Saturday, June 13, 2015

ดร.เพียงดิน รักไทย 2015-06-14 ตอน เมื่อบริษัทเหมืองทองของ "เจ้าไทย" ปล้น...







Download









ดร.เพียงดิน รักไทย 2015-06-14 ตอน เมื่อบริษัทเหมืองทองของ "เจ้าไทย" ปล้น...







Download









Volleyball men's Philippines vs Thailand (Day 9) | 28th SEA Games Singap...



Download










Volleyball men's Philippines vs Thailand (Day 9) | 28th SEA Games Singap...



Download



Download








เบื้องหลัง"กลุ่มดาวดิน"เดิมพันชีวิต เพื่อสู้เผด็จการทหาร



เบื้องหลัง"กลุ่มดาวดิน"เดิมพันชีวิต เพื่อสู้เผด็จการทหาร: Jom Voice / youtube

นักศึกษากลุ่มดาวดิน ประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา(ไผ่) นายพายุ บุญโสภณ(พายุ) และ นายภานุพงศ์ ศรีธนานุวัตร(ไนท์) ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia ถึงการยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อคัดค้านและต่อสู ้กับ รัฐบาลเผด็จการทหาร ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เป็นการต่อสู้กับความจริงที่ว่า รัฐประหาร และการใช้อำนาจเผด็จการในการบริหารประเทศ ได้สร้างความเสียหายและทำให้ประชาชนเดือดร ้อนอย่างมาก แม้ว่า คนไทยทั้งประเทศกำลังอยู่ในบรรยากาศที่เต็ มไปด้วยความหวาดกลัว แต่หากไม่มีใครกล้าออกมายืนหยัดต่อสู้ วงจรอุบาว์ทนี้ก็จะไม่มีวันจบสิ้น นี่คือการต่อสู้เพื่อยืนยันว่า คนไทยจำนวนมากไม่ยอมรับเผด็จการ ทหาร "พวกเราไม่กลัว และไม่เสียใจ กับสิ่งที่ได้ตัดสินใจทำ หากไม่ออกมาสู้ จะเป็นความเสียใจมากกว่า พวกเราต้องการสร้างบรรทัดฐานให้คนรุ่นหลัง ได้รู้ ว่า คนไทยไม่ต้องการให้อำนาจเผด็จการนำพาประเท ศให้ล้าหลังไปมากกว่านี้ และเราต้องการเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้นในส ังคมไทยอย่างแท้จริง เป็นความยุติธรรมที่เกิดจากกฎกติกาที่ยึดโ ยงกับประชาชน ไม่ใช่กติกาที่ถูกสร้างและควบคุมโดยผู้มีอ ำนาจ และชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว นี่คือ ความจริง นี่คืออาวุธที่พวกเราใช้ในการต่อสู้" นายจตุภัทร์กล่าว







Download







เบื้องหลัง"กลุ่มดาวดิน"เดิมพันชีวิต เพื่อสู้เผด็จการทหาร



เบื้องหลัง"กลุ่มดาวดิน"เดิมพันชีวิต เพื่อสู้เผด็จการทหาร: Jom Voice / youtube



นักศึกษากลุ่มดาวดิน ประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา(ไผ่) นายพายุ บุญโสภณ(พายุ) และ นายภานุพงศ์ ศรีธนานุวัตร(ไนท์) ให้สัมภาษณ์ Thaivoicemedia ถึงการยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อคัดค้านและต่อสู ้กับ รัฐบาลเผด็จการทหาร ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เป็นการต่อสู้กับความจริงที่ว่า รัฐประหาร และการใช้อำนาจเผด็จการในการบริหารประเทศ ได้สร้างความเสียหายและทำให้ประชาชนเดือดร ้อนอย่างมาก แม้ว่า คนไทยทั้งประเทศกำลังอยู่ในบรรยากาศที่เต็ มไปด้วยความหวาดกลัว แต่หากไม่มีใครกล้าออกมายืนหยัดต่อสู้ วงจรอุบาว์ทนี้ก็จะไม่มีวันจบสิ้น นี่คือการต่อสู้เพื่อยืนยันว่า คนไทยจำนวนมากไม่ยอมรับเผด็จการ ทหาร "พวกเราไม่กลัว และไม่เสียใจ กับสิ่งที่ได้ตัดสินใจทำ หากไม่ออกมาสู้ จะเป็นความเสียใจมากกว่า พวกเราต้องการสร้างบรรทัดฐานให้คนรุ่นหลัง ได้รู้ ว่า คนไทยไม่ต้องการให้อำนาจเผด็จการนำพาประเทศให้ล้าหลังไปมากกว่านี้ และเราต้องการเห็นความยุติธรรมเกิดขึ้นในส ังคมไทยอย่างแท้จริง เป็นความยุติธรรมที่เกิดจากกฎกติกาที่ยึดโ ยงกับประชาชน ไม่ใช่กติกาที่ถูกสร้างและควบคุมโดยผู้มีอ ำนาจ และชนชั้นนำเพียงกลุ่มเดียว นี่คือ ความจริง นี่คืออาวุธที่พวกเราใช้ในการต่อสู้" นายจตุภัทร์กล่าว







Download









ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ที่ศิริราช!! ในหลวงจะอยู่ถึง 120 ปี ฤา??






ฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ที่ศิริราช!! ในหลวงจะอยู่ถึง 12...























PIANGDIN ACADEMY: ข่าวลับกรองแล้ว 13 มิ.ย. 2558 ปู่หมดน้ำยาแล้ว โชว...





ข่าวลับกรองแล้ว13 มิถุนายน 2558



"ปู่หมดน้ำยารับคำท้าออกมาโชว์ตัวไม่ได้แล้ว"

สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/



*แต่เดิมใครท้าว่ากษัตริย์ภูมิพลหมดสภาพแล้วเป็นไม่ได้ท่านจะถ่อกายออกมาโชว์ทุกครั้งเพื่อยืนยันว่า"ข้ายังอยู่นะว้อย"แต่คราวนี้เห็นทีไม่มีอีกแล้วนับแต่กลับเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุดเพราะแม้ยังไม่หมดลมหายใจแต่แค่จะตั้งกายให้นั่งรถเข็นก็เป็นไปไม่ได้แล้ว...หากวันนี้อาจารย์สุรชัย แซ่ด่านจะประกาศท้าขี้ข้าก็ไม่กล้าเข็นออกมาให้ใครเห็นเพราะหมดสภาพจริงๆ...ยิ่งเห็นก็ยิ่งเสื่อมและสังเวชเพราะปากที่เคยหุบไม่ลงก็ยังคงเดิมแถมใบหน้าลูกกะตาก็จะเอ๋อตามภาวะของสมองที่หมดสภาพจากการช็อคและกู้คืนยาก...คงปิดบังอำพรางไม่ได้แล้ว

*ข่าววงในการกลับมาศิริราชครั้งล่าสุดนั้นเกิดอาการช็อคหมดสติจึงเกิดคำสั่งว.กระทันหันเร่งด่วนทั้งรถทั้งเครื่องบิน...จึงเกิดสายข่าวต่างประเทศรายงานว่าท่านเด็จทางฮ.แต่ไม่ว่าเด็จทางใหนหมอใหญ่ก็ไม่กล้าให้สัญญาว่าจะสามารถรักษาให้กลับมาแค่เก่า(ที่ปากหวอยกแขนไม่ขึ้น)ได้,วันนี้คงไม่กล้าปากแข็งสัญญาแล้ว







*ปิดอย่างไรก็ไม่มิดไม่รู้คิดได้อย่างไรที่แถลงว่า"เป็นการตรวจสุขภาพตามปกติ"แต่10กว่าวันแล้วยังตรวจไม่เสร็จสักที?...ถึงวันนี้ยังไม่มีแถลงการณ์เลยว่าอาการตรวจปกติเป็นอย่างไร?แต่กลับมีข่าวลือว่าตายแล้วทั่วประเทศพร้อมทั้งข่าวเตรียมพร้อมของทหารสายใครสายมันทั้งชายทั้งหญิงที่ทำท่าฮึ่มๆใส่กันตามมาไม่เว้นแต่ละวัน



*ความผิดปกติมีให้เห็นที่ศาลา100ปีศิริราชที่เคยตั้งโต๊ะแล้วเกณฑ์คนจากหน่วยราชการต่างๆทั่วประเทศใช้งบส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์เวียนกันเดินทางมาคารวะรูปภาพคล้ายๆเคารพรูปงานศพนั้นถูกยกเลิกแล้วเมื่อร่างของภูมิพลมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่1มิถุนายน...เหตุผลสำคัญเพราะนับแต่นี้กิจกรรมเกี่ยวกับรัชกาลที่9ที่แสดงออกถึงการมีพระพลานามัยสมบูรณ์จะต้องลดโทนลงทั้งหมดเพราะเห็นว่ากิจกรรมใดๆที่กระตุ้นให้คนสนใจและคอยแต่จะมาเฝ้ารับเสด็จล้วนแล้วแต่ไม่เป็นประโยชน์เพราะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความสนใจเกี่ยวกับ"พระอาการ"ที่"หมดอาการ"แล้ว,ยิ่งปกปิดข่าวหมดสภาพยากใหญ่...คิดแล้วมีแต่เสียมากกว่าได้

*สัญญานที่บอกให้รู้ความจริงว่าดวงตะวันเก่าจะลับฟ้าก็คือการสร้างภาพลักษณ์ของดวงตะวันใหม่ก็ดูเอาจริงเอาจังเสมือนการเสริมภาพฟ้าชาย(ที่ไม่ค่อยจะสร้างภาพ)เช่นทำการฟอกขาวภาพราชสำนักด้วยการปราบปรามขุนนางกังฉินอย่างนายมนตรีกรมวังที่เป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ...แต่สปท.มองเกมส์นี้ว่าฟ้าชายยิงนกด้วยกระสุนนัดเดียวแต่ได้นกทั้งฝูงเพราะสิ่งที่ได้แน่ๆคือแสดงบารมีอำนาจว่าคนในวังถ้ายังรักชีวิตที่สุขสบายก็ทำตัวให้ดีๆในช่วงเปลี่ยนผ่านไม่เช่นนั้นจะเจอของแข็ง



*แม้หมอไม่แถลงเรื่องจริงแต่โอบาม่าประธานาธิบดีสหรัฐแถลงเองก็ได้...อาการโคม่าของภูมิพลในการกลับเข้าศิริราชอย่างฉุกเฉินรายงานถึงทำเนียบขาวจนโอบามาต้องออกมาพูดถึงในงานต้อนรับผู้นำเยาวชนแห่งเอเซียที่ทำเนียบขาว



