครเค้าอยากทะเลาะกับหัวหน้าเผด็จการที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จบ้างล่ะครับ
ที่ผมฟ้องท่านขอให้ศาลเพิกถอนประกาศฉบับที่ ๒๑/๒๕๕๗ ที่ห้ามคนจำนวน ๑๕๕ คน เดินทางออกนอกประเทศนั้นก็เป็นการใช้สิทธิทางศาลแบบอารยะ เพราะผมเห็นว่าคำสั่งห้ามคนเดินทางนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่ท่านลงนามรับสนองพระบรมราชโองการเอง ในมาตรา ๔ เขียนซะหรูว่าจะคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคที่ชนชาวไทยเคยได้รับคุ้มครองและตามพันธกรณีระหว่างประเทศแต่การกระทำเป็นอีกอย่าง การห้ามคนเดินทางคือการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลอันถือเป็นสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายระหว่างประเทศ ที่สำคัญคือลูกน้องท่านทำเรื่องนี้โดยลุแก่อำนาจ เอามาต่อรองไม่ให้พวกผมวิจารณ์ท่านและรัฐบาล การอนุญาตหรือไม่ไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ บ่อยครั้งขอเดินทางไปยุโรปเครื่องบินออกตอนเที่ยงคืน ลูกน้องท่านแจ้งคำสั่งอนุญาตมาตอน ๑๖.๐๐ น. ทั้งที่ยื่นเรื่องขออนุญาตไปก่อนนับสิบวัน
อยากบอกท่านจริงๆ ว่าคำสั่งห้ามคนเดินทางไม่ก่อประโยชน์อะไรเลย ท่านกลัวเค้าไปสุมหัวกันแบบที่ ผบ.ทบ. เคยให้สัมภาษณ์ผมก็จะบอกว่าถ้าเค้าจะไปสุมหัวกันเค้าคงไม่ไปขออนุญาตท่านให้เป็นหลักฐานหรอกครับ การสื่อสารทุกวันนี้ทันสมัยที่เค้าจะสุมหัวกันคุยผ่านเครื่องมือสื่อสารได้โดยไม่ต้องเดินทาง คำสั่งห้ามเดินทางไม่ได้ทำให้เกิดความมั่นคงแต่กลับจะทำให้ท่านเสียหาย เพราะนอกจากจะเป็นการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลแล้วลูกน้องท่านยังเอาอำนาจนี้ไปใช้ตามอำเภอใจอีก อะไรที่ไม่จำเป็นหรือก่อประโยชน์ก็เลิกๆ ไปบ้างเถิดครับไม่ใช่เรื่องที่มาเอาแพ้เอาชนะกัน รัฐบาลท่านจะได้ดูดีขึ้นทันทีว่าไม่ได้จำกัดสิทธิและเสรีภาพไปซะทุกเรื่อง เอาเวลาไปคิดแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองดีกว่าครับ
วัฒนา เมืองสุข
No comments:
Post a Comment