*สัญญานใหญ่ที่ประยุทธ์บอกใบ้ด้วยตัวเองว่ากษัตริย์ใกล้ม้วยมรณาก็คือการส่งสัญญานว่าจะอยู่ต่ออีกสองปีโดยให้พระสุวิท(พุดไถอิสระ)พาพรรคพวกออกมายื่นหนังสือเรียกร้องให้ทำประชามติขอให้ยุทธ์เหล่อยู่ต่อเพราะคสช.เตรียมแผนไว้แต่ต้นว่าเวลากษัตริย์ใกล้ตายคือนาทีทองของการเสวยอำนาจ,เมื่อได้จังหวะสุเทพก่อหวอดคสช.ก็ช่วยหนุนและวันนี้ก็ปล้นอำนาจสำเร็จแล้วเมื่อกษัตริย์ตายอย่างไงก็เลือกตั้งไม่ได้เพราะแค่จัดงานศพก็หมดปีแล้วก็เข้าล็อคจึงแพลมไต๋ทันทีให้มีสุนัขรับใช้ออกมาเห่าหอนถามทาง...สภาพฝันหวานของยุทธ์เหล่ที่ทำเฉไฉมองเห็นแล้วไทยฉิบหายแน่ๆ

*เข้าล็อคเสรีไทยที่เลขาใหญ่จารุพงศ์ประกาศกับประชาชนมาตั้งแต่ต้นเมื่อรัฐประหารเสร็จใหม่ๆว่าอย่างไงอย่างไง๋คสช.ก็จะไม่ให้มีเลือกตั้งแน่นอน...วันนี้ก็ชัดเจนแล้ว



*ประธานาธิบดีอเมริกา(ไม่ได้นั่งว่างๆแบบประยุทธ์ที่วันๆนั่งคิดแต่ถ้อยคำที่จะใช้เสียดสีนักข่าวและแสวงหาอำนาจไม่รู้จบ)ร้อยวันพันปีไม่ได้พูดถึงอาการป่วยของกษัตริย์ภูมิพลเลย(ทั้งที่ป่วยมานาน)ยังต้องเอ่ยถึงสุขภาพเป็นครั้งแรกเพราะได้รับรายงานสายตรงจากสถานฑูตในไทยและสำนักข่าวกรองที่ได้ข่าวจากก้นวังอย่างแม่นยำว่ากษัตริย์ภูมิพลหมดสภาพแล้ว...จากนี้จะพูดอีกทีตอนไว้อาลัย

*ใครก็รู้ว่ากษัตริย์ภูมิพลคือผู้กุมนโยบายรัฐตัวจริง(ยกเว้นอาจารย์มหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่ไม่รู้)ดังนั้นการจะจากไปของกษัตริย์ภูมิพลหมายถึงความเสี่ยงภัยทางนโยบายของไทยที่สหรัฐอเมริกาจะต้องจับตามองหลังจากที่ไทยมีนโยบายคงที่มายาวนานกว่า50ปีตลอดรัชสมัย...นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่โอบามาออกมากล่าวถึงและมีภาพนั่งคุยกับทักษิณสองต่อสองที่เยอรมันออกเผยแพร่



*เห็นภาพทักษิณนั่งคุยกับโอบามาก็ยิ่งเวทนาประยุทธ์กับพลเอกธนะศักดิ์ที่วิ่งไล่งับยึดพาสปอร์ตและจะถอดยศทักษิณเพราะนั่งคุมงานต่างประเทศแต่เกรดต่ำแค่งานอาชีวะ

*ทำท่าไล่ล่าจะถอดยศทักษิณทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิดฆ่าคน...ระวังให้ดีเดือนนี้เป็นเดือนตายของรัชกาลที่8ที่ทุกคนรู้แล้วว่ากษัตริย์ภูมิพลเป็นคนสังหารพี่ชายระวังอีกไม่นานจะมีคนเสนอให้ถอดยศกษัตริย์ภูมิพลในฐานะฆาตรกรตัวจริงรวมทั้งการสั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์14ตุลา2516 และ6ตุลา2519และกรณีเหตุการณ์ราชประสงค์เลือด"ไอ้เหี้ยสั่งฆ่าอีห่าสั่งยิง"รวมทั้งคณะคสช.ทั้งชุดที่เป็นมือสังหาร...เพราะประยุทธ์ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าพระราชาก็ต้องตายแต่ประวัติศาสตร์ของประชาชนที่ถูกต้องเป็นจริงจะต้องปรากฎขึ้น



*ภาพการปรากฎตัวของทักษิณในที่สาธารณะปรากฎถี่ขึ้น,ภาพยิ่งลักษณ์ก็กระชั้นถี่ในประเทศถ้าประยุทธ์ยังไม่รู้ทีว่านี้คือสัญญานทางการเมืองที่กำลังบอกยุทธ์เหล่ว่างานกำลังจะเข้าก็คงจะสมแล้วกับการเป็นตุ๊กตาของเล่นของวังที่ชอบปั้นคนโง่ๆไว้ใช้งาน



*อย่าคาดหวังว่าข่าวกษัตริย์ภูมิพลสิ้นชีวิตจะเกิดขึ้นในเร็ววันเพื่อจะเกิดรัชกาลใหม่เพราะขบวนการยื้ออำนาจในราชสำนักจะดึงให้ยาวนานที่สุดแม้ตายแล้วก็จะเก็บร่างไว้เพื่อใช้เป็นเหตุว่าท่านยังอยู่ก็ยังตั้งรัชกาลใหม่ไม่ได้ตาม"สังฆราชญานสังวรโมเดล"จนวันนี้นานกว่า10ปีแล้วมีแต่ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสังฆราชโดยอ้างราชประเพณี...ชัดเจนแล้วว่ารัชกาลที่10ไม่มี(จะมีก็แต่ผู้สำเร็จราชกาลแทน)และคนที่ทำลายสถาบันกษัตริย์มิใช่ใครอื่นคือกษัตริย์ภูมิพลเอง

*การสถาปณารัชกาลที่10เมื่อรัชกาลที่9ไม่ทำ,องคมนตรีก็ไม่จัดการส่วนรัฐบาลก็อาศัยหารับประทานไปวันๆแล้วจะให้ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำเพราะเศรษฐกิจฝืดเคืองเป็นคนทำเรื่องนี้ได้อย่างไร?...ความรับผิดชอบของคนพวกนี้ที่เฝ้าสอนประชาชนให้"รับผิดชอบต่อหน้าที่"อยู่ที่ใหนกัน?



*ย้ำอีกทีนับแต่นี้ไปกฎหมายไทยทั้งหมดเถื่อนหมดและการใดๆทั้งหมดที่อ้างว่ากษัตริย์ภูมิพลเป็นผู้ลงนามล้วนแล้วแต่ปลอมลายเซนต์ทั้งสิ้นเพราะป๋าอ้าขายกแขนไม่ได้แล้ว



*สายข่าววงในของสปท.ยังมีประสิทธิภาพพิสูจน์ได้จากข่าวขณะนี้ว่า"คุณพ่อตา"ของเสี่ยหรือคุณพ่อของราชองครักษ์หญิงคนสำคัญที่ทำงานเก่งมากปีเดียวยศขึ้นจากพันตรีเป็นพลอากาศตรีหญิงสุธิตากำลังนอนพักฟื้นจากการผ่าตัดตับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชเหมือนกัน(ทั้งที่ข่าวหนังสือพิมพ์ไม่ได้ลง)แต่ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว...พบกันใหม่ในเร็ววันหากมีข่าวด่วนยิ่งกว่านี้//



-----------จบ-----------















ข่าวลับกรองแล้ว 13 มิ.ย. 2558 ปู่หมดน้ำยาแล้ว โชว์ตัวอีกไม่ได้แล้ว!!!



ข่าวลับกรองแล้ว13 มิถุนายน 2558

"ปู่หมดน้ำยารับคำท้าออกมาโชว์ตัวไม่ได้แล้ว"
สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/

*แต่เดิมใครท้าว่ากษัตริย์ภูมิพลหมดสภาพแล้วเป็นไม่ได้ท่านจะถ่อกายออกมาโชว์ทุกครั้งเพื่อยืนยันว่า"ข้ายังอยู่นะว้อย"แต่คราวนี้เห็นทีไม่มีอีกแล้วนับแต่กลับเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุดเพราะแม้ยังไม่หมดลมหายใจแต่แค่จะตั้งกายให้นั่งรถเข็นก็เป็นไปไม่ได้แล้ว...หากวันนี้อาจารย์สุรชัย แซ่ด่านจะประกาศท้าขี้ข้าก็ไม่กล้าเข็นออกมาให้ใครเห็นเพราะหมดสภาพจริงๆ...ยิ่งเห็นก็ยิ่งเสื่อมและสังเวชเพราะปากที่เคยหุบไม่ลงก็ยังคงเดิมแถมใบหน้าลูกกะตาก็จะเอ๋อตามภาวะของสมองที่หมดสภาพจากการช็อคและกู้คืนยาก...คงปิดบังอำพรางไม่ได้แล้ว
*ข่าววงในการกลับมาศิริราชครั้งล่าสุดนั้นเกิดอาการช็อคหมดสติจึงเกิดคำสั่งว.กระทันหันเร่งด่วนทั้งรถทั้งเครื่องบิน...จึงเกิดสายข่าวต่างประเทศรายงานว่าท่านเด็จทางฮ.แต่ไม่ว่าเด็จทางใหนหมอใหญ่ก็ไม่กล้าให้สัญญาว่าจะสามารถรักษาให้กลับมาแค่เก่า(ที่ปากหวอยกแขนไม่ขึ้น)ได้,วันนี้คงไม่กล้าปากแข็งสัญญาแล้ว


*ปิดอย่างไรก็ไม่มิดไม่รู้คิดได้อย่างไรที่แถลงว่า"เป็นการตรวจสุขภาพตามปกติ"แต่10กว่าวันแล้วยังตรวจไม่เสร็จสักที?...ถึงวันนี้ยังไม่มีแถลงการณ์เลยว่าอาการตรวจปกติเป็นอย่างไร?แต่กลับมีข่าวลือว่าตายแล้วทั่วประเทศพร้อมทั้งข่าวเตรียมพร้อมของทหารสายใครสายมันทั้งชายทั้งหญิงที่ทำท่าฮึ่มๆใส่กันตามมาไม่เว้นแต่ละวัน

*ความผิดปกติมีให้เห็นที่ศาลา100ปีศิริราชที่เคยตั้งโต๊ะแล้วเกณฑ์คนจากหน่วยราชการต่างๆทั่วประเทศใช้งบส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์เวียนกันเดินทางมาคารวะรูปภาพคล้ายๆเคารพรูปงานศพนั้นถูกยกเลิกแล้วเมื่อร่างของภูมิพลมาถึงโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่1มิถุนายน...เหตุผลสำคัญเพราะนับแต่นี้กิจกรรมเกี่ยวกับรัชกาลที่9ที่แสดงออกถึงการมีพระพลานามัยสมบูรณ์จะต้องลดโทนลงทั้งหมดเพราะเห็นว่ากิจกรรมใดๆที่กระตุ้นให้คนสนใจและคอยแต่จะมาเฝ้ารับเสด็จล้วนแล้วแต่ไม่เป็นประโยชน์เพราะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความสนใจเกี่ยวกับ"พระอาการ"ที่"หมดอาการ"แล้ว,ยิ่งปกปิดข่าวหมดสภาพยากใหญ่...คิดแล้วมีแต่เสียมากกว่าได้
*สัญญานที่บอกให้รู้ความจริงว่าดวงตะวันเก่าจะลับฟ้าก็คือการสร้างภาพลักษณ์ของดวงตะวันใหม่ก็ดูเอาจริงเอาจังเสมือนการเสริมภาพฟ้าชาย(ที่ไม่ค่อยจะสร้างภาพ)เช่นทำการฟอกขาวภาพราชสำนักด้วยการปราบปรามขุนนางกังฉินอย่างนายมนตรีกรมวังที่เป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ ...แต่สปท.มองเกมส์นี้ว่าฟ้าชายยิงนกด้วยกระสุนนัดเดียวแต่ได้นกทั้งฝูงเพราะสิ่งที่ได้แน่ๆคือแสดงบารมีอำนาจว่าคนในวังถ้ายังรักชีวิตที่สุขสบายก็ทำตัวให้ดีๆในช่วงเปลี่ยนผ่านไม่เช่นนั้นจะเจอของแข็ง

*แม้หมอไม่แถลงเรื่องจริงแต่โอบาม่าประธานาธิบดีสหรัฐแถลงเองก็ได้...อาการโคม่าของภูมิพลในการกลับเข้าศิริราชอย่างฉุกเฉินรายงานถึงทำเนียบขาวจนโอบามาต้องออกมาพูดถึงในงานต้อนรับผู้นำเยาวชนแห่งเอเซียที่ทำเนียบขาว

*สัญญานใหญ่ที่ประยุทธ์บอกใบ้ด้วยตัวเองว่ากษัตริย์ใกล้ม้วยมรณาก็คือการส่งสัญญานว่าจะอยู่ต่ออีกสองปีโดยให้พระสุวิท(พุดไถอิสระ)พาพรรคพวกออกมายื่นหนังสือเรียกร้องให้ทำประชามติขอให้ยุทธ์เหล่อยู่ต่อเพราะคสช.เตรียมแผนไว้แต่ต้นว่าเวลากษัตริย์ใกล้ตายคือนาทีทองของการเสวยอำนาจ,เมื่อได้จังหวะสุเทพก่อหวอดคสช.ก็ช่วยหนุนและวันนี้ก็ปล้นอำนาจสำเร็จแล้วเมื่อกษัตริย์ตายอย่างไงก็เลือกตั้งไม่ได้เพราะแค่จัดงานศพก็หมดปีแล้วก็เข้าล็อคจึงแพลมไต๋ทันทีให้มีสุนัขรับใช้ออกมาเห่าหอนถามทาง...สภาพฝันหวานของยุทธ์เหล่ที่ทำเฉไฉมองเห็นแล้วไทยฉิบหายแน่ๆ
*เข้าล็อคเสรีไทยที่เลขาใหญ่จารุพงศ์ประกาศกับประชาชนมาตั้งแต่ต้นเมื่อรัฐประหารเสร็จใหม่ๆว่าอย่างไงอย่างไง๋คสช.ก็จะไม่ให้มีเลือกตั้งแน่นอน...วันนี้ก็ชัดเจนแล้ว

*ประธานาธิบดีอเมริกา(ไม่ได้นั่งว่างๆแบบประยุทธ์ที่วันๆนั่งคิดแต่ถ้อยคำที่จะใช้เสียดสีนักข่าวและแสวงหาอำนาจไม่รู้จบ)ร้อยวันพันปีไม่ได้พูดถึงอาการป่วยของกษัตริย์ภูมิพลเลย(ทั้งที่ป่วยมานาน)ยังต้องเอ่ยถึงสุขภาพเป็นครั้งแรกเพราะได้รับรายงานสายตรงจากสถานฑูตในไทยและสำนักข่าวกรองที่ได้ข่าวจากก้นวังอย่างแม่นยำว่ากษัตริย์ภูมิพลหมดสภาพแล้ว...จากนี้จะพูดอีกทีตอนไว้อาลัย
*ใครก็รู้ว่ากษัตริย์ภูมิพลคือผู้กุมนโยบายรัฐตัวจริง(ยกเว้นอาจารย์มหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่ไม่รู้)ดังนั้นการจะจากไปของกษัตริย์ภูมิพลหมายถึงความเสี่ยงภัยทางนโยบายของไทยที่สหรัฐอเมริกาจะต้องจับตามองหลังจากที่ไทยมีนโยบายคงที่มายาวนานกว่า50ปีตลอดรัชสมัย...นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่โอบามาออกมากล่าวถึงและมีภาพนั่งคุยกับทักษิณสองต่อสองที่เยอรมันออกเผยแพร่

*เห็นภาพทักษิณนั่งคุยกับโอบามาก็ยิ่งเวทนาประยุทธ์กับพลเอกธนะศักดิ์ที่วิ่งไล่งับยึดพาสปอร์ตและจะถอดยศทักษิณเพราะนั่งคุมงานต่างประเทศแต่เกรดต่ำแค่งานอาชีวะ
*ทำท่าไล่ล่าจะถอดยศทักษิณทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิดฆ่าคน...ระวังให้ดีเดือนนี้เป็นเดือนตายของรัชกาลที่8ที่ทุกคนรู้แล้วว่ากษัตริย์ภูมิพลเป็นคนสังหารพี่ชายระวังอีกไม่นานจะมีคนเสนอให้ถอดยศกษัตริย์ภูมิพลในฐานะฆาตรกรตัวจริงรวมทั้งการสั่งฆ่าประชาชนในเหตุการณ์14ตุลา2516 และ6ตุลา2519และกรณีเหตุการณ์ราชประสงค์เลือด"ไอ้เหี้ยสั่งฆ่าอีห่าสั่งยิง"รวมทั้งคณะคสช.ทั้งชุดที่เป็นมือสังหาร...เพราะประยุทธ์ไม่ได้อยู่ค้ำฟ้าพระราชาก็ต้องตายแต่ประวัติศาสตร์ของประชาชนที่ถูกต้องเป็นจริงจะต้องปรากฎขึ้น

*ภาพการปรากฎตัวของทักษิณในที่สาธารณะปรากฎถี่ขึ้น,ภาพยิ่งลักษณ์ก็กระชั้นถี่ในประเทศถ้าประยุทธ์ยังไม่รู้ทีว่านี้คือสัญญานทางการเมืองที่กำลังบอกยุทธ์เหล่ว่างานกำลังจะเข้าก็คงจะสมแล้วกับการเป็นตุ๊กตาของเล่นของวังที่ชอบปั้นคนโง่ๆไว้ใช้งาน

*อย่าคาดหวังว่าข่าวกษัตริย์ภูมิพลสิ้นชีวิตจะเกิดขึ้นในเร็ววันเพื่อจะเกิดรัชกาลใหม่เพราะขบวนการยื้ออำนาจในราชสำนักจะดึงให้ยาวนานที่สุดแม้ตายแล้วก็จะเก็บร่างไว้เพื่อใช้เป็นเหตุว่าท่านยังอยู่ก็ยังตั้งรัชกาลใหม่ไม่ได้ตาม"สังฆราชญานสังวรโมเดล"จนวันนี้นานกว่า10ปีแล้วมีแต่ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสังฆราชโดยอ้างราชประเพณี...ชัดเจนแล้วว่ารัชกาลที่10ไม่มี(จะมีก็แต่ผู้สำเร็จราชกาลแทน)และคนที่ทำลายสถาบันกษัตริย์มิใช่ใครอื่นคือกษัตริย์ภูมิพลเอง
*การสถาปณารัชกาลที่10เมื่อรัชกาลที่9ไม่ทำ,องคมนตรีก็ไม่จัดการส่วนรัฐบาลก็อาศัยหารับประทานไปวันๆแล้วจะให้ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำเพราะเศรษฐกิจฝืดเคืองเป็นคนทำเรื่องนี้ได้อย่างไร?...ความรับผิดชอบของคนพวกนี้ที่เฝ้าสอนประชาชนให้"รับผิดชอบต่อหน้าที่"อยู่ที่ใหนกัน?

*ย้ำอีกทีนับแต่นี้ไปกฎหมายไทยทั้งหมดเถื่อนหมดและการใดๆทั้งหมดที่อ้างว่ากษัตริย์ภูมิพลเป็นผู้ลงนามล้วนแล้วแต่ปลอมลายเซนต์ทั้งสิ้นเพราะป๋าอ้าขายกแขนไม่ได้แล้ว

*สายข่าววงในของสปท.ยังมีประสิทธิภาพพิสูจน์ได้จากข่าวขณะนี้ว่า"คุณพ่อตา"ของเสี่ยหรือคุณพ่อของราชองครักษ์หญิงคนสำคัญที่ทำงานเก่งมากปีเดียวยศขึ้นจากพันตรีเป็นพลอากาศตรีหญิงสุธิตากำลังนอนพักฟื้นจากการผ่าตัดตับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชเหมือนกัน(ทั้งที่ข่าวหนังสือพิมพ์ไม่ได้ลง)แต่ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว...พบกันใหม่ในเร็ววันหากมีข่าวด่วนยิ่งกว่านี้//

-----------จบ-----------





ชมและเชียร์ฟุตบอลรอบรองชนะเลิศ ไทย-อินโดนีเซีย ที่นี่ 13 มิ.ย. 2558









Football Mens Semi-Final 2 | 28th SEA Games Singapore 2015









จิตร ภูมิศักดิ์-อาณาจักรความรัก



Download








จิตร ภูมิศักดิ์-อาณาจักรความรัก

<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="344" src="https://www.youtube.com/embed/9Cvee29KetM" width="459"></iframe><br />
<a href="https://centrexity.com/vidconverter#www.blogger.com/blog-this.g?n=%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3+%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%8C-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81&amp;source=youtube&amp;b=%3Ciframe+width%3D%22459%22+height%3D%22344%22+src%3D%22https://www.youtube.com/embed/9Cvee29KetM%22+frameborder%3D%220%22+allowfullscreen%3E%3C/iframe%3E&amp;eurl=https://i.ytimg.com/vi/9Cvee29KetM/hqdefault.jpg" id="ytconverterbutton" style="color: white; left: 4px; padding: 10px; position: fixed; top: 30px; z-index: 99999;" target="_blank"><span class="yt-uix-clickcard">Download</span></a>

<div><script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- Responsive2replace-728X90 -->
<ins class="adsbygoogle"
     style="display:block"
     data-ad-client="ca-pub-6155719088590389"
     data-ad-slot="1078669703"
     data-ad-format="auto"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script></div>

<div><script async src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- มีนา13 -->
<ins class="adsbygoogle"
     style="display:block"
     data-ad-client="ca-pub-6155719088590389"
     data-ad-slot="3141145708"
     data-ad-format="auto"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script></div>

คู่มือการต่อต้านรัฐประหาร แบบสันติวิธีอย่างสร้างสร...






























คู่มือการต่อต้านรัฐประหาร
แบบสันติวิธีอย่างสร้างสรรค์
ภูมิวัติ นุกิจ กลุ่มรองเท้าแตะ

http://www.9dern.com/rsa/view.php?id=1295
ประเทศเป็นของประชาชน อำนาจในการปกครองเป็นของประชาชน และอธิปไตยต่างเป็นของประชาชนเช่นกัน
การรัฐประหารคือศัตรูของประชาชน เนื่องจากการรัฐประหาร
คือการทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้น
เชิง ซึ่งการรัฐประหารก็คือการประหารรัฐนั้นเอง
โดยคณะผู้ก่อการทุกคณะต่างไม่เคยเชื่อมั่นในการแก้ไขการเปลี่ยนผ่านวิกฤติทางการเมืองโดยพลังของประชาชนเอง
การออกกฏ คำสั่งหรือประกาศต่างๆ ถือเป็นการ
กระทำที่ขัดต่อศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ของแต่ละบุคคล
และขัดต่อสิทธิความเป็นคนโดยธรรมชาติที่จะหายใจ ที่เคลื่อนไหว ที่จะคิด ที่จะเขียน
ที่จะอ่าน หรือที่จะพูดคุยสื่อสารกันอย่างมีอารยะในหมู่ประชาชน
พึงตระหนักเถิดว่าประชาชนคือเจ้าของประเทศผู้เสียภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม
ปืนทุกกระบอก รถถังทุกคัน ระเบิดทุกลูก เสื้อผ้าที่คณะเผด็จการผู้ก่อการสวมใส่
หรือบ้านพักและรถประจำตำแหน่งฯลฯล้วนมาจากเงินและหยาดเหงื่อของประชาชน

ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนไม่เคยได้อะไรจากการรัฐประหาร
สิ่งที่ได้คือความอดอยาก
ความหวาดกลัวและการถูกบังคับให้อยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการของคณะผู้ก่อการทุกยุคทุกสมัย
และสิ่งที่ผู้ก่อการพยามทำให้สำเร็จก็คือการโฆษณาชวนเชื่อต่อประชาชน
การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง เพื่อมอมเมาประชาชนให้เชื่อ
และสิ่งสำคัญที่คณะเผด็จการผู้ก่อการทุกคณะต้องทำคือการสืบทอดอำนาจของตนเอง
เพื่อป้องกันการรัฐประหารซ้อน การถูกเอาคืน
เนื่องจากหากการทำรัฐประหารผิดพลาดถือว่าเป็นกบฏต่อรัฐ
ในความเป็นจริงการรัฐประหารก็คือการเป็นกบฏต่อคนส่วนใหญ่อย่างชัดเจน
เพราะเป็นการกระทำของบุคคลหรือคณะเพียงกลุ่มเดียว
และการรัฐประหารมันมีปัญหาในตัวของมันเองทั้งในแง่ของเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์
นิติศาสตร์ฯลฯ
เพราะประชาชนคนทุกข์ยากได้เรียนรู้แล้วว่าจะไม่อนุญาตให้คณะบุคคลมากำหนดชีวิตเขาอย่างแน่นอน
สิ่งสำคัญอีกประการที่คณะผู้ทำการรัฐประหารต้องทำ
ก็คือแสวงหาผลประโยชน์แบ่งเค้กความสำเร็จกันในหมู่พรรคพวกผู้ก่อการ
ดังนั้นประชาชนทั้งหลายย่อมมีสิทธิ ที่จะต่อต้านคณะเผด็จการ
ได้ในทุกรูปแบบทั้งโดยสงบ สันติและเปิดเผยดังต่อไปนี้
บัญญัติ 14 ประการคัดค้านรัฐประหาร
ทันทีที่มีการรัฐประหาร ขอให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศพร้อมใจกันดำเนินการดังต่อไปนี้
1. หากหยุดงานได้พร้อมใจกันหยุดงานทั่วประเทศโดยทันที
เพื่อเป็นการไม่ให้ความร่วมมือกับคณะเผด็จการผู้ก่อการ
2. ออกมายืนตามท้องถนน
ถ้ามีการปราบให้สลายตัวกลับเข้าบ้านหรือที่ทำงาน แล้วจึงออกมาใหม่ หรือให้พยามหลบภัยเข้าไปยังสำนักงานสหประชาชาติ
(ประจำประเทศไทย) ให้ได้
3 . จอดรถ หรือนำสิ่งของทิ้งไว้กลางถนน
เพื่อขวางการเคลื่อนย้ายกำลังพล และอาวุธของคณะเผด็จการผู้ก่อการ
4 . ปฏิเสธคำสั่ง หรือประกาศใดๆ
และไม่ให้ความร่วมมือทุกประการแก่คณะรัฐประหาร
5 . พยายามเป็นมิตรกับทหารที่เป็นลูกหลานของเรา
ซึ่งที่เขาไม่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารและชักชวนเขามาร่วมคัดค้านรัฐประหาร
6 . ยึดมั่นในสันติวิธี
ผูกผ้าสีเขียวไว้ที่แขนเพื่อความสมานฉันท์ และเป็นสัญลักษณ์ของสันติวิธี
ให้อดกลั้นต่อความโกรธ แม้จะถูกยั่วยุและปราบปราม
7 . โทรศัพท์ โทรสาร อีเมล์หรือส่งข้อความ
หรือใช้วิธีส่งข่าวอื่นๆเพื่อขยายการคัดค้านรัฐประหารให้กว้างขวางออกไปให้มากที่สุด
8 . คณะผู้ก่อการรัฐประหารเดินทางไปที่ไหนให้
พี่น้องประชาชนที่อยู่ที่นั่น ช่วยกันประณาม โดยการก่นด่าหรือตะโกน
เพื่อแสดงออกอย่างชอบธรรมว่าประชาชนไม่ ยอมรับคณะผู้ก่อการ
9. ประณามองค์กรภาคประชาชน สื่อมวลชนหรือองค์กร
หน่วยงานต่างๆที่สนับสนุนการรัฐประหาร
10. งด หรือไม่ซื้อสินค้าของกลุ่มทุนที่สนับสนุนการรัฐประหาร
หากมาตรการขั้นแรกไม่ได้ผลให้ดำเนินการต่อไปดังนี้
11. ถอนเงินออกจากธนาคารทุกแห่ง
12.ขายหุ้นที่มีอยู่ออกให้หมด
และขายเงินบาทไปซื้อเงินดอลล่าร์มาเก็บไว้
13.ถ้าเป็นข้าราชการ ก็ให้ลาออก
หากทำไม่ได้ให้เลี่ยงงานหรือเฉื่อยงาน และช่วยกันส่งข้อมูล
ข้อเท็จจริงที่มีอยู่เกี่ยวกับการทำรัฐประหารของคณะผู้ก่อการให้กับประชาชนที่ต่อต้านการรัฐประหาร
14.งดจ่ายภาษี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ
แนวทางเพื่อการต่อต้านรัฐประหาร
การต่อสู้เพื่อต้านรัฐประหารสามารถกำหนดแนวทางต่างๆที่เฉพาะเจาะจง
เพื่อเป็นพื้นฐานขั้นต้นของยุทธวิธีต่อต้านรัฐประหารให้มีประสิทธิภาพดังนี้
1.ไม่ยอมรับการรัฐประหารนั้น
และประณามผู้นำกลุ่มรัฐประหารว่าไม่มีความถูกต้องชอบธรรม
และสมควรได้รับการปฏิเสธหากก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาล
การก่นประณามผู้ก่อการนี้ควรได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำที่มีคุณธรรม
, ผู้นำทางการเมืองและทางศาสนา,เจ้าหน้าที่รัฐและสมาชิกของสถาบันทางสังคมต่างๆทั้งหมด (อันได้แก่
สถาบันการศึกษา
, สื่อมวลชน และการสื่อสาร)
รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ทั้งในระดับชาติ
ท้องถิ่น ภูมิภาค หรือจังหวัด ตลอดจนประชาชนในภาคส่วนต่างๆ
2. ปฏิเสธที่จะกระทำการใดๆ
ที่เป็นการสร้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มผู้ก่อการรัฐประหาร ทั้งนี้ รวมไปถึงการไม่พยายามให้ผู้นำทางการเมืองที่ถูกกฎหมายไปเจรจาประนีประนอมกับกลุ่มคนเหล่านี้
3 .ให้ถือว่าคำสั่งและประกาศต่างๆของคณะรัฐประหาร
ที่ขัดแย้งกับกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
และไม่ต้องให้ความเคารพเชื่อฟัง
4 .พยายามให้การต่อต้านทั้งหมดเป็นไปอย่างสันติวิธี
เพื่อทำการต่อต้านรัฐประหารอย่างมีประสิทธิผลสูงที่สุด
อย่ากระตุ้นให้เกิดการกระทำอันรุนแรง หรือขาดความรอบคอบสุขุม
5 .ปฏิเสธและไม่เชื่อฟังกลุ่มรัฐประหารไม่ว่าจะกระทำการใดๆ
ที่เพื่อสถาปนาตนเองและเข้าควบคุมเครื่องมือของรัฐและสังคม
6 .ไม่ให้ความร่วมมือแก่ผู้ก่อการรัฐประหารทุกๆวิถีทาง
ผู้จะดำเนินการเช่นนี้หมายรวมไปถึงประชาชนทั่วไป
,ผู้เชี่ยวชาญและข้าราชการทุกคน,
ผู้นำทางการเมืองทุกคนของรัฐและพรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรค
รัฐบาลชุดก่อน,หน่วยงานกลางและหน่วยงานทุกหน่วยงาน
ทุกกระทรวง
,ทบวง,กรม,กอง ระดับภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กลุ่มสาขาอาชีพและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ,
พนักงานทุกคนขององค์กรประเภทสื่อและองค์กรด้านการสื่อสาร,พนักงานทุกคนของระบบขนส่ง, ตำรวจ,ทหารและกรมกองต่างๆในกองทัพ,ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตุลาการทุกคน,พนักงานในสถาบันการเงินทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชน
ตลอดจนเจ้าหน้าที่และสมาชิกของสถาบันอื่นๆทั้งหมดของสังคม
7.ไม่ยอมรับคำสั่งและระเบียบข้อบังคับของคณะรัฐประหาร
แต่ยังคงรักษาหน้าที่ตามปกติของสังคม
หากว่าภาระหน้าที่นั้นสอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนเกิดรัฐประหาร
รวมไปถึงกฎหมาย และนโยบายของรัฐและสถาบันทางสังคมที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนภาระหน้าที่ของประชาชนดังกล่าวควรจะดำเนินต่อไป
จนกระทั่งและตราบเท่าที่ยังไม่ถูกถอดถอนอย่างชัดแจ้งออกจากสถานที่ทำงาน
, สำนักงาน
และศูนย์กิจกรรม
ต่างๆ แต่ถึงกระนั้นก็ควรพยายามดำเนินหน้าที่ในตำแหน่งอื่นๆต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งนี้ ผู้จะทำตามข้อแนะนำนี้หมายรวมเฉพาะเจ้าหน้าที่ และพนักงานของกระทรวง กรม
กองและหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล
8
.รักษาหน้าที่ของหน่วยงานด้านการปกครองและหน่วยงานทางสังคมที่ถูกต้องตามกฎหมาย
บางครั้งอาจต้องสร้างองค์กรสำรองที่จำเป็นขึ้นมา
เพื่อสืบต่อหน้าที่ขององค์กรที่ถูกทำลาย หรือถูกคณะรัฐประหารสั่งปิดไป
9 .ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลที่สำคัญแก่ผู้ก่อรัฐประหาร
และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐประหาร ถ้าจำเป็นก็ให้ถอดป้ายบอกทาง ชื่อถนน สัญญาณการจราจร
เลขที่บ้าน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อระงับกิจกรรมของคณะรัฐประหารและปกป้องประชาชนไว้ไม่ให้ถูกจับกุม
10. ไม่ให้วัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่คณะผู้ก่อการ
ถ้าเป็นไปได้อาจต้องเก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย
11. มีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ด้วยมิตรภาพกับหน่วยงานต่างๆ และกองกำลังทหารที่รับใช้คณะรัฐประหาร
พร้อมๆไปกับการต่อต้านอย่างแข็งขืน
อธิบายเหตุผลต่างๆที่จำเป็นต้องต่อต้านรัฐประหารให้พวกเขาทราบ
ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อพวกเขา พยายามบั่นทอนความเชื่อมั่น
และโน้มน้าวให้พวกเขาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต่อต้าน
โดยอาจจะเป็นไปในรูปแบบของการจงใจใช้วิธีที่ไม่บังเกิดผลในการปราบปรามประชาชน
การส่งผ่านข้อมูลให้แก่ผู้ต่อต้านและอาจถึงขั้นรุนแรง
ด้วยการที่เหล่าทหารละทิ้งจากคณะรัฐประหาร
และหันมาร่วมต่อสู้เรียกร้องสันติภาพอย่างสันติวิธีกับกลุ่มผู้ต่อต้าน
โดยพยายามชักชวนให้เหล่าทหารและหน่วยงานต่างๆที่จำเป็น หันมายึดมั่นในบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายก่อนหน้านี้
12.ปฏิเสธที่จะช่วยคณะรัฐประหารทำการเผยแพร่คำโฆษณาชวนเชื่อ
13
.บันทึกกิจกรรมและการปราบปรามประชาชนของคณะรัฐประหารทั้งในรูปเอกสาร เสียง
และแผ่นฟิล์ม พยามยามรักษาหลักฐานเหล่านี้ไว้และแจกจ่ายข้อมูลออกไปอย่างกว้างขวาง
ทั้งส่งให้แก่ผู้ต่อต้าน ส่งให้นานาประเทศ สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ
และส่งถึงผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหารนั้นด้วย
14 .จัดสัมมนาวิชาการหรือจัดอภิปรายในสถาบันการศึกษา โรงเรียน
วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเริ่มจากเล็กๆ และขยายไปใหญ่สู่สาธารณะชนในสังคม
15.แจกจ่ายเผยแพร่ ใบปลิว ข้อความที่คัดค้านการรัฐประหาร
และความไม่ชอบธรรมของคณะเผด็จการรัฐประหารรวมถึงส่งแฟกซ์ อีเมล์ ข้อความ
สติ๊กเกอร์ หรือติดธง
หรือสัญลักษณ์ต้านรัฐประหารไว้กับเสารับสัญญาณวิทยุของรถหรือตามสี่แยกไฟแดงต่างๆ

16 .พยามอย่ารวมศูนย์การจัด การอภิปรายต้านรัฐประหารไว้ในที่เดียวกัน
หรือที่ใดที่หนึ่ง การจัดอภิปรายต้านรัฐประหารควรเป็นไปอย่างดาวกระจาย
กว้างขวางและเกิดขึ้นได้ทุกที่ เพื่อยากต่อการปรามปราบของคณะผู้ก่อการ
17 .ใส่เสื้อหรือสะพายกระเป๋า
หรือติดเข็มกลัดที่มีข้อความแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐประหาร ไปในทุกที่ ที่เดินทาง
18 .หากมีเพื่อน
หรือญาติพี่น้องอยู่นอกประเทศให้ช่วยกันกระจายข่าวออกไป
และให้ช่วยกันต้านรัฐประหารในที่นั้นๆ
19 .ไม่ทำลาย สถานที่ราชการ
และช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อนๆที่ต่อต้านรัฐประหารให้สำเร็จ
หยุด!เผด็จการรัฐประหาร อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
*หมายเหตุ : ข้อมูลบางส่วนเรียบเรียงจากหนังสือ ต้านรัฐประหาร:ยีน
ชาร์ป เขียน
,นุชจรีย์ ชลคุป แปลและอีกบางส่วนมาจากการเข้าร่วมศึกษาและเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มค

ทีมข่าวไทยอีนิวส์
30 มกราคม 2554
เพื่อ
เป็นการเตรียมตัวต้านรัฐประหาร พวกเราชาวไทยอีนิวส์
ขอแนะนำหนังสือ
คู่มือต้านรัฐประหาร
(Against the Coup:
Fundamentals of Effective Defense) 
ที่เขียนโดยยีน ชาร์ป
นักเขียนและนักยุทธวิธีฝ่ายสันติวิธี
ผู้ก่อตั้งสถาบัน อัลเบิร์ต ไอสไตน์
เล่มนี้
แปลโดยนุชจรีย์ ชลคุป
จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง
เมื่อปี
 2536 

เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่คนไทยจำเป็นต้องอ่านในยามนี้
ดาวโหลดหนังสือ คู่มือต้านรัฐประหาร

http://www.aeinstein.org/organizations/org/scannedPDFs/Against%20the%20Coup%20-%20Thai.pdf


ที่มา เว็บไซต์ The
Albert Einstein Institution 

1.ไม่ ยอมรับการรัฐประหารนั้น
และประณามผู้นำกลุ่มรัฐประหารว่าไม่มีความถูกต้องชอบธรรม และสมควรได้รับการปฏิเสธหากก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาล
การก่นประณามผู้ก่อการนี้ควรได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำที่มีคุณธรรม
, ผู้นำทางการเมืองและทางศาสนา,เจ้าหน้าที่รัฐและสมาชิกของสถาบันทางสังคม ต่างๆทั้งหมด (อันได้แก่
สถาบันการศึกษา
, สื่อมวลชน และการสื่อสาร) รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ทั้งในระดับชาติ
ท้องถิ่น ภูมิภาค หรือจังหวัด ตลอดจนประชาชนในภาคส่วนต่างๆ
2. ปฏิเสธที่จะกระทำการใดๆ
ที่เป็นการสร้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มผู้ก่อการรัฐประหาร ทั้งนี้
รวมไปถึงการไม่พยายามให้ผู้นำทางการเมืองที่ถูกกฎหมายไปเจรจาประนีประนอมกับ
กลุ่มคนเหล่านี้
3 .ให้ถือว่าคำสั่งและประกาศต่างๆของคณะรัฐประหาร
ที่ขัดแย้งกับกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
และไม่ต้องให้ความเคารพเชื่อฟัง
4 .พยายามให้การต่อต้านทั้งหมดเป็นไปอย่างสันติวิธี
เพื่อทำการต่อต้านรัฐประหารอย่างมีประสิทธิผลสูงที่สุด อย่ากระตุ้นให้เกิดการกระทำอันรุนแรง
หรือขาดความรอบคอบสุขุม
5 .ปฏิเสธและไม่เชื่อฟังกลุ่มรัฐประหารไม่ว่าจะกระทำการใดๆ
ที่เพื่อสถาปนาตนเองและเข้าควบคุมเครื่องมือของรัฐและสังคม
6 .ไม่ให้ความร่วมมือแก่ผู้ก่อการรัฐประหารทุกๆวิถีทาง
ผู้จะดำเนินการเช่นนี้หมายรวมไปถึงประชาชนทั่วไป
,ผู้เชี่ยวชาญและข้าราชการ
ทุกคน
, ผู้นำทางการเมืองทุกคนของรัฐและพรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรครัฐบาลชุด
ก่อน
,หน่วยงานกลางและหน่วยงานทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง,ทบวง,กรม,กอง ระดับภูมิภาค
และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
, กลุ่มสาขาอาชีพและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ, พนักงานทุกคนขององค์กรประเภทสื่อและองค์กรด้านการสื่อสาร,พนักงานทุกคนของ ระบบขนส่ง, ตำรวจ,ทหารและกรมกองต่างๆในกองทัพ,ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตุลาการทุกคน, พนักงานในสถาบันการเงินทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชน
ตลอดจนเจ้าหน้าที่และสมาชิกของสถาบันอื่นๆทั้งหมดของสังคม
 7.ไม่
ยอมรับคำสั่งและระเบียบข้อบังคับของคณะรัฐประหาร
แต่ยังคงรักษาหน้าที่ตามปกติของสังคม
หากว่าภาระหน้าที่นั้นสอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนเกิด รัฐประหาร
รวมไปถึงกฎหมาย และนโยบายของรัฐและสถาบันทางสังคมที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ส่วนภาระหน้าที่ของประชาชนดังกล่าวควรจะดำเนินต่อไป จนกระทั่ง และ
ตราบเท่าที่ยังไม่ถูกถอดถอนอย่างชัดแจ้งออกจากสถานที่ทำงาน
, สำนักงาน
และศูนย์กิจกรรมต่างๆ
แต่ถึงกระนั้นก็ควรพยายามดำเนินหน้าที่ในตำแหน่งอื่นๆต่อไปให้นานที่สุดเท่า
ที่จะทำได้ ทั้งนี้ ผู้จะทำตามข้อแนะนำนี้หมายรวมเฉพาะเจ้าหน้าที่
และพนักงานของกระทรวง กรม กองและหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล
8 .รักษาหน้าที่ของหน่วยงานด้านการปกครองและหน่วยงานทางสังคมที่ถูกต้องตาม
กฎหมาย บางครั้งอาจต้องสร้างองค์กรสำรองที่จำเป็นขึ้นมา เพื่อสืบต่อหน้าที่ขององค์กรที่ถูกทำลาย
หรือถูกคณะรัฐประหารสั่งปิดไป
9 .ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลที่สำคัญแก่ผู้ก่อรัฐประหาร
และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐประหาร ถ้าจำเป็นก็ให้ถอดป้ายบอกทาง ชื่อถนน สัญญาณการจราจร
เลขที่บ้าน ฯลฯ
ทั้งนี้เพื่อระงับกิจกรรมของคณะรัฐประหารและปกป้องประชาชนไว้ไม่ให้ถูก จับกุม
10. ไม่ให้วัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่คณะผู้ก่อการ
ถ้าเป็นไปได้อาจต้องเก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย
 
11. “มีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ด้วยมิตรภาพกับหน่วยงานต่างๆ
และกองกำลังทหารที่รับใช้คณะรัฐประหาร พร้อมๆไปกับการต่อต้านอย่างแข็งขืน
อธิบายเหตุผลต่างๆที่จำเป็นต้องต่อต้านรัฐประหารให้พวกเขาทราบ
ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อพวกเขา พยายามบั่นทอนความเชื่อมั่น
และโน้มน้าวให้พวกเขาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต่อต้าน
โดยอาจจะเป็นไปในรูปแบบของการจงใจใช้วิธีที่ไม่บังเกิดผลในการปราบปราม ประชาชน
การส่งผ่านข้อมูลให้แก่ผู้ต่อต้านและอาจถึงขั้นรุนแรง
ด้วยการที่เหล่าทหารละทิ้งจากคณะรัฐประหาร
และหันมาร่วมต่อสู้เรียกร้องสันติภาพอย่างสันติวิธีกับกลุ่มผู้ต่อต้าน
โดยพยายามชักชวนให้เหล่าทหารและหน่วยงานต่างๆที่จำเป็น
หันมายึดมั่นในบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายก่อนหน้านี้
12.ปฏิเสธที่จะช่วยคณะรัฐประหารทำการเผยแพร่คำโฆษณาชวนเชื่อ
13 .บันทึกกิจกรรมและการปราบปรามประชาชนของคณะรัฐประหารทั้งในรูปเอกสาร
เสียง และแผ่นฟิล์ม
พยามยามรักษาหลักฐานเหล่านี้ไว้และแจกจ่ายข้อมูลออกไปอย่างกว้างขวาง
ทั้งส่งให้แก่ผู้ต่อต้าน ส่งให้นานาประเทศ สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ
และส่งถึงผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหารนั้นด้วย
14 .จัดสัมมนาวิชาการหรือจัดอภิปรายในสถาบันการศึกษา
โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเริ่มจากเล็กๆ
และขยายไปใหญ่สู่สาธารณะชนในสังคม
15.แจกจ่ายเผยแพร่ ใบปลิว ข้อความที่คัดค้านการรัฐประหาร
และความไม่ชอบธรรมของคณะเผด็จการรัฐประหารรวมถึงส่งแฟกซ์ อีเมล์ ข้อความ
สติ๊กเกอร์ หรือติดธง
หรือสัญลักษณ์ต้านรัฐประหารไว้กับเสารับสัญญาณวิทยุของรถหรือตามสี่แยกไฟแดง ต่างๆ
16 .พยายาม อย่ารวมศูนย์การจัด
การอภิปรายต้านรัฐประหารไว้ในที่เดียวกัน หรือที่ใดที่หนึ่ง
การจัดอภิปรายต้านรัฐประหารควรเป็นไปอย่างดาวกระจาย กว้างขวางและเกิดขึ้นได้ทุกที่
เพื่อยากต่อการปรามปราบของคณะผู้ก่อการ
 17 .ใส่เสื้อหรือสะพายกระเป๋า
หรือติดเข็มกลัดที่มีข้อความแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐประหาร ไปในทุกที่ ที่เดินทาง
18 .หากมีเพื่อน
หรือญาติพี่น้องอยู่นอกประเทศให้ช่วยกันกระจายข่าวออกไป
และให้ช่วยกันต้านรัฐประหารในที่นั้นๆ
 19 .อย่าทำลาย สถานที่ราชการ
และช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อนๆที่ต่อต้านรัฐประหารให้สำเร็จ
(ข้อมูลบางส่วนเรียบเรียงจากหนังสือ ต้านรัฐประหาร:ยีน ชาร์ป
เขียน
 ,นุชจรีย์
ชลคุป แปล และบทความของ ภูมิวัฒน์ นุกิจ
 ) 







คู่มือการต่อต้านรัฐประหาร แบบสันติวิธีอย่างสร้างสรรค์ (เอาไปประยุกต์ใช้วันนี้ได้หรือไม่?)


คู่มือการต่อต้านรัฐประหาร แบบสันติวิธีอย่างสร้างสรรค์
ภูมิวัติ นุกิจ กลุ่มรองเท้าแตะ
http://www.9dern.com/rsa/view.php?id=1295
ประเทศเป็นของประชาชน อำนาจในการปกครองเป็นของประชาชน และอธิปไตยต่างเป็นของประชาชนเช่นกัน การรัฐประหารคือศัตรูของประชาชน เนื่องจากการรัฐประหาร คือการทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างสิ้น
เชิง ซึ่งการรัฐประหารก็คือการประหารรัฐนั้นเอง โดยคณะผู้ก่อการทุกคณะต่างไม่เคยเชื่อมั่นในการแก้ไขการเปลี่ยนผ่านวิกฤติทางการเมืองโดยพลังของประชาชนเอง การออกกฏ คำสั่งหรือประกาศต่างๆ ถือเป็นการ
กระทำที่ขัดต่อศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์ของแต่ละบุคคล และขัดต่อสิทธิความเป็นคนโดยธรรมชาติที่จะหายใจ ที่เคลื่อนไหว ที่จะคิด ที่จะเขียน ที่จะอ่าน หรือที่จะพูดคุยสื่อสารกันอย่างมีอารยะในหมู่ประชาชน
พึงตระหนักเถิดว่าประชาชนคือเจ้าของประเทศผู้เสียภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อม ปืนทุกกระบอก รถถังทุกคัน ระเบิดทุกลูก เสื้อผ้าที่คณะเผด็จการผู้ก่อการสวมใส่ หรือบ้านพักและรถประจำตำแหน่งฯลฯล้วนมาจากเงินและหยาดเหงื่อของประชาชน

ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนไม่เคยได้อะไรจากการรัฐประหาร สิ่งที่ได้คือความอดอยาก ความหวาดกลัวและการถูกบังคับให้อยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการของคณะผู้ก่อการทุกยุคทุกสมัย และสิ่งที่ผู้ก่อการพยามทำให้สำเร็จก็คือการโฆษณาชวนเชื่อต่อประชาชน การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง เพื่อมอมเมาประชาชนให้เชื่อ และสิ่งสำคัญที่คณะเผด็จการผู้ก่อการทุกคณะต้องทำคือการสืบทอดอำนาจของตนเอง เพื่อป้องกันการรัฐประหารซ้อน การถูกเอาคืน เนื่องจากหากการทำรัฐประหารผิดพลาดถือว่าเป็นกบฏต่อรัฐ ในความเป็นจริงการรัฐประหารก็คือการเป็นกบฏต่อคนส่วนใหญ่อย่างชัดเจน เพราะเป็นการกระทำของบุคคลหรือคณะเพียงกลุ่มเดียว และการรัฐประหารมันมีปัญหาในตัวของมันเองทั้งในแง่ของเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ฯลฯ เพราะประชาชนคนทุกข์ยากได้เรียนรู้แล้วว่าจะไม่อนุญาตให้คณะบุคคลมากำหนดชีวิตเขาอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญอีกประการที่คณะผู้ทำการรัฐประหารต้องทำ ก็คือแสวงหาผลประโยชน์แบ่งเค้กความสำเร็จกันในหมู่พรรคพวกผู้ก่อการ ดังนั้นประชาชนทั้งหลายย่อมมีสิทธิ ที่จะต่อต้านคณะเผด็จการ ได้ในทุกรูปแบบทั้งโดยสงบ สันติและเปิดเผยดังต่อไปนี้
บัญญัติ 14 ประการคัดค้านรัฐประหาร
ทันทีที่มีการรัฐประหาร ขอให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศพร้อมใจกันดำเนินการดังต่อไปนี้
1. หากหยุดงานได้พร้อมใจกันหยุดงานทั่วประเทศโดยทันที เพื่อเป็นการไม่ให้ความร่วมมือกับคณะเผด็จการผู้ก่อการ
2. ออกมายืนตามท้องถนน ถ้ามีการปราบให้สลายตัวกลับเข้าบ้านหรือที่ทำงาน แล้วจึงออกมาใหม่ หรือให้พยามหลบภัยเข้าไปยังสำนักงานสหประชาชาติ (ประจำประเทศไทย) ให้ได้
3 . จอดรถ หรือนำสิ่งของทิ้งไว้กลางถนน เพื่อขวางการเคลื่อนย้ายกำลังพล และอาวุธของคณะเผด็จการผู้ก่อการ
4 . ปฏิเสธคำสั่ง หรือประกาศใดๆ และไม่ให้ความร่วมมือทุกประการแก่คณะรัฐประหาร
5 . พยายามเป็นมิตรกับทหารที่เป็นลูกหลานของเรา ซึ่งที่เขาไม่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารและชักชวนเขามาร่วมคัดค้านรัฐประหาร
6 . ยึดมั่นในสันติวิธี ผูกผ้าสีเขียวไว้ที่แขนเพื่อความสมานฉันท์ และเป็นสัญลักษณ์ของสันติวิธี ให้อดกลั้นต่อความโกรธ แม้จะถูกยั่วยุและปราบปราม
7 . โทรศัพท์ โทรสาร อีเมล์หรือส่งข้อความ หรือใช้วิธีส่งข่าวอื่นๆเพื่อขยายการคัดค้านรัฐประหารให้กว้างขวางออกไปให้มากที่สุด
8 . คณะผู้ก่อการรัฐประหารเดินทางไปที่ไหนให้ พี่น้องประชาชนที่อยู่ที่นั่น ช่วยกันประณาม โดยการก่นด่าหรือตะโกน เพื่อแสดงออกอย่างชอบธรรมว่าประชาชนไม่ ยอมรับคณะผู้ก่อการ
9. ประณามองค์กรภาคประชาชน สื่อมวลชนหรือองค์กร หน่วยงานต่างๆที่สนับสนุนการรัฐประหาร
10. งด หรือไม่ซื้อสินค้าของกลุ่มทุนที่สนับสนุนการรัฐประหาร
หากมาตรการขั้นแรกไม่ได้ผลให้ดำเนินการต่อไปดังนี้
11. ถอนเงินออกจากธนาคารทุกแห่ง
12.ขายหุ้นที่มีอยู่ออกให้หมด และขายเงินบาทไปซื้อเงินดอลล่าร์มาเก็บไว้
13.ถ้าเป็นข้าราชการ ก็ให้ลาออก หากทำไม่ได้ให้เลี่ยงงานหรือเฉื่อยงาน และช่วยกันส่งข้อมูล ข้อเท็จจริงที่มีอยู่เกี่ยวกับการทำรัฐประหารของคณะผู้ก่อการให้กับประชาชนที่ต่อต้านการรัฐประหาร
14.งดจ่ายภาษี ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ฯลฯ
แนวทางเพื่อการต่อต้านรัฐประหาร
การต่อสู้เพื่อต้านรัฐประหารสามารถกำหนดแนวทางต่างๆที่เฉพาะเจาะจง เพื่อเป็นพื้นฐานขั้นต้นของยุทธวิธีต่อต้านรัฐประหารให้มีประสิทธิภาพดังนี้
1.ไม่ยอมรับการรัฐประหารนั้น และประณามผู้นำกลุ่มรัฐประหารว่าไม่มีความถูกต้องชอบธรรม และสมควรได้รับการปฏิเสธหากก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาล การก่นประณามผู้ก่อการนี้ควรได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำที่มีคุณธรรม, ผู้นำทางการเมืองและทางศาสนา,เจ้าหน้าที่รัฐและสมาชิกของสถาบันทางสังคมต่างๆทั้งหมด (อันได้แก่ สถาบันการศึกษา, สื่อมวลชน และการสื่อสาร) รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ทั้งในระดับชาติ
ท้องถิ่น ภูมิภาค หรือจังหวัด ตลอดจนประชาชนในภาคส่วนต่างๆ
2. ปฏิเสธที่จะกระทำการใดๆ ที่เป็นการสร้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มผู้ก่อการรัฐประหาร ทั้งนี้ รวมไปถึงการไม่พยายามให้ผู้นำทางการเมืองที่ถูกกฎหมายไปเจรจาประนีประนอมกับกลุ่มคนเหล่านี้
3 .ให้ถือว่าคำสั่งและประกาศต่างๆของคณะรัฐประหาร ที่ขัดแย้งกับกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งผิดกฎหมาย และไม่ต้องให้ความเคารพเชื่อฟัง
4 .พยายามให้การต่อต้านทั้งหมดเป็นไปอย่างสันติวิธี เพื่อทำการต่อต้านรัฐประหารอย่างมีประสิทธิผลสูงที่สุด อย่ากระตุ้นให้เกิดการกระทำอันรุนแรง หรือขาดความรอบคอบสุขุม
5 .ปฏิเสธและไม่เชื่อฟังกลุ่มรัฐประหารไม่ว่าจะกระทำการใดๆ ที่เพื่อสถาปนาตนเองและเข้าควบคุมเครื่องมือของรัฐและสังคม
6 .ไม่ให้ความร่วมมือแก่ผู้ก่อการรัฐประหารทุกๆวิถีทาง ผู้จะดำเนินการเช่นนี้หมายรวมไปถึงประชาชนทั่วไป,ผู้เชี่ยวชาญและข้าราชการทุกคน, ผู้นำทางการเมืองทุกคนของรัฐและพรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรค
รัฐบาลชุดก่อน,หน่วยงานกลางและหน่วยงานทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง,ทบวง,กรม,กอง ระดับภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กลุ่มสาขาอาชีพและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ, พนักงานทุกคนขององค์กรประเภทสื่อและองค์กรด้านการสื่อสาร,พนักงานทุกคนของระบบขนส่ง, ตำรวจ,ทหารและกรมกองต่างๆในกองทัพ,ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตุลาการทุกคน,พนักงานในสถาบันการเงินทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่และสมาชิกของสถาบันอื่นๆทั้งหมดของสังคม
7.ไม่ยอมรับคำสั่งและระเบียบข้อบังคับของคณะรัฐประหาร แต่ยังคงรักษาหน้าที่ตามปกติของสังคม หากว่าภาระหน้าที่นั้นสอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนเกิดรัฐประหาร รวมไปถึงกฎหมาย และนโยบายของรัฐและสถาบันทางสังคมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนภาระหน้าที่ของประชาชนดังกล่าวควรจะดำเนินต่อไป จนกระทั่งและตราบเท่าที่ยังไม่ถูกถอดถอนอย่างชัดแจ้งออกจากสถานที่ทำงาน, สำนักงาน และศูนย์กิจกรรม
ต่างๆ แต่ถึงกระนั้นก็ควรพยายามดำเนินหน้าที่ในตำแหน่งอื่นๆต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ ผู้จะทำตามข้อแนะนำนี้หมายรวมเฉพาะเจ้าหน้าที่ และพนักงานของกระทรวง กรม กองและหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล
8 .รักษาหน้าที่ของหน่วยงานด้านการปกครองและหน่วยงานทางสังคมที่ถูกต้องตามกฎหมาย บางครั้งอาจต้องสร้างองค์กรสำรองที่จำเป็นขึ้นมา เพื่อสืบต่อหน้าที่ขององค์กรที่ถูกทำลาย หรือถูกคณะรัฐประหารสั่งปิดไป
9 .ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลที่สำคัญแก่ผู้ก่อรัฐประหาร และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐประหาร ถ้าจำเป็นก็ให้ถอดป้ายบอกทาง ชื่อถนน สัญญาณการจราจร เลขที่บ้าน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อระงับกิจกรรมของคณะรัฐประหารและปกป้องประชาชนไว้ไม่ให้ถูกจับกุม
10. ไม่ให้วัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่คณะผู้ก่อการ ถ้าเป็นไปได้อาจต้องเก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย
11. มีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ด้วยมิตรภาพกับหน่วยงานต่างๆ และกองกำลังทหารที่รับใช้คณะรัฐประหาร พร้อมๆไปกับการต่อต้านอย่างแข็งขืน อธิบายเหตุผลต่างๆที่จำเป็นต้องต่อต้านรัฐประหารให้พวกเขาทราบ ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อพวกเขา พยายามบั่นทอนความเชื่อมั่น และโน้มน้าวให้พวกเขาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต่อต้าน โดยอาจจะเป็นไปในรูปแบบของการจงใจใช้วิธีที่ไม่บังเกิดผลในการปราบปรามประชาชน การส่งผ่านข้อมูลให้แก่ผู้ต่อต้านและอาจถึงขั้นรุนแรง ด้วยการที่เหล่าทหารละทิ้งจากคณะรัฐประหาร และหันมาร่วมต่อสู้เรียกร้องสันติภาพอย่างสันติวิธีกับกลุ่มผู้ต่อต้าน โดยพยายามชักชวนให้เหล่าทหารและหน่วยงานต่างๆที่จำเป็น หันมายึดมั่นในบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายก่อนหน้านี้
12.ปฏิเสธที่จะช่วยคณะรัฐประหารทำการเผยแพร่คำโฆษณาชวนเชื่อ
13 .บันทึกกิจกรรมและการปราบปรามประชาชนของคณะรัฐประหารทั้งในรูปเอกสาร เสียง และแผ่นฟิล์ม พยามยามรักษาหลักฐานเหล่านี้ไว้และแจกจ่ายข้อมูลออกไปอย่างกว้างขวาง ทั้งส่งให้แก่ผู้ต่อต้าน ส่งให้นานาประเทศ สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ และส่งถึงผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหารนั้นด้วย
14 .จัดสัมมนาวิชาการหรือจัดอภิปรายในสถาบันการศึกษา โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเริ่มจากเล็กๆ และขยายไปใหญ่สู่สาธารณะชนในสังคม
15.แจกจ่ายเผยแพร่ ใบปลิว ข้อความที่คัดค้านการรัฐประหาร และความไม่ชอบธรรมของคณะเผด็จการรัฐประหารรวมถึงส่งแฟกซ์ อีเมล์ ข้อความ สติ๊กเกอร์ หรือติดธง หรือสัญลักษณ์ต้านรัฐประหารไว้กับเสารับสัญญาณวิทยุของรถหรือตามสี่แยกไฟแดงต่างๆ

16 .พยามอย่ารวมศูนย์การจัด การอภิปรายต้านรัฐประหารไว้ในที่เดียวกัน หรือที่ใดที่หนึ่ง การจัดอภิปรายต้านรัฐประหารควรเป็นไปอย่างดาวกระจาย กว้างขวางและเกิดขึ้นได้ทุกที่ เพื่อยากต่อการปรามปราบของคณะผู้ก่อการ
17 .ใส่เสื้อหรือสะพายกระเป๋า หรือติดเข็มกลัดที่มีข้อความแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐประหาร ไปในทุกที่ ที่เดินทาง
18 .หากมีเพื่อน หรือญาติพี่น้องอยู่นอกประเทศให้ช่วยกันกระจายข่าวออกไป และให้ช่วยกันต้านรัฐประหารในที่นั้นๆ
19 .ไม่ทำลาย สถานที่ราชการ และช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อนๆที่ต่อต้านรัฐประหารให้สำเร็จ
หยุด!เผด็จการรัฐประหาร อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน
*หมายเหตุ : ข้อมูลบางส่วนเรียบเรียงจากหนังสือ ต้านรัฐประหาร:ยีน ชาร์ป เขียน ,นุชจรีย์ ชลคุป แปลและอีกบางส่วนมาจากการเข้าร่วมศึกษาและเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มค

ทีมข่าวไทยอีนิวส์
30 มกราคม 2554
เพื่อ เป็นการเตรียมตัวต้านรัฐประหาร พวกเราชาวไทยอีนิวส์
ขอแนะนำหนังสือ คู่มือต้านรัฐประหาร
(Against the Coup: Fundamentals of Effective Defense) 
ที่เขียนโดยยีน ชาร์ป นักเขียนและนักยุทธวิธีฝ่ายสันติวิธี
ผู้ก่อตั้งสถาบัน อัลเบิร์ต ไอสไตน์ เล่มนี้
แปลโดยนุชจรีย์ ชลคุป
จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง เมื่อปี 2536 

เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่คนไทยจำเป็นต้องอ่านในยามนี้
ดาวโหลดหนังสือ คู่มือต้านรัฐประหาร

http://www.aeinstein.org/organizations/org/scannedPDFs/Against%20the%20Coup%20-%20Thai.pdf

ที่มา เว็บไซต์ The Albert Einstein Institution 

1.ไม่ ยอมรับการรัฐประหารนั้น และประณามผู้นำกลุ่มรัฐประหารว่าไม่มีความถูกต้องชอบธรรม และสมควรได้รับการปฏิเสธหากก้าวขึ้นมาเป็นรัฐบาล การก่นประณามผู้ก่อการนี้ควรได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำที่มีคุณธรรม, ผู้นำทางการเมืองและทางศาสนา,เจ้าหน้าที่รัฐและสมาชิกของสถาบันทางสังคม ต่างๆทั้งหมด (อันได้แก่ สถาบันการศึกษา, สื่อมวลชน และการสื่อสาร) รวมไปถึงหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ทั้งในระดับชาติ ท้องถิ่น ภูมิภาค หรือจังหวัด ตลอดจนประชาชนในภาคส่วนต่างๆ
2. ปฏิเสธที่จะกระทำการใดๆ ที่เป็นการสร้างความชอบธรรมให้แก่กลุ่มผู้ก่อการรัฐประหาร ทั้งนี้ รวมไปถึงการไม่พยายามให้ผู้นำทางการเมืองที่ถูกกฎหมายไปเจรจาประนีประนอมกับ กลุ่มคนเหล่านี้
3 .ให้ถือว่าคำสั่งและประกาศต่างๆของคณะรัฐประหาร ที่ขัดแย้งกับกฎหมายที่มีอยู่ปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งผิดกฎหมาย และไม่ต้องให้ความเคารพเชื่อฟัง
4 .พยายามให้การต่อต้านทั้งหมดเป็นไปอย่างสันติวิธี เพื่อทำการต่อต้านรัฐประหารอย่างมีประสิทธิผลสูงที่สุด อย่ากระตุ้นให้เกิดการกระทำอันรุนแรง หรือขาดความรอบคอบสุขุม
5 .ปฏิเสธและไม่เชื่อฟังกลุ่มรัฐประหารไม่ว่าจะกระทำการใดๆ ที่เพื่อสถาปนาตนเองและเข้าควบคุมเครื่องมือของรัฐและสังคม
6 .ไม่ให้ความร่วมมือแก่ผู้ก่อการรัฐประหารทุกๆวิถีทาง ผู้จะดำเนินการเช่นนี้หมายรวมไปถึงประชาชนทั่วไป,ผู้เชี่ยวชาญและข้าราชการ ทุกคน, ผู้นำทางการเมืองทุกคนของรัฐและพรรคการเมืองทุกพรรครวมทั้งพรรครัฐบาลชุด ก่อน,หน่วยงานกลางและหน่วยงานทุกหน่วยงาน ทุกกระทรวง,ทบวง,กรม,กอง ระดับภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น, กลุ่มสาขาอาชีพและผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ, พนักงานทุกคนขององค์กรประเภทสื่อและองค์กรด้านการสื่อสาร,พนักงานทุกคนของ ระบบขนส่ง, ตำรวจ,ทหารและกรมกองต่างๆในกองทัพ,ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตุลาการทุกคน, พนักงานในสถาบันการเงินทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชน ตลอดจนเจ้าหน้าที่และสมาชิกของสถาบันอื่นๆทั้งหมดของสังคม
 7.ไม่ ยอมรับคำสั่งและระเบียบข้อบังคับของคณะรัฐประหาร แต่ยังคงรักษาหน้าที่ตามปกติของสังคม หากว่าภาระหน้าที่นั้นสอดคล้องกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญฉบับก่อนเกิด รัฐประหาร รวมไปถึงกฎหมาย และนโยบายของรัฐและสถาบันทางสังคมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนภาระหน้าที่ของประชาชนดังกล่าวควรจะดำเนินต่อไป จนกระทั่ง และ ตราบเท่าที่ยังไม่ถูกถอดถอนอย่างชัดแจ้งออกจากสถานที่ทำงาน, สำนักงาน และศูนย์กิจกรรมต่างๆ แต่ถึงกระนั้นก็ควรพยายามดำเนินหน้าที่ในตำแหน่งอื่นๆต่อไปให้นานที่สุดเท่า ที่จะทำได้ ทั้งนี้ ผู้จะทำตามข้อแนะนำนี้หมายรวมเฉพาะเจ้าหน้าที่ และพนักงานของกระทรวง กรม กองและหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล
8 .รักษาหน้าที่ของหน่วยงานด้านการปกครองและหน่วยงานทางสังคมที่ถูกต้องตาม กฎหมาย บางครั้งอาจต้องสร้างองค์กรสำรองที่จำเป็นขึ้นมา เพื่อสืบต่อหน้าที่ขององค์กรที่ถูกทำลาย หรือถูกคณะรัฐประหารสั่งปิดไป
9 .ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลที่สำคัญแก่ผู้ก่อรัฐประหาร และกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐประหาร ถ้าจำเป็นก็ให้ถอดป้ายบอกทาง ชื่อถนน สัญญาณการจราจร เลขที่บ้าน ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อระงับกิจกรรมของคณะรัฐประหารและปกป้องประชาชนไว้ไม่ให้ถูก จับกุม
10. ไม่ให้วัสดุและอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่คณะผู้ก่อการ ถ้าเป็นไปได้อาจต้องเก็บซ่อนสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย 
11. “มีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ด้วยมิตรภาพกับหน่วยงานต่างๆ และกองกำลังทหารที่รับใช้คณะรัฐประหาร พร้อมๆไปกับการต่อต้านอย่างแข็งขืน อธิบายเหตุผลต่างๆที่จำเป็นต้องต่อต้านรัฐประหารให้พวกเขาทราบ ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงใดๆ ต่อพวกเขา พยายามบั่นทอนความเชื่อมั่น และโน้มน้าวให้พวกเขาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ต่อต้าน โดยอาจจะเป็นไปในรูปแบบของการจงใจใช้วิธีที่ไม่บังเกิดผลในการปราบปราม ประชาชน การส่งผ่านข้อมูลให้แก่ผู้ต่อต้านและอาจถึงขั้นรุนแรง ด้วยการที่เหล่าทหารละทิ้งจากคณะรัฐประหาร และหันมาร่วมต่อสู้เรียกร้องสันติภาพอย่างสันติวิธีกับกลุ่มผู้ต่อต้าน โดยพยายามชักชวนให้เหล่าทหารและหน่วยงานต่างๆที่จำเป็น หันมายึดมั่นในบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายก่อนหน้านี้
12.ปฏิเสธที่จะช่วยคณะรัฐประหารทำการเผยแพร่คำโฆษณาชวนเชื่อ
13 .บันทึกกิจกรรมและการปราบปรามประชาชนของคณะรัฐประหารทั้งในรูปเอกสาร เสียง และแผ่นฟิล์ม พยามยามรักษาหลักฐานเหล่านี้ไว้และแจกจ่ายข้อมูลออกไปอย่างกว้างขวาง ทั้งส่งให้แก่ผู้ต่อต้าน ส่งให้นานาประเทศ สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ และส่งถึงผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหารนั้นด้วย
14 .จัดสัมมนาวิชาการหรือจัดอภิปรายในสถาบันการศึกษา โรงเรียน วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยเริ่มจากเล็กๆ และขยายไปใหญ่สู่สาธารณะชนในสังคม
15.แจกจ่ายเผยแพร่ ใบปลิว ข้อความที่คัดค้านการรัฐประหาร และความไม่ชอบธรรมของคณะเผด็จการรัฐประหารรวมถึงส่งแฟกซ์ อีเมล์ ข้อความ สติ๊กเกอร์ หรือติดธง หรือสัญลักษณ์ต้านรัฐประหารไว้กับเสารับสัญญาณวิทยุของรถหรือตามสี่แยกไฟแดง ต่างๆ
16 .พยายาม อย่ารวมศูนย์การจัด การอภิปรายต้านรัฐประหารไว้ในที่เดียวกัน หรือที่ใดที่หนึ่ง การจัดอภิปรายต้านรัฐประหารควรเป็นไปอย่างดาวกระจาย กว้างขวางและเกิดขึ้นได้ทุกที่ เพื่อยากต่อการปรามปราบของคณะผู้ก่อการ
 17 .ใส่เสื้อหรือสะพายกระเป๋า หรือติดเข็มกลัดที่มีข้อความแสดงออกถึงการต่อต้านรัฐประหาร ไปในทุกที่ ที่เดินทาง
18 .หากมีเพื่อน หรือญาติพี่น้องอยู่นอกประเทศให้ช่วยกันกระจายข่าวออกไป และให้ช่วยกันต้านรัฐประหารในที่นั้นๆ
 19 .อย่าทำลาย สถานที่ราชการ และช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อนๆที่ต่อต้านรัฐประหารให้สำเร็จ
(ข้อมูลบางส่วนเรียบเรียงจากหนังสือ ต้านรัฐประหาร:ยีน ชาร์ป เขียน ,นุชจรีย์ ชลคุป แปล และบทความของ ภูมิวัฒน์ นุกิจ )